นับจากยุคบุกเบิกรุ่นพ่อและรุ่นแม่ในปี 2538 ที่เริ่มจากธุรกิจค้าขายยาสมุนไพรแบบซื้อมาขายไปของ “พ่อเฉลิม” และ “แม่ประนอม" วังพรม ซึ่งได้มองเห็นลู่ทางทำมาค้าขายสินค้าสมุนไพร อันเป็นผลิตภัณฑ์คู่ครัวเรือนไทยมาอย่างยาวนาน โดยในช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจ ทั้งคู่เริ่มจากการไปรับยาสมุนไพรบริเวณวัดโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเทพมหานคร มาจำหน่ายต่อในเขตจังหวัดนครปฐม โดยเลือกสถานที่ตั้งร้านแห่งแรกในบริเวณหน้าวัดไร่ขิง ต.ไร่ขิง อ.สามพราน
เมื่อการค้าขายในช่วงแรกได้ผลตอบรับดี ประกอบกับทั้งสองเริ่มมีความรู้และความเชี่ยวชาญในตัวสินค้าสมุนไพรชนิดต่างๆ มากขึ้น ในปี 2540 จึงได้เริ่มต้นพัฒนาสูตรยาขึ้นมาเอง ภายใต้แบรนด์ “สมุนไพรวังพรม” โดยสินค้าตัวแรกที่คิดค้นขึ้นมาคือ “ยาหม่องสมุนไพรสูตรไพล” โดยการเป็นผู้บุกเบิกคิดค้นสูตรยาหม่องสมุนไพรภายใต้แบรนด์ตัวเอง ทำให้สมุนไพรวังพรมเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ถัดมาเพียงไม่นานในปี 2543 ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สั่งสมจนตกผลึก สมุนไพรวังพรม จึงตัดสินใจก้าวต่อไปด้วยการคิดค้นสูตร “ยาหม่องสมุนไพรเสลดพังพอน” และขายดีเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้ชื่อของสมุนไพรวังพรมเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันยาหม่องสมุนไพรเสลดพังพอน ก็ขึ้นแท่นเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมและขายดีที่สุดต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย
ในวันนี้นับเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคที่สอง นับเป็นเวลากว่า 25 ปีที่สินค้าและผลิตภัณฑ์สมุนไพรวังพรมได้ถูกคิดค้นและวางขายจนเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่คนไทยรู้จักดี ในรุ่นที่สองที่ตกทอดจากรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูก แม้การดำเนินงานและยอดจำหน่ายจะเติบโตขึ้นตามลำดับ และสามารถยกระดับจากสินค้าโอท็อปห้าดาว ขยับสู่สินค้าและผลิตภัณฑ์ระดับชาติ แต่ภารกิจการพัฒนาสินค้าและก้าวขึ้นสู่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ที่ครองใจผู้บริโภคทั้งคนไทยและชาวต่างชาตินั้น ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ผู้บริหารรุ่นสองตั้งเป้าว่าจะต้องไปให้ถึง “เรามองว่าแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะคนยุคใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ และให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติมากขึ้น ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดเกือบ 20,000 ล้านบาท ซึ่งทิศทางนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะผู้บริโภคคนไทย แต่ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติที่มีความชื่นชอบสมุนไพรไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย หากดูจากตัวเลขประมาณการส่งออก กรมส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ชี้ว่า ตลาดสมุนไพรไทยมีมูลค่าการส่งออกรวมในปี 2562 มากกว่า 146,605 ล้านบาท ขณะที่ตลาดโลกมีมูลค่ามากกว่า 300,000 ล้านบาท เลยทีเดียว” นางสาววัชรีภรณ์ วังพรม กรรมการบริหารบริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด กล่าว
สำหรับแนวทางบริหารงานในรุ่นที่สอง วางเป้าหมายพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมาตรฐานในระดับสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและสามารถส่งขายต่างประเทศได้ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้าน และผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตต่างๆ
ทว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2563 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากในช่วงนั้นต้องหยุดไลน์การผลิตและปิดโรงงานชั่วคราว ขณะที่ยอดจำหน่ายก็ชะงักตัวเพราะผู้บริโภคชะลอการซื้อกะทันหัน “โรงงานเริ่มกลับมาเปิดและเดินสายพานการผลิตอีกครั้งในช่วงเดือน ก.ค. และ ส.ค.ที่ผ่านมา หลังสถานการณ์แพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย และเนื่องจากคำสั่งซื้อที่หยุดชะงักไปพร้อมการปิดโรงงาน ทำให้ตอนนี้ยอดสั่งซื้อที่เข้ามา ทำให้ต้องเดินหน้าผลิตอย่างเต็มกำลัง ซึ่งหากยอดคำสั่งซื้อเป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าภายในสิ้นปี 2563 จะประคองสถานการณ์ผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปได้ โดยมียอดขายตามเป้าหมายที่วางไว้” นายวุฒิชัย วังพรม กรรมการบริหารบริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด กล่าว
แม้ยอดขายจะเริ่มทยอยกลับเข้ามา แต่ผู้บริหารรุ่นสองยังคงเดินหน้าภารกิจยกระดับผลิตภัณฑ์ยาหม่องสมุนไพรนวดแก้ปวดเมื่อยและบรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อย เพื่อฉลองโอกาสดำเนินธุรกิจครบรอบ 25 ปี โดยการตั้งเป้าต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ “นวดผ่อนคลายประจำบ้าน” หรือ "โฮมเทอราพี” (Home Therapy) สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เป็นมิตร ด้วยกลยุทธ์ปั้นแบรนด์สมุนไพรไทยที่เชื่อมโยงกับภูมิปัญญาและการนวดไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ด้วยการเผยแพร่วิดีโอ “เชิดชูนวดไทย จากสมุนไพรวังพรม” ซึ่งไม่เพียงช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นไทย แต่ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มคุณค่าและเรื่องราวให้กับผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยอีกด้วย
“การต่อยอดยาหม่องสมุนไพร ยกระดับสู่การเป็นผลิตภัณฑ์โฮมเทอราพี จะทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น เน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่ที่หันมาให้ความสนใจผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และการจัดโปรโมชั่น ควบคู่ไปกับช่องทางจัดจำหน่ายหน้าร้านสมุนไพรวังพรมและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศไทย ขณะเดียวกันยังเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูน่าใช้ และได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ อันสอดคล้องกับศาสตร์นวดไทยที่ได้รับยกย่องเป็นมรดกโลก ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ก้าวสู่ระดับสากล” นายวุฒิชัยกล่าวปิดท้าย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |