‘ทอน’ร่วมม็อบ3นิ้ว! พาครอบครัวชุมนุมขู่ต้องแก้รธน.ก่อนความโกรธแค้นของปชช.จะเพิ่มขึ้น


เพิ่มเพื่อน    

 

ม็อบรวมดาวสามนิ้วชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  อัปยศชู 3 นิ้วให้ขบวนเสด็จฯ "ในหลวง-พระราชินี" อีกแล้ว ออกแถลงการณ์ต้องรื้อรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ให้ได้ เอาผ้าเขียนข้อความหยายคาย โจมตีสถาบันคลุมอนุสาวรีย์ฯ "ทอน" พาครอบครัวร่วมม็อบด้วย ขู่ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ ความโกรธแค้นของประชาชนก็จะเพิ่มมากขึ้น
    เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน มีการจัดกิจกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมถึง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย  1.ม็อบเฟสต์ ได้จัดการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและพื้นที่โดยรอบ 2.กลุ่มนักเรียนเลว มีจำนวนผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ 3.กลุ่มชุมนุมผู้หญิงปลดแอก บริเวณแยกคอกวัว ในช่วงบ่าย
    พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า ทั้ง 3 กลุ่มมีการแจ้งขออนุญาตการชุมนุมแล้ว ซึ่งทางตำรวจได้แจ้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดให้ทั้ง 3 กลุ่มได้รับทราบ โดยขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยเท่านั้น ไม่ใช่จะกีดกั้นไม่ให้ชุมนุมอย่างที่ย้ำหลายครั้งว่า มีทั้งผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปที่ใช้ทางสาธารณะ หรือต้องการใช้ชีวิตเป็นปกติสุข ขอให้ปฏิบัติอยู่ในกรอบของกฎหมายจะได้อยู่ร่วมกันในสังคมได้
    ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.), พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองโฆษก ตร.) ร่วมกันแถลงสถานการณ์การชุมนุมม็อบเฟสต์
    พล.ต.ต.ยิ่งยศเปิดเผยว่า ในวันนี้เวลา 17.00 น. จะมีหมายกำหนดการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดสถานีรถไฟฟ้าสนามไชย โดยจะใช้เส้นทางจากพระราชวังดุสิต มายังถนนราชดำเนินนอก ถนนราชดำเนินกลาง และเข้าถนนสนามไชย จากนั้นจะประทับรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังสถานีรถไฟหลักสอง ส่วนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินกลับ จะใช้เส้นทางถนนกาญจนาภิเษก เข้าถนนบรมราชชนนี ขึ้นสะพานพระราม 8 กลับมายังพระราชวังดุสิต จึงขอเชิญชวนประชาชนเฝ้าฯ รับเสด็จตลอดเส้นทางได้ โดยจะมีตำรวจนครบาลดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมม็อบเฟสต์มีเงื่อนไขกำหนดให้ผู้จัดชุมนุมควบคุมคนให้อยู่บนบาทวิถีหน้าแมคโดนัลด์เท่านั้น ห้ามเคลื่อนไปจุดอื่น ในกรณีผู้ชุมนุมเต็มบนทางเท้าแล้วให้สามารถลงมาช่องทางการจราจรได้ 1 ช่องทางเท่านั้น การตั้งเวทีให้หันหน้าไปทางแยกคอกวัว สำหรับกรณีกลุ่มนักเรียนเลว ผู้จัดการชุมนุมขอเคลื่อนการชุมนุมจากด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้มีเงื่อนไขสำคัญคือให้มีการเคลื่อนให้เสร็จสิ้นก่อนเวลา 15.00 น. และกลุ่มสุดท้ายได้มีเงื่อนไขให้ผู้จัดการชุมนุมควบคุมให้ผู้ชุมนุมอยู่ในบริเวณแยกคอกวัวเท่านั้น ห้ามเคลื่อนไปยังจุดอื่นๆ
        นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขอื่นๆ ที่ได้กำหนดให้ทั้ง 3 กลุ่มดำเนินการ ดังนี้ 1.ห้ามใช้ป้ายข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ยุยง ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวาย 2.ห้ามเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมหรือใช้เส้นทางอื่นที่ไม่ได้แจ้งไว้ 3.ห้ามใช้เครื่องเสียงที่มีอัตราเสียงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 นั้น หมายความว่าเครื่องเสียงที่ใช้ได้จะต้องมีระดับเสียงสูงสุดไม่เกิน 115 เดซิเบล และค่าเฉลี่ยในการใช้จะต้องไม่เกิน 70 เดซิเบล 4.การชุมนุมต้องชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ  กระทำโดยสุจริต ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นเกินสมควร และไม่กระทบกระเทือนสิทธิของผู้อื่นเกินขอบเขตเสรีภาพของกฎหมาย
ชู 3 นิ้วให้ขบวนเสด็จฯ
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ใช้เจ้าหน้าที่ดูแลผู้ชุมนุมในวันนี้  35 กองร้อย หรือ 5,250 นาย นอกจากนี้มีกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วและชุดอื่นๆ ที่ดูแลพื้นที่และพื้นที่สำคัญรวมทั้งสิ้น 53 กองร้อย
    เมื่อเวลา 13.30 น. ที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ นายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลว เดินทางพร้อมด้วยรถแห่ เพื่อจัดกิจกรรมเดินขบวนจาก ศธ. ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะเริ่มเดินขบวนเวลา 14.00 น. นายลภนพัฒน์กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นการแสดงออกสืบเนื่องจากนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็น รมว.ศธ.ที่ทำงานล้มเหลว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ซึ่งถ้าการศึกษาไม่ดี สิ่งที่ทำให้การศึกษาดีขึ้นได้คือ ต้องเริ่มจากการมีการเมืองที่ดี ดังนั้นทางกลุ่มนักเรียนจะร่วมกับคณะราษฎรทางการเมือง เพราะหากมีการเมืองดี จะช่วยให้ทุกคนเข้าถึง และมีโอกาสการศึกษาที่ดี
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้า ศธ. มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยการนำโลงศพสีขาว แสดงออกถึงโลงของศพไร้ญาติ รวมถึงมีภาพนายณัฏฐพล ใส่กรอบสีขาว กระถางธูป ดอกไม้จันทน์ มาวางที่บริเวณป้าย ศธ. พร้อมทั้งมีการผูกโบสีขาว และติดสติกเกอร์หมุดคณะราษฎรที่ป้าย ศธ.ด้วย
    ส่วนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เครือข่ายผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลหลายองค์กร ร่วมกันจัดกิจกรรมชุมนุม Mob Fest #แก้ได้ถ้าแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปราศรัยเรียกร้องในประเด็นต่างๆ ทั้งการเมืองและปัญหาสิทธิด้านอื่นๆ รวมถึงมีการแสดงดนตรีและแสดงผลงานศิลปะ
    มีรายงานว่า ในเวลา 16.50 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า สวมแว่นดำกับแมสก์ดำ พร้อมครอบครัว ได้ปรากฏตัวในการชุมนุม Mob Fest ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยนายธนาธรกล่าวว่า มาก็โดน ไม่มาก็โดนอยู่แล้ว
    "การชุมนุมเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และปราศจากการยั่วยุและความรุนแรงนี้ เสียงของประชาชนออกมาเพิ่มขึ้นในการเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ หากไม่ตอบสนอง ความโกรธแค้นของประชาชนก็จะเพิ่มมากขึ้น รัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขแรกที่จะทำให้ประเทศไทยกลับสู่สภาวะปกติได้ หากไม่ทำตามข้อตกลงร่วมกันว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ไม่มีทางที่จะสงบสันติได้" นายธนาธรกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 17.30 น. มีขบวนเสด็จฯ ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มผู้ชุมนุม Mob Fest ได้หันหลังชูสามนิ้วพร้อมเคารพธงชาติขณะขบวนเสด็จฯ ผ่าน และในเวลาประมาณ 18.00 น. กลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมได้นำป้ายผ้าสีขาวขนาดยักษ์ที่ให้ผู้ชุมนุมเขียนข้อความในช่วงบ่ายเข้าไปคลุมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
    ต่อมากลุ่ม Mob Fest ได้ออกแถลงการณ์มีเนื้อหาเรียกร้องตามหลักการ 4 ข้อ สรุปได้ว่า 1.สมาชิกรัฐสภาต้องเปิดทางสู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ในทุกหมวดทุกมาตรา 2.นายกฯ ต้องลาออก และเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่ทั้งฉบับ 3.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนต้องไม่ถูกปัดตกในสภา และต้องไม่ถูกแปรญัตติให้เป็นอื่น 4.รัฐธรรมนูญทุกหมวดที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จะต้องถูกนำมาพิจารณาใหม่ให้สมเหตุสมผล ทันต่อยุคสมัย
    ต่อมาหลังเคารพธงชาติ ผู้ชุมนุมได้นำผ้าขนาดใหญ่ที่เขียนข้อความโดยประชาชนขึ้นไปพันไว้บนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยนายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ หรือมิน แกนนำกลุ่มนักเรียนเลว กล่าวว่า ผ้าผืนนี้แสดงเจตจำนงของประชาชน จะถูกนำไปเคียงคู่อยู่ เราไม่ได้ต้องการทำทรัพย์สินเสียหาย แต่ต้องการแสดงความต้องการของประชาชนซึ่งสูงสุดในประเทศนี้ ให้เหตุการณ์วันนี้เสมือนภาพในประวัติศาสตร์ เพื่อประกาศจุดยืนว่ารัฐธรรมนูญต้องเป็นของประชาชน มาจากประชาชนเท่านั้น
โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์
    ผ้าผืนนี้ได้เขียนความปรารถนาทั้งหลายของประชาชนแล้ว จะถูกนำไปเคียงคู่พานรัฐธรรมนูญ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขอให้จับตาดูนาทีประวัติศาสตร์นี้ ความฝันสูงสุดของประชาชนจะอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันนี้ มีตัวอักษรเขียนว่า ภาษีกู และรวมถึงความปรารถนาของมวลชนไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีค่าเท่าเทียมกัน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบว่าหลายข้อความที่มวลชนเขียนนั้น หลายข้อความเป็นข้อความที่หยาบคาย และบางข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย
    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง หัวใจ ราษฎร กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,746 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 5-13 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา
    เมื่อถามถึงวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง และสถาบันพระมหากษัตริย์ คือหัวใจและความรักของราษฎร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.7 ระบุวัดพระแก้วคือหัวใจและความรักของราษฎร,  ร้อยละ 97.2 ระบุพระบรมมหาราชวังคือหัวใจและความรักของราษฎร, ร้อยละ 97.0 ระบุสถาบันพระมหากษัตริย์คือหัวใจและความรักของราษฎร นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.6 ระบุ คนไทยทุกคนต้องช่วยกันปกป้องรักษามรดกสมบัติชาติที่สืบทอดมาหลายร้อยปี และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.4 ระบุคนที่พยายามบุกรุกสถานที่หัวใจและความรักของราษฎร คือผู้หวังทำลายสมบัติชาติที่รักษาสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของคนไทย
    ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มเยาวชนและกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชน พบว่า ทั้งสองกลุ่มส่วนใหญ่คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.5 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 98.2 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุวัดพระแก้วคือ หัวใจและความรักของราษฎร นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.3 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 97.6 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุพระบรมมหาราชวังคือหัวใจและความรักของราษฎร ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.3 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 97.0 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุสถาบันพระมหากษัตริย์คือหัวใจและความรักของราษฎร
    ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.8 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 97.0 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุคนไทยทุกคนต้องช่วยกันปกป้องรักษามรดกสมบัติชาติที่สืบทอดมาหลายร้อยปี นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.3 ของกลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี และร้อยละ 91.8 ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชนอายุ 25 ปีขึ้นไป ระบุคนที่พยายามบุกรุกสถานที่หัวใจและความรักของราษฎร คือผู้หวังทำลายสมบัติชาติที่รักษาสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของคนไทย
วัดพระแก้วคือหัวใจ
    อย่างไรก็ตาม เมื่อแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และกลุ่มคนเลือกพรรคอื่นๆ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.9 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.6 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุวัดพระแก้ว คือหัวใจและความรักของราษฎร นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.0 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.1 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุพระบรมมหาราชวังคือ หัวใจและความรักของราษฎร และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.1 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.6 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุพระมหากษัตริย์คือหัวใจและความรักของราษฎร
    ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.0 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.5 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุคนไทยทุกคนต้องช่วยกันปกป้องรักษา มรดกสมบัติชาติที่สืบทอดมาหลายร้อยปี และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.2 ของกลุ่มที่จะเลือกพรรคก้าวไกล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.5 ของกลุ่มคนที่จะเลือกพรรคอื่นๆ ระบุคนที่พยายามบุกรุกสถานที่หัวใจและความรักของราษฎร คือผู้หวังทำลายสมบัติชาติที่รักษาสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของคนไทย
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า อย่ามองราษฎรทุกคนแบบเหมารวมหรือยกเข่ง (Stereotype) และอย่าฮึกเหิมเกินความสมดุล เพราะในจังหวะนี้อารมณ์ของสาธารณชนเปราะบางยิ่งที่ต้องการการบริหารจัดการอารมณ์ของประชาชนอย่างระมัดระวัง เพราะจะเห็นได้ว่าเยาวชนส่วนใหญ่ และแม้แต่กลุ่มคนที่จะเลือกพรรคก้าวไกลส่วนใหญ่ ก็ยังถือว่าวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง และสถาบันกษัตริย์ คือหัวใจและความรักของราษฎร ดังนั้น ถ้าฝ่ายแกนนำม็อบกระทำการกระทบกระเทือนหัวใจและความรักของราษฎร ในขณะเดียวกัน ฝ่ายอำนาจรัฐ (State Power) ที่อาจจะปฏิบัติการบางอย่างที่เกินความสมดุล
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวต่อว่า ทางออกมีอย่างน้อย 3 ประการได้ แก่ ประการแรกคือ ใครอยากม็อบ ก็ม็อบไปเป็นสีสันและพลังแห่งประชาธิปไตย ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมายและปลอดภัยไม่รุนแรงบานปลาย เช่น ม็อบต่อต้านผลประโยชน์ทับซ้อน ม็อบต่อต้านโกงเงินบริจาคให้เหยื่อโควิด-19 ม็อบปฏิรูปการศึกษา และม็อบเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายให้กลุ่ม LGBTQ เป็นต้น ม็อบเหล่านี้จะเป็นม็อบมีพลังหนุนกระตุ้นให้เกิดสิ่งดีๆ ในประเทศ ไม่ทำคนในชาติแตกแยก
    ประการที่สองคือ จัดทำระบบฐานข้อมูลอย่างละเอียด เครือข่าย (Profiling) ของขบวนการต่างๆ ด้วยเครื่องมือขั้นสุทธิ (Net Assessment) ทุกจังหวัด ลงถึงระดับตำบล ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเกาะติดการเคลื่อนไหวความต้องการและเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ จะช่วยป้องกันแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงของประเทศในเรื่องอื่นๆ ได้อีกมาก
    ประการที่สามคือ หันหน้าเข้าหารือปรึกษากันด้วย “สัมมาทิฏฐิ” หาทางออกให้กับประเทศร่วมกันด้วยสันติวิธี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่คุกคามผู้อื่น ไม่ใส่ร้ายหรือจัดทัวร์ลงถล่มผู้อื่นด้วยอคติ และความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง หรือที่เรียกว่า “มิจฉาทิฏฐิ” อันจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายและเสี่ยงต่อการทำลายเผาบ้านของตนเอง สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนซ้ำเติมวิกฤติให้กับราษฎรสามัญชนทั่วไปทั้งประเทศ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"