ผู้หญิงคนนี้สร้างประวัติศาสตร์!


เพิ่มเพื่อน    

      เธอสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้หญิงและผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ที่สามารถคว้าตำแหน่งรองประธานาธิบดีได้

            "ดิฉันเป็นคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และดิฉันก็มั่นใจว่าจะไม่ใช่ผู้หญิงและคนผิวสีคนสุดท้ายที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้" กมลา เทวี แฮร์ริสประกาศหลังจากคะแนน Electoral College ของโจ ไบเดนวิ่งพ้น 270  แล้วอย่างชัดเจน

            ทำให้โจ ไบเดนได้เป็น "ว่าที่ประธานาธิบดี" และกมลาเป็น "ว่าที่รองประธานาธิบดี" ที่สร้างประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกาอีกมิติหนึ่ง คือมีคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุด อาจจะเกิน 150 ล้านหรือเกิน 65% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ

            จับตากมลาไว้ให้ดี เพราะเธอจะไม่หยุดแค่นี้

            ไบเดนอายุมาก ปีนี้ 77 เป็นประธานาธิบดีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ ทำให้บทบาทของกมลาวัย 56 โดดเด่นขึ้นมาทันที

            หากไบเดนมีปัญหาสุขภาพหรือเกิดปัญหาใดๆ ที่ทำให้ไม่สามารถบริหารประเทศได้ กมลาก็จะขึ้นมารักษาการตำแหน่งแทนทันทีตามรัฐธรรมนูญ

            และแม้ว่าไบเดนจะอยู่ครบ 4 ปี ก็มีความเป็นไปได้สูงว่ากมลาจะวางแพลนไว้ว่าเมื่อหมดสมัยเป็นรองประธานาธิบดีแล้ว เธออาจจะเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรคเพื่อแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

            บทบาทจากนี้ไปจะได้เห็นเธอพยายามสร้างฐานเสียงของตัวเอง

            ในฐานะรองประธานาธิบดี กมลาจึงไม่ใช่เพียง "ไม้ประดับ" แต่มีความคึกคักในหลายๆ เรื่องที่หาเสียงเอาไว้

            โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องความเท่าเทียมเรื่องคนผิวสี, สิทธิมนุษยชน, การศึกษา, เยาวชน และแม้กระทั่งบางส่วนของนโยบายต่างประเทศเกี่ยวกับเอเชีย เพราะความที่เธอมีเชื้อสายอินเดีย

            กมลาเป็นนักการเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันและเอเชียคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้หาเสียงเคียงคู่กับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งคนสำคัญของพรรค

            เป็นสตรีคนที่ 3 ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งนี้ถัดจาก เจรัลดีน เฟอร์เรโร (ปี 1984)  และแซราห์ เพลิน (ปี 2008)

            เธอสร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียที่เคร่งครัดและต่อสู้เพื่อคนเสียเปรียบ

            ต่อมาได้เป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐนี้เมื่อปี 2017

            เธอเกิดที่เมืองโอ๊กแลนด์ แคลิฟอร์เนีย เป็นลูกสาวนายโดนัลด์ เจ. แฮร์ริส นักเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดชาวจาเมกา-อเมริกัน กับนางชยมาลา โฆปาลัน นักชีวการแพทย์ชาวอินเดีย-อเมริกัน

            ในช่วงเป็นสมาชิกวุฒิสภา เธอมีผลงานน่าสนใจหลายด้าน เช่น

            สนับสนุนการปฏิรูประบบบริการสุขภาพ

            ยกเลิก "สถานะยาเสพติดของกัญชา" ในระดับประเทศ

            ช่วยเหลือให้ผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารได้รับสถานะพลเมืองสหรัฐฯ

            ห้ามใช้อาวุธสังหาร

            และการปฏิรูปการเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า เป็นต้น

            ความที่เธอมีเชื้อสายเอเชีย ความเข้าใจของกมลาต่อความเป็นไปในเอเชียย่อมจะมีสูงกว่านักการเมืองของอเมริกาหลายคน

            และการที่เธอจะช่วยเสริมงานด้านต่างประเทศของไบเดนด้วย ก็ยิ่งจะทำให้เธอเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในการสร้างความเข้าใจกับนโยบายของสหรัฐฯ ต่อเอเชียในวันข้างหน้า

            กมลาพูดถึงความสำคัญของคุณแม่ต่อวิธีคิดและความมุ่งมั่นของเธออย่างชื่นชมเสมอ

            คุณแม่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2009 แต่เธอได้รับความอบอุ่นและแรงบันดาลใจจากคุณแม่อย่างเปี่ยมล้น

            "คุณแม่ดิฉันคือเหตุผลสำหรับทุกอย่าง"

            น้องสาวของกมลาเคยส่งข้อความขึ้นทวิตเตอร์ของเธอว่า

            "คุณจะไม่รู้จักกมลา แฮร์ริสเพียงพอโดยที่ไม่รู้จักแม่ของเราทั้งสอง..."

            ตอนที่คุณแม่อพยพจากอินเดีย (จากเมืองเชนไนหรือเดิมเรียกว่ามัดราส) ไปอเมริกาตอนอายุ 19  หลังจบจากมหาวิทยาลัยเดลฮีไปต่อที่ University of California, Berkeley และจบด้วยปริญญาเอกทางโภชนาการและรักษาโรคมะเร็ง

            คุณแม่สร้างผลงานในฐานะนักวิจัยด้านมะเร็งเต้านมจนเป็นที่รู้จักไปทั่ววงการ          

            พิธีกรทีวีเคยถามกมลาว่า ถ้าคุณแม่ยังมีชีวิตตอนที่เธอสมัครเป็นรองประธานาธิบดี คุณแม่จะพูดกับเธอว่าอย่างไร

            "ดิฉันไม่สงสัยเลยว่าคุณแม่จะบอกดิฉันว่า...สู้ๆ ลูก เอาชนะให้ได้"

            หญิงแกร่งหญิงเก่งคนนี้กำลังจะเขย่าการเมืองสหรัฐฯ!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"