เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 ณ ชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ การกีฬาแห่งประเทศไทย คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วยคุณสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง, คุณศิวดล ทองสอาด ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและสื่อสารการตลาด บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด และ คุณธารา พฤกษ์ชะอุ่ม รองประธานกรรมการอำนวยการ บริษัทในเครือแกรนด์สปอร์ต เข้าร่วมพิธีจับสลากการแข่งขัน “ช้าง เอฟเอ คัพ 2020” รอบ 32 ทีมสุดท้าย

          สำหรับรอบ 32ทีมสุดท้ายนั้น มีดังนี้ ไทยลีก 1 ผ่านเข้ามา 15 ทีม  ,ทีมจากไทยลีก 2 ผ่านเข้ามา 5 ทีม, ทีมจากไทยลีก 3 ผ่านเข้ามา 10 ทีม และทีมจาก ไทยแลนด์ อเมเจอร์ ลีก ผ่านเข้ามา 2 ทีม 

          ผลการจับสลากฟุตบอลช้าง เอฟเอ คัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย มีดังต่อไปนี้

           แข่งขันวันที่ 5 ธันวาคม 2563 อุดร ยูไนเต็ด - สโมสรฟุตบอลราชนาวี/หนองบัว พิชญ เอฟซี- พีที ประจวบ เอฟซี, ลำพูน วอร์ริเออร์ - ชลบุรี เอฟซี/ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด - เชียงราย ซิตี้ /ระยอง เอฟซี - ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, สมุทรปราการ ซิตี้ - แม่โจ้ ยูไนเต็ด/เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด - สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง/การท่าเรือ เอฟซี -  เอ็มโอเอฟ ศุลกากร ยูไนเต็ด

           แข่งขันวันที่ 6 ธันวาคม 2563 สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด - สุโขทัย เอฟซี/ลำปาง เอฟซี - สุพรรณบุรี เอฟซี, วัดโบสถ์ ซิตี้ - สงขลา เอฟซี/ปลวกแดง ยูไนเต็ด - ตราด เอฟซี/เมืองเลย ยูไนเต็ด - บางปะอิน อยุธยา/บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด - โปลิศ เทโร เอฟซี/เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด - บีจี ปทุม ยูไนเต็ด/โดม เอฟซี - เชียงใหม่ เอฟซี

          กติกาการแข่งขันในรอบนี้ ในเวลาปกติ แข่งขัน 90 นาที ครึ่งละ 45 นาที พักครึ่ง 15 นาที หากเสมอกันจะมีการต่อเวลาพิเศษ 30 นาที และถ้าเสมอกันอีกจะใช้การดวลจุดโทษตัดสิน โดยใช้การยิงแบบ ABAB สำหรับโควต้านักกีฬาต่างชาติเป็น 3+1+1 (ต่างชาติ 3 + เอเชีย 1 + อาเซียน 1) โดยการเปลี่ยนตัวนักกีฬา สามารถเปลี่ยนตัวนักกีฬาสำรองได้ 3 คน 

          ทั้งนี้ การแข่งขัน ช้าง เอฟเอ คัพ 2020 รอบ 32 ทีมสุดท้าย จะแข่งขันในวันที่ 5-6 ธันวาคม 2563 โดยทีมที่ชนะเลิศรายการนี้ จะได้รับเงินรางวัล 5 ล้านบาท และยังได้รับสิทธิ์ร่วมแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในปี 2022