คุณวิเศษจะปรากฏแม้ในช่วงชะตาเมืองมีวิกฤติ (1)
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์กับภาพดาวจร
มฤตยูจร (0) กำลังเดินถอยหลังอยู่ในราศีเมษ-31 ธันวาคม 2563
พฤหัสบดีจร (5) ย้ายออกจากราศีธนูเข้าไปเดินในราศีมังกร เริ่ม 14 พฤศจิกายน 2563-29 มีนาคม 2564
พระเสาร์จร (7) เดินอยู่ในราศีธนูตามหลังพฤหัสบดีจร (5)
ผู้เขียนก็ยังย้ำเหมือนเดิมว่าดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2525 เวลา 06.54 น.นั้น เกิดท่ามกลางภัยสงครามและความแตกแยก เมืองจึงถูกออกแบบมาให้รอดเสมอไม่ว่าจะวุ่นวายหรือเจอเรื่องหนักขนาดไหน-แล้วทุกครั้งที่เกิดวิกฤติก็จะมีโอกาสตามมา
เช่น คราวนี้ที่กำลังเป็นอยู่ คือ ทั่วโลกเดือดร้อนมากมายด้วยโรคโควิด-19 โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกเกิน 53 ล้านคน (รายงานเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2563) แต่ของไทยที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เคยจัดอันดับให้เป็นอันดับที่หกของโลกในการรับมือโรคอุบัติใหม่ ในที่สุดไทย-คนไทย-เมืองไทยก็ช่วยกันทำได้ดีกว่าสหรัฐอเมริกาที่เป็นที่หนึ่งของจอห์นฮอปกินส์
อย่างไรก็ตาม แม้จะทำได้ดีเรื่องรับมือโควิด-19 แต่ส่วนร้ายก็ยังมี คือ เป็นระยะดังที่ผู้เขียนเคยบอกว่า ขอให้คนไทยช่วยกันพาเมืองฟันฝ่าตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2563 ไปให้ถึงอย่างต่ำ 24 กุมภาพันธ์ 2564 (ชัดเจนแล้วว่า เป็นประเด็นทั้งโรคร้ายแรง-กระทบเศรษฐกิจ-ความแตกแยกด้านอุดมการณ์ทั้งประชาธิปไตย-สถาบัน)
ถ้าจะให้ดีขอให้ไปถึงระยะวันเกิดเมือง คือ 21 เมษายน 2564 หลังจากนั้นเรื่องดุเดือดเลือดพล่านมากๆ เช่น โควิด-19 โศกนาฏกรรมสามสิบศพที่โคราช-การท้าทายเผชิญหน้ากันในเมืองเรื่องสถาบันน่าจะลดลง ฯลฯ
หลังจากนั้น แม้เมืองยังจะมีช่วงวุ่นอยู่ตามธรรมชาติการเมือง แต่ จะเป็นระยะของการเริ่มต้นที่ดีของปีทองทางเศรษฐกิจ และปีแห่งกันเจรจาสันติภาพ เข้าอกเข้าใจกันไปหนึ่งปี
แต่ขนาดยังต้องฟันฝ่ากันอีกหลายยก ตอนนี้สิ่งดีๆ ก็เริ่มปรากฏให้แล้ว ดังจะได้ทยอยเขียนถึง คือ
1.เริ่ม 23 ตุลาคม 2563 เป็นปรากฏการณ์พฤหัสบดีจร (5) หัวหน้าดาวดี ตัวแทนพระสยามเทวาธิราชและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คุ้มครองชะตาเมือง (และโลกที่ลัคนาสถิตราศีเมษ) และโชคที่เริ่มเดินนำหน้าพระเสาร์จร (7) หัวหน้าดาวร้าย และจะนำไปอีกประมาณ 20 ปี
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ฝ่ายต้องการล้มล้างปฏิรูปสถาบัน-ประชาธิปไตยที่ออกอาการ ก้าวร้าว-รุนแรง-เรียกร้อง-ไร้ราก-ไล่ล่าฝ่ายที่เห็นต่างมาตั้งแต่ประมาณกลางกรกฎาคม 2563 เริ่มเจอปฏิกิริยาโต้กลับที่ก่อตัวตั้งแต่ก่อนวันที่ 23 ตุลาคม 2563 เช่น ปรากฏการณ์กราบสนั่นเมืองเมื่อ 24 กันยายน 2563
วันที่ 20 ตุลาคม 2563 กลุ่มเอาสถาบันเริ่มรวมตัวกันติดแห่งแรกที่ชลบุรี ตามด้วยวันที่ 21 ตุลาคม 2563 ความจงรักภักดีจากปลายด้ามขวานเสื้อเหลือง-ชมพูจากนราธิวาสก็ออกมาปกป้องสถาบันจำนวนมาก
ครั้น ค่ำวันที่ 23 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นวันแรกที่พฤหัสบดีจรเดินนำหน้าพระเสาร์จรเล็กน้อย ทั่วประเทศก็กระหึ่มเมื่อในหลวงรัชกาลที่ 10 พระราชินี และสมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ-สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ เสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกรที่ไปส่งเสด็จ หลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวันปิยมหาราชในพระบรมมหาราชวัง
วาระต่อไป พฤหัสบดีจรจะต้องนำคณะดาวดีดวงอื่นในการโรมรันพันตูกับหัวหน้าดาวร้ายและคณะไปอีกประมาณ 20 ปี ตามอาการของยุคที่ 13 ของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่จะมีการต่อสู้กันทางความคิด-อุดมการณ์ที่สำคัญๆ แต่ พระเสาร์จร หัวหน้าดาวร้ายต้องเป็นฝ่ายไล่ตามหลังพระพฤหัสบดีจร หัวหน้าดาวดี ไปอีกนาน
2.พฤหัสบดีจร (5) ได้เกณฑ์สำคัญทางโหร เริ่ม 14 พฤศจิกายน 2563 ย้ายจากราศีธนูเข้าไปเดินในราศีมังกร-29 มีนาคม 2564 ทางโหรคาดว่า
2.1 อย่างที่บอกไปแล้ว คือ เป็นวันที่ความอึดอัดใจในเมืองรอบนี้อันเกิดจากพฤหัสบดีตรึงกับพระเสาร์ในดวงเมืองจะค่อยๆ ลดลง (ยังมีรอบต่อๆ ไป-และแม้ยังมีแรงอึดอัดใจจากปรากฏการณ์ดาวอื่นตรึงกัน-แต่ขนาดจะย่อมกว่าที่ผ่านมา เช่น พระอังคารกับราหูกำลังตรึงกันอยู่ขณะนี้)
2.2 เป็นระยะของการถูกโฉลกกับการใช้พระคุณมากกว่าพระเดชในเมือง เพราะพฤหัสบดีจรที่ราศีมังกรได้มาตรฐานอ่อน-อับแสง-พลังน้อย (นิจ-แถมไปอยู่ในบ้านเดิมของพระเสาร์ราศีคือราศีมังกร) ผู้เขียนจึงอ่านว่าเป็นระยะที่ ฝ่ายพระสยามฯ-ฝ่ายบ้านเมืองจะต้องใช้พระคุณมากกว่าพระเดช
ลีลาเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วให้เห็นเป็นตัวอย่าง คือ เมื่อประมาณต้นมีนาคม 2563 ที่ต้องใช้แพทย์-บุคลากรทางการแพทย์-อสม. ฯลฯ ซึ่งมักจะเป็นฝ่ายให้คุณความดีมากกว่าร้าย (เช่น ผ่าตัดเพื่อรักษาคนไข้) มารับมือโควิด-19
2.3 ระยะโดดเด่น หากเป็นคนจะได้เป็นพระยา อธิบายคือ หากผู้มีอำนาจทำได้เหมาะสมกับสภาวะท้าทายและปัญหาตามข้อ 2.แล้ว พฤหัสบดีจรที่มังกร-ซึ่งเป็นดินแดนของการบริหารราชการแผ่นดิน-แบกภาระหนัก-คณะรัฐบาล ของเมือง (ภพที่สิบ-กัมมะ) แม้มาตรฐานจะ ต่ำ-อ่อนๆ-ใจดี-หยวนๆ-ตึงๆ-หย่อนๆ-จับๆ-ปล่อยๆ ฯลฯ แต่ทางโหร กลับเป็นเกณฑ์สำคัญที่จะทำให้เมืองได้ชื่อเสียง-เกียรติคุณ ถ้าเป็นคน เป็นระยะที่จะได้เป็นพระยานาหมื่นนาพัน (ยศยิ่งพระยา) ตามโฉลกที่คนเรียนท่องกัน คือ
ปัศวะ-ทศะต้อง องค์เกณฑ์
ชีวะ (พฤหัสบดี)-จันทร์-ภุมเมนทร์ ผ่องแผ้ว
อีกองค์สุริเยนทร์ ทรงยศ
สี่สถานเลิศแล้ว ยศยิ่งพระยา ฯลฯ
ตัวอย่างในอดีตที่เพิ่งผ่านมาของการใช้อำนาจในเมืองแบบพระคุณมากกว่าพระเดชคือ การที่ ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินรับมือโควิด-19 แล้วมือไม้พระสยามฯ คือ แพทย์-บุคลากรทางสาธารณสุข (อำนาจแบบอ่อน-ให้คุณมากกว่าให้โทษ) ก็ได้แสดงฝีมือให้เห็นจนไทยได้เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่องค์การอนามัยโลกใช้เป็นกรณีศึกษาคู่กับนิวซีแลนด์
นี่ถือว่ายิ่งกว่าได้เป็นพระยา คือ คนไทยป่วย-ตายน้อย (ยังมีต่อ).
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |