ศบค.เผยพบผู้ป่วยใหม่ 5 ราย มาจากต่างประเทศทั้งหมด "นายกฯ" ขอบคุณ "องค์การอนามัยโลก" ชื่นชมไทยดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ชี้เป็นความสำเร็จร่วมกันของคนไทยทุกคน ด้านรองโฆษกรัฐบาลเผย ไทยเตรียมความพร้อมเปิดประเทศ จ่อลดกักตัวเหลือ 10 วัน เพราะการตรวจสอบเชื้อหลังวันที่ 10 ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ โอกาสแพร่เชื้อต่ำ
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,866 ราย หายป่วยเพิ่ม 10 ราย ยอดรวมผู้รักษาหายป่วย 3,707 ราย รักษาในโรงพยาบาล 99 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ รายที่ 1 มาจากสิงคโปร์ เป็นเพศชายสัญชาติไทย อายุ 48 ปี ตรวจพบเชื้อวันที่ 12 พ.ย. รักษาที่โรงพยาบาลใน จ.ชลบุรี, รายที่ 2 มาจากอิตาลี เป็นเพศชาย สัญชาติอิตาเลียน อายุ 44 ปี อาชีพวิศวกร ตรวจพบเชื้อวันที่ 12 พ.ย. เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน, รายที่ 3, 4 มาจากสหราชอาณาจักร เป็นเพศหญิง สัญชาติไทย อายุ 27 ปี อาชีพพนักงานเสิร์ฟอาหาร และอีกรายเป็นนักศึกษา สัญชาติไทย อายุ 19 ปี ทั้งหมดตรวจพบเชื้อวันที่ 12 พ.ย. อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ในกทม. และรายที่ 5 มาจากสหรัฐอเมริกา เป็นเพศหญิง สัญชาติอเมริกัน อายุ 39 ปี ตรวจพบเชื้อ 12 พ.ย. เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน กทม.
สถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 53,738,180 ราย รักษาหายป่วย 37,519,510 ราย เสียชีวิต 1,309,147 ราย ส่วนเที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับประเทศวันที่ 14 พ.ย. รวม 770 คน จาก 8 เที่ยวบิน และวันที่ 15 พ.ย. อีก 186 คน จาก 7 เที่ยวบิน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ชื่นชมบทบาทการเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย รวมทั้งการทำงานด้านสาธารณสุขของไทย ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกได้กล่าวในพิธีปิดการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 73 (World Health Assembly 2020) โดยขอบคุณประเทศไทยที่สนับสนุนการทำงานขององค์การอนามัยโลก และชื่นชมประเทศไทยที่เป็นตัวอย่าง ต้นแบบของการประสบความสำเร็จ ในการบูรณาการความร่วมมือของภาครัฐและภาคประชาสังคมต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะยังไม่มีวัคซีน
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่มีการรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 นอกจากจีน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยซึ่งมีประชากรกว่า 70 ล้านคน และเป็นประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าประชากรหนาแน่นแห่งหนึ่งของโลก กลับมีตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยกว่า 4,000 คน และผู้เสียชีวิตมีเพียง 60 คน ซึ่งความสำเร็จของไทยนี้ไม่ใช่เรื่องความบังเอิญ แต่เป็นเพราะการดำเนินนโยบายของไทยอย่างจริงจัง และตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ลงทุนในโครงสร้างทางด้านสาธารณสุข เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้กับโรคภัยตามหลักการของสาธารณสุขสากล
จ่อลดกักตัวเหลือ 10 วัน
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณองค์การอนามัยโลก ที่ได้ชื่นชมการดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไม่เพียงเป็นความสำเร็จของรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นความสำเร็จร่วมกันของทุกภาคส่วน และที่สำคัญเป็นผลมาจากรัฐบาลได้รับความร่วมมือที่ดีจากประชาชนคนไทยทุกคน
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ดี รัฐบาลจึงมีนโยบายคลายล็อกเปิดประเทศบนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมและเดินหน้าสร้างความเข้าใจต่อประชาชนในการเปิดประเทศ ภายใต้แนวคิด SMART LIVING WITH COVID-19 คนไทยปลอดภัย เศรษฐกิจไทยไปรอด ซึ่งการเปิดประเทศจะทำอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในมาตรการรองรับ พร้อมสร้างความเข้าใจต่อประชาชนถึงความจำเป็นที่จะต้องเปิดต้อนรับชาวต่างชาติ เพื่อฟื้นฟูผลกระทบด้านเศรษฐกิจในเวลานี้
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ส่วนการเสนอลดระยะเวลาการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยจาก 14 วัน เหลือ 10 วันนั้น จะมีการเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป โดยการลดการกักตัวเหลือ 10 วัน อยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน เนื่องจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดตรวจพบเชื้อภายใน 10 วัน การพบเชื้อหลัง 10 วัน ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ และมีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ ดังนั้น ระยะการกักตัว 10 วัน และ 14 วัน มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ล้วนแล้วแต่อยู่ในความสามารถจะควบคุมได้
กองทัพสร้างกลุ่มป้องกันโควิด
น.ส.ไตรศุลีกล่าวอีกว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน จึงไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้เมื่อใด ประเทศไทยจะต้องรักษาสมดุลระหว่างการควบคุมโรคและการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือประเทศไทยมีประสบการณ์ด้านการรับมือการแพร่ระบาดของโรคเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งการทยอยเปิดประเทศ ก็เป็นอีกแนวทางสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เพราะเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญ โดยแนวทางสำคัญของการทยอยเปิดประเทศคือการทำอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เดินหน้าไปพร้อมกับการสร้างความรับรู้และเข้าใจต่อประชาชน ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร เมื่อยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคระบาด
พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก ได้ปฏิบัติภารกิจสนับสนุนรัฐบาลในการป้องกันและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสร้างการรับรู้ ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และยังคงเน้นย้ำกำลังพลให้เตรียมพร้อม กรณีที่อาจมีการระบาดของโรคระลอก 2 ซึ่งหนึ่งในมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดที่สำคัญ คือ การประชาสัมพันธ์ กระจายข่าวสาร หรือสั่งการที่เกี่ยวข้องให้กับกำลังพลของกองทัพบก ให้ทั่วถึงและเร็วที่สุด
ดังนั้น ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบกจึงได้สร้างกลุ่ม "ศูนย์ประชาสัมพันธ์โควิดกองทัพบก" ในแอปพลิเคชันไลน์ ที่จะเป็นช่องทางในการกระจายข่าวสาร มาตรการ และแนวปฏิบัติไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์โควิดของหน่วยขึ้นตรงในทุกระดับ ถึงระดับกองพัน ประมาณ 580 หน่วยทั่วประเทศ เพื่อให้หน่วยรับทราบข้อมูลโดยพร้อมเพรียงผ่านช่องทางเดียวกัน ในเวลาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หน่วยสามารถชี้แจงกำลังพลและครอบครัวให้รับรู้ เข้าใจ รวมทั้งสามารถลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทั่วไป อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |