'เลขาฯก้าวไกล' จี้รัฐสภาเปิดทางถกปฏิรูปสถาบัน ต้องยอมรับเรามาไกลกว่าแค่เรื่อง รธน.


เพิ่มเพื่อน    

15 พ.ย.63 - เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล - Move Forward Party เผยแพร่ข้อความว่า ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล : จะเปลี่ยนบ้านเมืองสู่  ‘ประชาธิปไตยสมบูรณ์’ จำเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ในเวทีเสวนา ‘บทบาทรัฐสภาในการแก้รัฐธรรมนูญ 7 ญัตติ กับจุดเปลี่ยนประเทศไทย’ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้สะท้อนความกังวลถึงบทบาทของกลไกรัฐสภาที่อาจทำอะไรที่ช้าเกินไป สายเกินไป และน้อยเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นสัญญาณจาก ส.ว. ที่อาจคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่ง และยังเห็นถึงสัญญาณความไม่เข้าใจสถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาลที่ยังเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรมีคนอยู่เบื้องหลัง

“ถ้าจะเปลี่ยนผ่านบ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เราจำเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โจทย์ที่สำคัญคือ รัฐสภาจะทำอย่างไรเพื่อให้มีให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. เพื่อเป็นพื้นที่ของทุกคน ทุกฝ่ายอย่างแท้จริง แม้ว่าทุกฝ่ายอาจจะไม่ได้ทั้งหมดในสิ่งที่คิดทั้งหมด แต่พื้นที่ สสร. ต้องเปิดประตูโอบรับคนทุกคนทุกฝ่าย ไม่ใช่เป็นการปิดประตูตั้งแต่ต้น ไม่ควรไปกำหนดตั้งแต่แรกว่าไม่สามารถแก้ไขหมวด 1 หรือหมวด 2 ได้ ขอให้เชื่อในกระบวนการทางสังคมว่าจะสามารถสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น ในทางกลับกันหากมีการปิดกั้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตั้งแต่ต้น ต่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกมาก็อาจจะไม่เกิดการเปลี่ยนผ่านเป็นประชาธิปไตย” 

ที่มาของ สสร. สำคัญมากต้องมีความชอบธรรมที่สุด ต้องมาจากการเลือกตั้งทางตรงทั้งหมด อย่าให้มี สสร. ที่มาจากการแต่งตั้ง ส่วนจะใช้การเลือกตั้งในรูปแบบไหน สามารถไปหารือกันได้ในวาระที่ 2 นอกจากนี้ ในประเด็นเฉพาะหน้าที่อาจเป็นเชื้อไฟจะต้องถอนออกมาให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรายประเด็นอย่างการยกเลิกอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วย

“รัฐสภาต้องยอมรับว่าหลายประเด็นในเวลานี้ไปไกลกว่าแค่เรื่องรัฐธรรมนูญแล้ว จะเลือกปิดหูปิดตาในสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากให้พูดต่อไปอีกไม่ได้แล้ว เพราะหากพูดในวันที่สถานการณ์ไปไกลก็อาจสายเกินไป รัฐสภาจะต้องเป็นกลไกที่สำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งอย่างมีวุฒิภาวะ ประเด็นที่มีการถกเถียงกันเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทางที่ดีที่สุดคือต้องไม่ทำให้สังคมต้องไปปะทะกันข้างนอก นั่นคือ รัฐสภาต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้มีการคุยเรื่องนี้กันอย่างมีวุฒิภาวะ”

ชัยธวัช ยังได้กล่าวฝากไปถึง ส.ว. และฝ่ายรัฐบาลว่า อย่ากลัวผู้ชุมนุมมาล้อมรัฐสภา เพราะหากวันใดที่ผู้ชุมนุมเปลี่ยนจากการไปล้อมรัฐสภาแล้วไปล้อมที่อื่น วันนั้นจะเป็นจุดที่ยากจะหวนกลับมาได้อีก โรดแม็ปวันนี้คือจะดีมากหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณและพูดต่อสมาชิกรัฐสภาว่าให้ช่วยกันโหวตรับร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่านี่จะเป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อลาออกไปแล้วสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันคือการทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และดูในรายประเด็นที่เป็นเชื้อไฟ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีการปิดสวิตซ์ ส.ว. อย่างเป็นทางการ แต่สามารถให้ ส.ส. มีการตกลงกันเองได้ว่า ถ้าหากพรรคการเมืองใดได้เสียงมากที่สุดก็จัดตั้งรัฐบาลได้ โดยพรรคก้าวไกล แม้จะไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลก็พร้อมที่จะโหวตให้ เพื่อให้เสียง ส.ส. เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดโดยไม่ต้องอาศัยเสียงของ ส.ว. เพื่อให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย มีภาระกิจคือเข้ามาเป็นรัฐบาลชั่วคราวเพื่อดูแลช่วงที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดูแลการเลือกตั้ง สสร. ดูแลปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ

“เมื่อการเมืองนิ่งก็สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เร่งด่วน รวมทั้งการสร้างพื้นที่ปลอดภัยอาจทำผ่านการตั้งกรรมาธิการก็ได้ หรือจะตั้งกรรมการภายใต้อำนาจของประธานรัฐสภาก็ได้ แต่ต้องเป็นการพูดคุยในประเด็นที่เป็นปัญหาความขัดแย้งจริงๆ ก่อนที่จะสายเกินไป” 

นอกจากนี้ ชัยธวัช ยังมีข้อวิจารณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ที่ยื่นญัติด่วนต่อรัฐสภาเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับไม่สามารถทำได้

“การส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความประเด็นนี้ อีกนัยหนึ่งก็ถือเสมือนเป็นการยื่นตีความอำนาจของรัฐสภาว่า รัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกำลังเป็นการใช้วิธีการ ‘นิติรัฐประหาร’ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ต่อไปนี้รัฐสภาจะไม่สามารถจัดให้มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้อีก แม้กระทั่งการทำประชามติถามประชาชนเรื่องการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ทำไม่ได้ ความเชื่อแบบนี้ตรรกะแบบนี้จึงเป็นอันตรายต่อระบบรัฐสภา เพราะหากเป็นเช่นนี้ ต่อไปการมี ‘รัฐธรรมนูญฉบับใหม่’ จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมี ‘รัฐประหาร’ แล้วเท่านั้น ซึ่งก็คือมี รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก่อนถึงจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ คำถามคือ เราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆหรือ”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"