13 พ.ย.63 - ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงโครงสร้างคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ที่จะมีอดีตนายกฯร่วมนั้น ว่า ต้องสอบถามนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเท่าที่ทราบท่านได้พูดคุยกับอดีตนายกฯหลายคน เพื่อสอบถามความคิดเห็นของแต่ละคน และอาจจะขอความร่วมมือหากจะมีการดำเนินการต่อไป แต่ยังไม่มีการติดต่อมาอีกครั้ง ซึ่งคงกำลังพิจารณารูปแบบที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าส่วนการพูดคุยกับนายชวน ก็เป็นการหารือเบื้องต้น ยังไม่มีการชวนให้เข้าร่วมเป็นกรรรมการสมานฉันท์แต่อย่างใด ซึ่งตนก็ได้ให้ความเห็นไปแล้วว่าตัวกรรมการสมานฉันท์การจะเอาทุกฝ่ายเข้าร่วมคงไม่ง่าย และหากกรรมการจะมีส่วนแก้ปัญหาในปัจจุบันได้ ก็จำเป็นจะต้องพิจารณาข้อเรียกร้องให้ครบถ้วน และให้ความมั่นในว่ากลไกนี้จะสามารถส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือมีข้อสรุปในเชิงปฏิบัติได้ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะให้ผู้ชุมนุมมาร่วม หากบางเรื่องที่เขาเรียกร้องแล้ว ไม่ให้เขาแสดงความเห็น หรือเขาเห็นว่ากลไกนี้ทำงานแล้วไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นจึงเป็นภาระหนักของนายชวนว่าจะทำอย่างไร
อดีตนายกฯ กล่าวว่าส่วนสิ่งที่คาดหวังให้คลี่คลายสถานการณ์ในวันนี้ ก็ยังเป็นภาระหน้าที่ของผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีส่วนช่วยในการลดความตรึงเครียดลงได้อย่างไร คิดว่าสิ่งสำคัญกว่าคือการแก้ปัญหา หากไม่มีกรรมการแล้วปัญหาคลี่คลายได้ก็ดีกว่ามีกรรมการแล้วแก้ไม่ได้ ฉะนั้นอะไรจะสามารถทำให้เราคลี่คลายสถานการณ์ได้เป็นเป้าหลัก อย่าไปยึดติดรูปแบบกรรมการหรือกลไกเป็นตัวตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐฒนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจที่นายกฯจะต้องตัดสินใจ แต่เห็นว่าข้อเรียกร้องก็มีเรื่องแปลก เพราะการเรียกร้องให้นายกฯลาออกหรือยุบสภาตอนนี้ จะเป็นการเอากติกาเดิมมาใช้ และมีความเสี่ยงที่จะวนกลับมาในสถานการณ์นี้อีก แต่ผู้ชุมนุมก็มองว่าการที่นายกฯ ยังอยู่จะเป็นอุปสรรคที่จะคลี่คลายสถานการณ์
"ดังนั้นนายกฯจะต้องมีบทบาทมากขึ้นว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างไร เช่นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญซึ่งสัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากรัฐบาลสับสนมาก หากนายกฯไม่ลาออกแต่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ผมก็เชื่อว่าสถานการณ์จะผ่อนคลาย"
ทั้งนี้ในการแก้รัฐธรรมนูญนั้น คนส่วนใหญ่ก็มองว่าหากนายกฯออกแรงก็ผ่าน ดังนั้นวันที่ 17-18 พ.ย.จึงเป็นเรื่องสำคัญ และตนอยากเห็นนายกฯและรัฐบาลเป็นผู้นำในการส่งสัญญาณชัดเจนว่าได้ยินข้อเรียกร้องที่สังคมต้องการมีกติกาที่เป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตยแบบสากลมากขึ้น
“ตอนนี้ข้อเรียกร้องทั้งหลายยังไม่มีการลดช่องว่างระหว่างแต่ละฝ่ายเลย ทั้งเรื่องการปฏิบัติต่อประชาชน คดีความสะสม เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญก็ยังไม่เห็นสัญญาณ รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวกับสถาบัน ก็ยังไม่มีสัญญาณใดๆเลยจะเอาเรื่องนี้ออกมาจากความขัดแย้งอย่างไร มีแต่ปล่อยไปตามที่เป็นอยู่ ทำให้มีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย และไม่เป็นผลดีต่อสถาบันเลย หากสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไปความเสี่ยงเกิดความรุนแรงก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งช้าปัญหาก็จะแก้ยากขึ้น จะมีเงื่อนไขใหม่ๆเข้ามาเป็นปมของความขัดแย้งอีก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |