ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net "มหาชัยโมเดล" เริ่มแผ่ขยายวงกว้างขึ้นทุกวัน จากหนุ่มสมุทรสาครที่ถือป้ายประท้วง "เรารักสถาบัน ไม่เอาธนาธร"  พร้อมตะโกนขับไล่ ระหว่างที่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ในนามกลุ่มก้าวหน้า ที่ ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ถัดมาก็แม่ค้าที่ตลาดระยอง มาถึงบางปะกง จ.สมุทรปราการ และรุนแรงขึ้นที่นครศรีธรรมราช แต่ทอนก็ไม่ยั่นปักหลักเดินสายต่อในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมกับโพสต์ข้อความฝากไปถึงกลุ่มเสื้อเหลืองที่ขับไล่ว่า "ลองถามตัวเองให้ดีว่าคุณกำลังตกหลุมพรางเดิมๆ อยู่หรือไม่? หลุมพรางที่ว่านั้นคืออะไร? ก็คือการสร้าง “ฝันร้าย” ขึ้นมา ให้พวกเรากลัวและไม่กล้าลืมตาตื่นขึ้นมามองหาอนาคตและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ... แต่เรากลับยอมจมปลักอยู่กับความชั่วร้ายเหล่านี้ เพราะพวกเขาหลอกให้เราเชื่อว่า อนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องน่ากลัว คนที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง ต้องเป็นพวกล้มเจ้า พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน..." พระเอกอีกแล้ว โหนได้ทุกเรื่องให้ดูดีเอื้อเข้าข้างตัวเอง ลืมไปหรือเปล่าว่า "หลุม" ที่ว่าน่ะ หมายถึงหลุมที่ตัวเองขุดไว้เอง จนทำให้ตัวเองหัวทิ่มตกลงไปเองหรือเปล่า ภาพที่คนไทยกลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเอื้อเฟื้อแบ่งปันน้ำใจกันในช่วงวิกฤติโควิด มลายหายไปหมดแล้ว ใครกันที่จุดไฟยุแยงให้คนไทยแตกแยก ปลุกปั่นวัยโจ๋ที่ชักจูงง่าย ลุกฮือลามปามสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในชีวิต แล้วแอบอ้างคำว่าประชาชน ปากก็บอกว่าต้องการปฏิรูปสถาบันแต่พฤติกรรมทำลายชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากฝ่ายไหนก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะไม่มีทางที่จะใช้น้ำมันดับไฟ ยิ่งใช้ก็ยิ่งปะทุ รังแต่จะวอดวายกันหมด

            ๐ ตามประสาคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เลยออกโรงมาเตือนสติ "ไม่ว่าเราจะมีความเชื่อทางการเมืองกันอย่างไร แต่คนที่เกิดมาเป็นคนไทยต้องสามารถเดินทางไปได้ทุกหนทุกแห่ง และผมเคยพูดเสมอว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรง ผมเดินทางไปภาคใต้ก็จะถูกต่อต้าน ขณะเดียวกันผมก็เตือนว่าหากเดินทางมาภาคกลาง ภาคเหนือ หรือพื้นที่ใดจะต้องได้รับการต่อต้านกลับเช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่ว่าตัวต้องการเช่นนั้น แต่มองว่าเราไม่ควรที่จะไปเริ่ม เพราะหากเริ่มแล้วจะจบกันยากในเรื่องของความเกลียดชัง ดังนั้น ความเชื่อทางการเมืองใดก็ตาม แม้จะมีความเห็นที่ต่างกัน แต่เราควรที่จะยึดแนวทางสันติวิธี หลายๆ คนอาจจะย้อนว่า ภาพต่างๆ ในอดีตของพี่น้องคนเสื้อแดง ผมก็อยากจะบอกว่าหลายเรื่อง ก็เหมือนภาพที่นายธนาธรไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าวนั้น..." ถ้าจำกันได้ในยุคที่ นปช.เฟื่องฟู ก็เคยเกิดเหตุการณ์มวลชนเสื้อแดงรุมทุบรถ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีะ" สมัยที่เป็นนายกฯ ทั้งที่กระทรวงมหาดไทยและที่พัทยา แต่ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าพูดถึงนักสันติวิธีในปัจจุบันก็ต้องยกตำแหน่งให้ "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธาน นปช. ที่ผ่านมาก็สอนม็อบรุ่นน้องตลอดอย่าเอาความสะใจ อย่าจาบจ้วงสถาบัน ครั้งนี้ก็เลยฝากไปถึงคนเสื้อเหลืองบ้าง

            ๐ นับถอยหลังก็เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนครึ่ง ก็จะสิ้นปี 2563 ปีที่ทั่วโลกบอบช้ำ-ทุกข์ระทมจากวิกฤติโควิด จนทำเอาคนล้มตายและได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจกันไปทั่วโลก สำหรับประเทศไทย แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อจะน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจก็หนักหนาสาหัส โดยเฉพาะธุรกิจบริการ-ท่องเที่ยว-โรงแรม ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร ปรากฏว่ามีความเห็นที่น่าสนใจ อันเป็นความเห็นที่เกิดขึ้นเมื่อ 11 พ.ย. ที่ “ไทยรัฐกรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่วงการสื่อ จัดงานดินเนอร์ทอล์ก SHARING OUR COMMON FUTURE “ร่วมแรง เปลี่ยนแปลง แบ่งปัน” โดยงานดังกล่าว "สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ที่เป็นเสมือนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล กล่าวตอนหนึ่งว่า "ขณะนี้ดัชนีการผลิตทุกตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะ ประชาชนทั่วไปอาจยังไม่รู้สึก แต่ได้ค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว โดยประเทศไทยมาถึงตรงนี้ได้ถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในปีหน้าไทยจะมีเศรษฐกิจดีกว่าประเทศอื่น เพราะไทยมีตลาดทุนแข็งแกร่ง และทุนสำรองระหว่างประเทศเข้มแข็ง รวมถึงมีโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ถนน ท่าเรือ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ภายในกลางปีหน้าประชาชนจะรู้สึกได้ของการฟื้นตัวอย่างแท้จริง โดยปีหน้ารัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ดึงดูดนักลงทุนเข้ามา เช่น เปิดให้ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยและได้วีซ่าระยะยาว 10 ปี" การประกาศความเชื่อมั่นของกัปตันทีมเศรษฐกิจรัฐบาลในยามที่สถานการณ์รัฐบาลเริ่มดีขึ้นหลังม็อบสามนิ้วเริ่มซาลงไป จากเดิมที่คนมองว่ารัฐบาลคงอยู่ได้เต็มที่ไม่เกินปีนี้ แต่ตอนนี้ คนในรัฐบาลเชื่อว่าจะอยู่ได้อีกนาน (หากไม่เกิดจุดพลิกผันเสียก่อน).

      ลี้คิมฮวง