15 พ.ย.63-นายการุณ โหสกุล ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกรณีพลทหาร 3 นายเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำในค่ายทหารช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตนเองไม่รู้จักและไม่ใช่ญาติของผู้เสียชีวิต แต่การที่มีพลทหารเสียชีวิตถึง 3 ศพในสัปดาห์เดียวกำลังสะท้อนปัญหาภายในกองทัพว่ากองทัพมีความจริงใจในการแก้ปัญหาความรุนแรงในค่ายทหารที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ในฐานะที่ตนเป็นรองประธานกรรมาธิการติดตามงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎร คงต้องตั้งคำถามไปยังกองทัพว่าเพราะมีงบประมาณในการเกณฑ์ทหารอย่างเหลือเฟือ จึงทำให้กองทัพไม่ให้สำคัญกับการแก้ปัญหาความรุนแรงในค่ายทหารใช่หรือไม่ เพราะชายไทยอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ไม่ว่าจะอยากเป็นทหารหรือไม่ ก็ต้องมาเกณฑ์ทหาร ดังนั้นเมื่อมีกฎหมายบังคับเช่นนี้ พลทหารจึงเป็นของตายที่อาจทำให้กองทัพละเลยไม่แก้ปัญหา เพราะไม่ต้องง้อใครทั้งสิ้นใช่หรือไม่ 

"เราจึงเห็นการใช้ความรุนแรงกับพลทหารมาโดยตลอด ตนเองอยู่ในเขตดอนเมือง ตั้งแต่จำความได้ ก็ได้รับทราบเรื่องพลทหารถูกซ้อม ถูกทารุณแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ตนเองไปร่วมงานศพผู้วายชนม์ที่เป็นพลทหารมาหลายศพแล้ว บอกตามตรงว่าไม่อยากไปร่วมงานอีกแม้แต่ศพเดียว เพราะความรุนแรงและการทารุณกรรมเช่นนี้ควรยุติได้แล้ว"

นายการุณ กล่าวว่า เมื่อเกิดปัญหาการเสียชีวิตของพลทหารขึ้น ความรับผิดชอบของผู้บังคับหน่วยก็คือการตั้งกรรมการสอบสวน และ จ่ายเงินชดเชยผู้เสียชีวิต ซึ่งจะได้สิทธิ์อย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับผลสอบที่สรุปจากคณะกรรมการที่แต่งตั้งกันขึ้นมาเอง ดังนั้นการรวบรวมข้อเท็จจริง การพิสูจน์และการยืนยันหลักฐานต่างๆ ตลอดจนสาเหตุการตาย จึงเป็นคำถามของญาติผู้ตายและสังคมมาตลอดว่าเป็นไปตามที่กองทัพชี้แจงหรือไม่ ในชั้นนี้ตนเองอยากเรียกร้องให้มีการทบทวนกฎหมาย และควรมีข้อกำหนดให้กองทัพต้องรับผิดชอบมากกว่านี้โดยไม่สามารถปฎิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะหากปล่อยไปแบบนี้มีแต่จะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“ผมเป็น ส.ส.ที่อยู่ในเขตทหาร จึงมีความผูกพันกับพี่น้องทหารหาญเป็นจำนวนมาก ทหารส่วนใหญ่เป็นผู้ที่น่ายกย่อง เพราะเป็นคนดีและเสียสละให้ประเทศชาติ แต่วันนี้ทหารส่วนน้อยกำลังทำให้ภาพของกองทัพโดยรวมเสียหาย ดังนั้นเพื่อพิสูจน์และเรียกศรัทธากลับคืนมา กองทัพต้องรีบตรวจสอบและเปิดเผยผลการตรวจสอบเหตุการณ์เสียชีวิตของพลทหารด้วยความโปร่งใส ผมขอเรียกร้องให้กองทัพสังคายนาเรื่องการเกณฑ์ทหารอย่างจริงจัง และปรับปรุงระบบการฝึกซ้อมภายในค่ายทหารใหม่ให้เป็นมืออาชีพและโปร่งใสมากยิ่งขึ้นกว่านี้ และวันนี้อยากให้ท่าน ผ.บ.เหล่าทัพทุกท่านให้ความสำคัญกับการปฏิรูปกองทัพได้แล้ว อย่าปล่อยปละละเลยจนประชาชนต้องเสื่อมศรัทธาไปมากกว่านี้ ”