ทุกสังคมไม่ว่าตรงไหนบนโลกใบนี้ย่อมจะประกอบด้วยคนดี คนเลว คนมีน้ำใจและคนเห็นแก่ตัว ไม่ยกเว้นว่าจะเป็นชาติ ภาษาใด และนับถือศาสนาอะไรก็ตาม
จึงไม่แปลกที่ประสบการณ์ไปทัศนศึกษาดูงานและแวะเที่ยวเมื่อมีช่องว่างของโอกาสในประเทศของลุงปูติน สุดแฮนด์ซัมนั้น เราจะพบทั้งคนดีมาก ดีน้อย และไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่รวมๆ ก็ถือว่า โอเค!! นั่นเพราะเราแค่อาศัยระยะสั้นๆ 10 วันเท่านั้น
สิ่งที่ดีงามเราก็รับมาด้วยความชื่นชม สิ่งที่ไม่ดี ตื่นเต้น ระทึกใจ เราก็เก็บเป็นประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง
แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ เขาเป็นประเทศมหาอำนาจที่แสนจะภาคภูมิใจในตัวเองนั้น มีความเป็นมาที่ยาวนาน และมีรากแห่งวัฒนธรรมที่น่าศึกษาเรียนรู้ ซึ่งบางเรื่องบางราวหากเราสามารถนำมาถอดเป็นต้นแบบในการประพฤติปฏิบัติตามได้ล่ะก็ ถือเป็นเรื่องดีมากกว่าไม่ดี...แน่นอน
ยกตัวอย่าง ความเป็นระเบียบวินัย และการรักษากฎกติกามารยาทที่เรียกว่า Protocal แบบเป๊ะ! ไม่มีข้อยกเว้น
เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าแก้
การเข้าไปดูงานในทุกสถานที่แบบปิด หรือเป็นหน่วยงานเฉพาะ ไม่ใช่เปิดกว้างให้ใครก็เข้าไปได้นั้น ทั้งกระทรวงและกรมกอง จนถึงบริษัทเอกชนต่างๆ นอกจากต้องส่งรายชื่อล่วงหน้าแล้ว เมื่อไปถึงหน้าบ้านหรือประตูสถานที่นั้นๆ ทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัวให้ตรงกับชื่อที่แจ้งไว้แล้ว ซึ่งคนไทยอย่างพวกเราก็คือโชว์พาสปอร์ตให้ดูทีละคนตามรายชื่อที่เขาเรียกขาน
เท่านั้นยังไม่พอ การตรวจรักษาความปลอดภัยของเขาเข้มพอๆ กับฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองเลยทีเดียว ทุกคนต้องถอดเสื้อโค้ด เสื้อนอก เสื้อหนาว ผ้าพันคอ หมวก ถุงมือ และนำกระเป๋าผ่านเข้าเครื่องสแกน ก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัวตึกอีกชั้น
ความโกลาหลเกิดขึ้นพอสมควรด้วยปัญหาอากาศที่หนาวจัด กว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจชื่อและพาสปอร์ตเสร็จทีละคน คนที่อยู่ข้างหลังก็ต้องยืนโต้ลมหนาวอยู่ด้านนอกประตู
เบ็ดเสร็จใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงสำหรับคน 30 คน ซึ่งเมื่อผ่านเข้าเครื่องสแกนแล้ว ใครจะคิดเดินเพ่นพ่านไปหาห้องน้ำก็ไม่ได้อีก เพราะเจ้าหน้าที่ของเขาจะกันให้พวกเราอยู่เป็นกลุ่ม เป็นสัดเป็นส่วน แล้วนำเข้าไปทีละ 10 คน ห้ามขาด ห้ามเกิน
มนุษย์ลุงบางคนอารมณ์สวนกระแสกับอากาศหนาวเลยทีเดียว ด้วยรู้สึกว่าอะไรจะหนักหนา ข้าไม่ได้คิดจะมาปล้นหรือวางระเบิดเลยนา หรือถ้าคิดก็ไม่มีทางรอดออกจากประเทศนี้แน่นอนที่สุด
นี่ก็สะท้อนว่า ทำอะไรตามอำเภอใจคือไทยแท้ เพราะพี่ไทยถูกจับให้เดินตามกรอบก็เกิดอาการเหมือนจับปูใส่กระด้งกันเลยทีเดียวเชียวแหละ
แต่สำหรับมนุษย์ป้าแล้วกลับเห็นด้วยว่า สิ่งที่เขากระทำแบบไม่เลือกปฏิบัตินี้ คือการวางพื้นฐานของจิตใจที่จะก้าวสู่ความมีวินัย สร้างชาติด้วยความอดทน เข้มแข็งค่ะ เพราะระหว่างที่เรายังอยู่กับการถูกตรวจสอบ พนักงานของบริษัทก็มีการเดินเข้า-ออกเช่นกัน และทุกคนก็ต้องปฏิบัติแบบเดียวกับเรา เพียงแต่เขามีบัตรสแกนเข้าไป แต่เสื้อผ้าและกระเป๋าของเขาก็ต้องผ่านเครื่องสแกนเหมือนเราเช่นกัน ไม่มีการยกเว้นว่านี่คือพนักงานที่เห็นหน้ากันทุกวี่ทุกวัน
การรู้รักษากฎระเบียบเล็กๆ น้อยๆ ก็จะเป็นต้นทุนที่ดีในการที่จะเคารพในกฎหมายและกติกาสังคมนะคะ.
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |