ศิริราชปลูกถ่าย3อวัยวะ'หัวใจ-ตับ-ไต'ในผู้ป่วยรายเดียวพร้อมกันรายแรกในเอเชียและเป็น รายที่ 15ของโลก


เพิ่มเพื่อน    

ศิริราชปลูกถ่าย 3 อวัยวะ หัวใจ-ตับ-ไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดี ครั้งแรกในเอเชีย และรายที่ 15 ของโลก"หมอประสิทธิ์"เผย ฟ้าประทาน เพราะมีคนบริจาคอวัยวะ และมีคนสานต่อทำให้ประสบความสำเร็จ  วอนช่วยกันบริจาคอวัยวะช่วยชีวิตผู้อื่น พร้อมถ่ายทอดความรู้ให้กับสถาบันอื่น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ในอาเซียน 

 ที่ห้องประชุมสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น G โรงพยาบาลศิริราช มีการแถลงข่าว “ศิริราชปลูกถ่าย 3อวัยวะ หัวใจ-ตับ-ไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดียว...ครั้งแรกในเอเชีย” โดยมี ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานแถลงข่าว ร่วมด้วยรศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช รศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร รองผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายตับและหัวหน้าศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะ รศ.นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายหัวใจ รศ.นพ.ธวัชชัย ทวีมั่นคงเจริญ ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายไต และ อ.พญ.ศรีสกุล จิรกาญจนากร อายุรแพทย์โรคหัวใจและปลูกถ่ายหัวใจ นายรชานนท์ รุ่งสว่าง ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ และนางโสภา รุ่งสว่าง มารดา ร่วมกันแถลงข่าว

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่าะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้ดำเนินการปลูกถ่ายอวัยวะตั้งแต่ พ.ศ. 2516 ปัจจุบันได้ดำเนินการผ่าตัดปลูกถ่ายไต 1,298 ราย ผ่าตัดปลูกถ่ายตับ 321 ราย และผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ 67 ราย ซึ่งนับเป็นโรงพยาบาลที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะมากที่สุดในประเทศไทย กรณีปลูกถ่าย 3อวัยวะ หัวใจ-ตับ-ไต สำเร็จในผู้ป่วยรายเดียวครั้งแรกในเอเชียนี้เป็นความสำเร็จที่ฟ้าประทานและมีคนสานต่อให้สำเร็จ คือการที่มีผู้มาบริจาคคือฟ้าประทาน แต่หากไม่มีการสานต่อ หากทีมผ่าตัดไม่มีความสามารถ ทีมแพทย์ไม่มีการเตรียมพร้อม หรือไม่มีการเตรียมพร้อมคนไข้ ก็ยากมากในการจะสานต่อให้บรรลุผล  ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ 130 ปีที่ผ่านมารพ. ศิริราชมีการพัฒนาการรักษามาตลอด การรักษาใดมีความก้าวหน้าเราต้องก้าวทัน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ก้าวทันแต่ หลายๆเรื่องเราเป็นผู้ก้าวนำ และในครั้งนี้ก็เป็นความสำเร็จครั้งแรกในเอเชีย ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีผู้สานต่อ

อย่างไรก็ตาม  ศิริราชจะกลายเป็นแหล่งรักษาโรคที่รักษาไม่ได้ในอดีต แต่จะรักษาได้ในขณะนี้หรือในอนาคต และจะเป็นแหล่งเรียนรู้ ไม่ใช่แค่สถาบันของเรา แต่ยินดีถ่ายทอดความสำเร็จนี้แก่สถาบันอื่นๆเพื่อประโยชน์ในการรักษาประชาชนต่อไป และยังยินดีที่เป็นแหล่งเรียนรู้แก่ประเทศอาเซียนในการศึกษาดูงาน

“อย่างไรก็ตามอยากขอเชิญชวนให้มีการบริจาคอวัยวะ โดยการแจ้งความจำนนเพราะอวัยวะของคนที่กำลังจะจากไป คือ การที่สอมงตายไปแล้วในทางกฎหมาย แต่อวัยวะอื่นยังสามารถทำงานได้อยู่อาจต่อชีวิตให้อีกหลายชีวิต มีคนที่ยังรออวัยวะเหล่านั้นเพื่อมีชีวิตใหม่ต่อไป แต่ เราไม่สามารถไปเอาอวัยวะเหล่านั้นได้หากไม่มีการยื่นความจำนน นอกจากทีมแพทย์แล้ว การผ่าตัดดในครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายประมาณ 3 ล้านบาท โดยผู้ป่วยอยู่ในสิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งค่าใช้จ่ายยังไม่ครอบคลุมการรักษา ดังนั้น ความสำเร็จในการกู้ชีวิตคนคนหนึ่งในครั้งนี้จึงมาจากเงินบริจาคในกองทุนช่วยเหลือของศิริราชที่มีผู้บริจาคเข้ามา โดยศิริราชยินดีที่จะเป็นตัวกลางนำเงินที่มาจากผู้ที่มีเกิน ใช้ประโยชน์กับคนที่ขาด ซึ่งไม่ใช่แค่รายนี้แต่มีการช่วยเหลือหลายรายแล้ว แต่อย่างไรก็ตามศิริราชจะดำเนินงานต่อไปเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศตราบใดที่ยังอยู่คู่กับสังคมไทย และในการเป็นโรงพยาบาลของแผ่นดินเราจะสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน คือ เราจะทำงานเพื่อแผ่นดิน” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว.

รศ.นพ.วิศิษฎ์ กล่าวว่า การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะในครั้งนี้ นับแล้วมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากแล้ว เพราะในบางประเทศเพียงแค่ผ่าตัดตับเพียงอย่างเดียวก็ประมาณ 15 ล้านบาทแล้ว ซึ่งประเทศไทยมีกลไกในการทำให้ราคาถูกลง โดยใช้อุปกรณ์ในการผ่าตัดต่างๆเหมือนกับในต่างประเทศ โดยค่าใช่จ่ายในครั้งนี้ศิริราชดูแลร่วมกับสิทธิ์หลักประกันสุขภาพ ซึ่งศิริราชได้มาจากผู้บริจาค ซึ่งจะดูแลตั้งแต่ในช่วงผ่าตัด และช่วยเหลือในระยุต่อเนื่อง

รศ.ดร.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า รศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร กล่าวว่า ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดปลูกถ่าย หัวใจ ตับ และไตจากผู้บริจาครายเดียวเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2560 การผ่าตัดดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือ การประสานงาน และความพร้อมของทีมผู้รักษาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในขณะผ่าตัด และการดูแลหลังผ่าตัด เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงต้องมีการวางแผนขั้นตอนการผ่าตัดล่วงหน้าอย่างรอบคอบ และการประสานงานระหว่างทีมที่ดี การผ่าตัดใช้เวลานานถึง 12 ชั่วโมง 5 นาที โดยเริ่มจากการปลูกถ่ายหัวใจ ตับ และไตเป็นอวัยวะสุดท้าย โดยในระหว่างผ่าตัด ความดันโลหิตและสภาพร่างกายทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของทีมวิสัญญีแพทย์อย่างใกล้ชิด หลังเสร็จสิ้นการผ่าตัด ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อในหอผู้ป่วยวิกฤต เพื่อพักฟื้น พบว่าหลังผ่าตัดวันแรก อวัยวะที่ปลูกถ่ายเริ่มทำงานได้ในระดับที่ดี ไม่พบการต่อต้านของหัวใจใหม่จากการตรวจชิ้นเนื้อหัวใจ การตรวจด้วยอัลตราซาวด์ตับ พบว่าตับมีเลือดมาเลี้ยงได้ดี ตับเริ่มมีการทำงานและขจัดของเสียของร่างกายได้ดี จากผลเลือดที่ตรวจเป็นระยะ ๆ อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกพบว่าไตใหม่ที่ปลูกถ่าย ยังทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ในที่สุดก็เริ่มทำงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ปัสสาวะออกได้เป็นปกติ และผลการตรวจเลือด ค่าการทำงานของไตเป็นปกติ ผู้ป่วยได้รับการรักษาในโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2560 จนถึงวันที่ 23 ก.พ. 2561 รวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 83 วัน พบว่าผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านโดยปลอดภัย และอวัยวะที่ได้รับการปลูกถ่ายทั้งหมด มีการทำงานเป็นปกติดี

รศ.ดร.นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพบว่ายังไม่มีการปลูกถ่ายอวัยวะ 4-5 อวัยวะในผู้ป่วย  เชื่อว่าอาจจะมีความเสี่ยงมาก แต่ในวารสารของต่างประเทศที่มีการพิมพ์พบว่า มีการเปลี่ยนอวัยวะต่างๆร่วมกัน 3 อวัยวะ แต่ในการผ่าตัด หัวใจ ตับและไต พบว่ามีการตีพิมพ์ 14 ราย จากการตรวจสอบพบว่าประเทศไทยเป็นรายที่ 15 ของโลกที่สามารถทำสำเร็จ  ทั้งนี้ในการพิจารณาผู้ป่วยที่จะปลูกถ่ายอวัยวะนั้น เราจะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการพิจารณา ซึ่งไม่ได้พิจารณาตามคิวแต่พิจารณาจากความเจ็บปวดความทรมานของผู้ป่วย ดังนั้นการรอของผู้ป่วยสั้นยามจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการทำงานของอวัยวะนั้นๆ แต่ละปีศิริราชจะทำการผ่าตัดเปลี่ยนไตมากที่สุด คือประมาณ 140-150 ราย โดยจากการบริจาคของผู้ที่สอมงตายหรือผู้ที่ยังไม่ตาย คือบริจาคไตหนึ่งข้าง อย่างไรก็ตามก็มีในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถเปลี่ยนอวัยวะได้ คือ 1. สภาวะร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนอวัยวะได้ เช่น ไม่สามารถดมยาสลบได้ เป้นต้น 2.ผู้ป่วยที่มีโอกาสแพร่กระจายเชื้อไปสู่ร่างกายส่วนอื่นๆได้ เช่น มะเร็ง ที่ต้องมีการกดยากดภูมิ  และ 3. ผู้ป่วยที่มีการพิจารณาแล้วว่าเทียบกับการรักษาแบบประคับประคองแล้วมีความเสี่ยงมากกว่า จึงขอให้ผู้ป่วยเข้าใจ อย่าคิดว่าโดนแพทย์ปฏิเสธ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"