ว่าด้วยความชุลมุนในวงการสื่อฯ


เพิ่มเพื่อน    

                                                          (1)

                ดูเหมือนน่าจะเป็นช่วงสอง-สามสัปดาห์ที่แล้ว...ที่ได้รับโทรศัพท์ จากใครก็ไม่รู้??? ซึ่งเมื่อลองโทร.กลับ ถึงได้รู้ว่า...ไม่ใช่ใครที่หนวย??? แต่เป็นเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ และเพื่อนซี้ เพื่อนผู้ร่วมวัฏสงสาร อย่างคุณพี่ ปกรณ์ พงษ์วราภา อดีตเจ้าสัวใหญ่แห่งนิตยสาร หนุ่มสาว และนิตยสารในเครืออีกไม่รู้กี่เล่ม ต่อกี่เล่ม แต่ปัจจุบันหนีไม่พ้นต้องหลีกทาง ชิดซ้าย ตกคู ตกคลอง ให้กับการมาถึงของเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต จนเหลือนิตยสารในมือแค่เล่มเดียว หรือต้องเปลี่ยนไป ผลิตถุงมือ กันแทนที่...

                                                          (2)

                โดยเหตุที่ทำให้เพื่อนเก่า เพื่อนแก่ และเพื่อนซี้ อย่างคุณพี่ ปกรณ์ ท่านอดไม่ได้ต้องต่อโทรศัพท์มาหานั้น ก็ไม่ใช่อะไรอื่น ตามที่ท่านเล่าแจ้ง แถลงไข ไว้ก็คือว่า ระหว่างที่ท่านได้ไปสังสรรค์ เฮฮา กับพรรคพวกในแวดวงเดียวกัน เช่นประเภทคุณพี่ พญาไม้ หรือคุณพี่ รุน-อรุณ วัชระสวัสดิ์ ท่านเผอิญได้ ข่าวล่า-มาเรือ ว่า อันตัวข้าพเจ้าเอง อดีตนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ ผู้มีนามกรว่า ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ นั้น ได้สิ้นชีพ ตักษัย หรือได้ตายไปจากโลกใบนี้ ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว!!! ท่านเลยอดไม่ได้ที่ต้องลองต่อโทรศัพท์ มาเช็ก มาตรวจสอบ ให้เป็นที่แน่ชัด แน่นอน ให้แน่ใจ มั่นใจ ว่าตายจริง-ตายไม่จริง เพราะอาจรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง ที่ไม่ได้มีโอกาสไปเผาศพ เผาผี ทั้งๆ ที่เคยรู้จัก มักจี่ กันมาก่อน...

                                                        (3)

                นี่...ต้องเรียกว่า การ เว้นระยะห่าง ระหว่างตัวเราเองกับสังคม มาเป็นเวลานานแสนนาน ถึงกับส่งผลให้เกิดความ โน บอดี้ กันในชนิดแทบไม่เหลือตัว เหลือตน แทบหายไปจากความรู้สึก นึกคิดของผู้คน ถึงกับคิดว่าได้ตายไปแล้ว ระเหิดหายจากโลกใบนี้ไปแล้ว เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...แม้การเป็น โน บอดี้ เป็นผู้ที่แทบไม่มีใครรู้จัก มักจี่ ไม่รู้ว่ามีตัว มีตน อยู่ภายในสังคมหรือไม่? อย่างไร? อันเป็นสิ่งที่บรรดาเด็กๆ ยุคนี้ สมัยนี้ เขาออกจะรังเกียจ รังงอน เอามากๆ จนต้องเพียรพยายาม หาทาง ที่จะเป็น ซัม บอดี้ ในแบบใด แบบหนึ่ง ขึ้นมาให้จงได้ ไม่ว่าจะโดยการแสดงออกถึงความเป็น ตัวตนของตน ไว้ในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย แต่อันที่จริง...ตามความรู้สึก หรือตาม ประสบการณ์ ที่ตัวเองได้รับรู้และสัมผัส มันออกจะเป็นอะไรที่ เข้าท่า หรือน่าจะมีคุณค่า ราคา มิใช่น้อย...

                                                       (4)

                คือแม้จะไม่มีใครเขาคิดถึง พูดถึง เอ่ยถึง ไม่มีใครโผล่หน้า โผล่ตา มาแสดงความห่วงหา อนาทร ส่งการ์ด ส่งคำอวยพร หรือส่งสัญลักษณ์แปลกๆ อะไรต่อมิอะไร มามอบให้ในวันเกิด วันปีใหม่ วันโกนหัว โกนจุก แม้แต่วันปกติธรรมดา ระดับเช้า-สาย-บ่าย-เย็น ก็ยังไม่มีข้อยกเว้น แบบพวกที่ชอบ เล่นไลน์ อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย มันคงไม่ถึงกับตายโหง ตายห่า อะไรเอาง่ายๆ ยังน่าจะพอกินได้ นอนได้ เผลอๆ อาจหลับสนิทนิทราแบบสบายๆ เอาเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปหยิบเอา อารมณ์-ความรู้สึก ใดๆ ที่เล็ดลอดเข้ามาหา หรือมากระทบกับ ผัสสะ กระทบกับกระบวนการสัมผัสในรูปแบบต่างๆ มา ปรุงแต่ง ให้กลายเป็นโน่น เป็นนี่ ให้มากเรื่อง มากความ...

                                                        (5)

                บรรดาสิ่งต่างๆ เท่าที่หลงเหลืออยู่ภายในจิตสำนึก หรือจิตไร้สำนึก มันจึงน่าจะออกไปทางเบาๆ สบายๆ เผลอๆ...อาจถึงขั้นสว่าง หรือสะอาด เอาเลยด้วยซ้ำ ถ้าหากไม่ดันเถลไถล ไปคว้าเอาอะไรที่สกปรก รกรุงรัง มาใส่หัวกบาลตัวเองโดยใช่เหตุ หรืออาจพอช่วยให้เกิดสิ่งที่ อภิมหาพระ อย่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเรียกว่า ความสุข อันมีนิยาม ความหมาย ที่อาจต่างไปจากความสุขแบบปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไปอยู่บ้าง คือไม่ใช่ สุข แบบพลั่กๆๆ อะไรทำนองนั้น ที่มีแต่จะนำไปสู่ความ สุก แบบผ่านการต้ม การทอด การเผาผลาญโดยความร้อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เป็น ความสุข ที่หมายถึง ความทุกข์ที่พอรับได้ หรือไม่ถึงกับทุกข์มาก ทุกข์มาย ทุกข์ร้อยแปดอะไรประมาณนั้น...

                                                       (6)

                การเป็น โน บอดี้ ที่ทำให้แทบกลายเป็นผู้ที่ตายไปแล้ว หรือตายไปตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว จึงเป็นอะไรที่มีคุณค่า ราคา มิใช่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ บรรดา ทุกข์ร้อยแปด ที่เคยประเด ประดัง เข้ามาหา ในช่วงที่ยังพยายามยืนหยัด ยืนยัน ในความเป็น ซัม บอดี้ แบบหนึ่ง แบบใด หรือสถานะหนึ่ง สถานะใด เมื่อช่วงกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา แบบชนิดคนละเรื่อง คนละม้วน เอาเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้าสามารถทำให้ความเป็น ซัม บอดี้ หรือความเป็น ตัวตนของตน ไม่ว่าในลักษณะหนึ่ง ลักษณะใด มัน ตาย ไปแล้วจริงๆ หรือ ตายก่อนตาย ขึ้นมาได้จริงๆ อันนั้นนั่นแหละ...ที่น่าจะยิ่งมีคุณค่า ราคา ระดับที่บรรดาชาวพุทธ ชาวคริสต์ อิสลาม หรือบรรดา ศาสนิกชน ทั้งหลาย เขาปรารถนาและต้องการเอามากๆ เพราะมันอาจพอๆ กับได้ ขึ้นสวรรค์ หรือได้ไป นิพพาน เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                     (7)

                เหตุที่ทำให้ต้องหยิบเอาเรื่องนี้ มาพูดถึง กล่าวถึง ไว้ ณ ที่นี้...ก็คงไม่ได้มีอะไรมากมายหรอกทั่น!!! คืออาจด้วยเหตุเพราะช่วงนี้ ระยะนี้ มันค่อนข้างมีข่าวคราวเกี่ยวกับบรรดาผู้คนในแวดวงสื่อสารมวลชน ปรากฏให้เห็นอย่างเป็นเรื่อง เป็นราว อยู่พอสมควร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เคยรู้จัก มักจี่ เคยพบ เคยสัมผัส หรือเคยเป็น เพื่อน-พ้อง-น้อง-พี่ มาแล้วด้วยกันทั้งนั้น แต่อาจด้วยเหตุเพราะแต่ละราย ยังคงความเป็น ซัม บอดี้ หรือคงไม่น่าจะมีใครอยากจะเป็น โน บอดี้ ไปด้วยกันทั้งสิ้น อะไรต่อมิอะไรมันเลยออกจะชุลมุน ชุลเก จนต้องกลายเป็นเรื่อง เป็นราว ขึ้นมาจนได้!!!

                           ------------------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"