รักษาความเป็นไทย ปลื้มปีติ‘ในหลวง’ทรงพระอักษรแก่ชาวอุดรที่เฝ้าฯรับเสด็จ


เพิ่มเพื่อน    

 

ในหลวง-พระราชินี ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์  และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัว จ.อุดรธานี   ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 128 ล้านบาท แก่เรือนจำ 19 แห่ง และโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
    เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ณ ที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี โดยมีประชาชนเฝ้าฯ รับเสด็จ ณ ท่าอากาศยานทหารกองบิน 23 จังหวัดอุดรธานีจำนวนมาก
    เมื่อเสด็จถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ และทรงตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ออกจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 ไปยังที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี โดยมีนางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา, นายวิเชียร แสงเจริญถาวร อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4, นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม, นายวิรัช ไตรพิทยากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี พร้อมข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม เฝ้าฯ รับเสด็จ
    ครั้นเมื่อเสด็จฯ เข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร จากนั้นพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายวิรัช ไตรพิทยากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี และนางสาวสาวิตรี ศรีบุญเรือง ผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือที่ระลึก จากนั้นเสด็จฯ ไปยังมณฑลพิธี ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ ลงในหลุม ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย "อาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดอุดรธานี" แล้วเสด็จฯ เข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก
    จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรม กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณแก่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานของที่ระลึกจำนวน 120 ราย นายวิเชียร แสงเจริญถาวร อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย และทรงลงพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย ในแผ่นศิลาที่นายวิรัช ไตรพิทยากุล ผู้พิพากหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ทูลเกล้าฯ ถวาย
    ต่อมาเสด็จฯ ขึ้นยังห้องประทับรับรอง ชั้น 3 ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย ในสมุดเยี่ยม และพระราชทานพระบรมราชานุญาตฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ศาลยุติธรรม และข้าราชการจังหวัดอุดรธานี ตามลำดับ และก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ นายวิรัช ไตรพิทยากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญหลวงพ่อนาคปางนาคปรก ขนาดน้ำหนัก 18.50 กรัม กว้าง 2.5 ซม. สูง 3.9 ซม. หนา 1 มิลลิเมตร กรอบ 8.36 กรัม แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 1 องค์ และทูลเกล้าฯ ถวายผ้าไหมมัดหมี่ขิดทอมือ ลายพญานาค 3 สี ที่ทอโดยนางลานี โสภาพรม หัวหน้ากลุ่มประธานกลุ่มทอผ้าไหมขิดสีชมชื่น อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จำนวน 1 ผืน
    ทั้งนี้ เดิมศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี เป็นเพียงแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดอุดรธานี ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 ที่ให้จัดตั้งแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวขึ้นในศาลจังหวัดทุกศาล มีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2538 ต่อมาในปี พ.ศ.2533 ได้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว โดยกำหนดให้ยกฐานะแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเป็นศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2533 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2534 เป็นต้นมา
         อาคารที่ทำการศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ตั้งอยู่เลขที่ 569 หมู่ 9 ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี สร้างอยู่บนที่ราชพัสดุ เนื้อที่ 11 ไร่ 96 ตารางวา เป็นอาคารที่ทำการถาวรสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 3 ชั้น ขนาด 6 บัลลังก์  ซึ่งบริเวณด้านหลังอาคารศาลได้สร้างบ้านพักผู้พิพากษา จำนวน 4 หลัง และอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการศาลยุติธรรมขนาด 12 หน่วย จำนวน 1 หลัง โดยอำนาจพิจารณาคดีพิพากษาคดี ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี มีเขตอำนาจท้องที่ จ.อุดรธานี รวม 20 อำเภอ ส่งผลให้การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ สวัสดิภาพ และการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนสตรี และบุคคลในครอบครัวเป็นไปอย่างทั่วถึงตลอดท้องที่ จ.อุดรธานี
    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ออกเอกสารข่าวโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เกิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว  และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงมีพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล โดยทรงเห็นว่าสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีนั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ต้องขัง ซึ่งก็คือประชาชนเช่นเดียวกัน
    ทั้งนี้ ทรงเห็นว่าการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ การพยาบาล รวมไปถึงการได้รับความรู้ในการดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง เป็นสิทธิของผู้ต้องขังที่ควรได้รับเท่าเทียมกับบุคคลภายนอกตามหลักมนุษยธรรม ข้อจำกัดในด้านการได้รับความรู้ด้านสุขอนามัย ตลอดจนการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของผู้ต้องขัง จึงมีความสำคัญที่จะต้องพิจารณาปรับปรุง จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ริเริ่มโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ขึ้น เพื่อเป็นการเติมเต็มสิทธิของผู้ต้องขังให้ได้รับบริการทางสุขภาพ เฉกเช่นประชาชนทั่วไป
    โดยกรมราชทัณฑ์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 217 ล้านบาท ในระยะที่ 1 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2562 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้จัดซื้อเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ จำนวน 756 รายการ พระราชทานให้กับเรือนจำทัณฑสถานเป้าหมาย 25 แห่ง ประกอบด้วย เรือนจำความมั่นคงสูงสุด 5 แห่ง, เรือนจำกำหนดโทษสูง 12 แห่ง, ทัณฑสถานหญิง 7 แห่ง และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 1 แห่ง
    อีกทั้งในปลายปีนี้ โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้ดำเนินงานเป็นระยะเวลา 1 ปี พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 128 ล้านบาท เพื่อดำเนินงานโครงการเข้าสู่ระยะที่ 2 สำหรับจัดซื้อเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ แก่เรือนจำ 19 แห่ง และโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำ ซึ่งได้แก่ เรือนจำอำเภอฝาง, เรือนจำอำเภอเทิง, เรือนจำอำเภอแม่สอด, เรือนจำอำเภอสวรรคโลก, เรือนจำอำเภอแม่สะเรียง, เรือนจำอำเภอพล, เรือนจำอำเภอสีคิ้ว, เรือนจำอำเภอนางรอง, เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์,  เรือนจำอำเภอรัตนบุรี, เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี, เรือนจำอำเภอธัญบุรี, เรือนจำอำเภอทุ่งสง, เรือนจำอำเภอปากพนัง, เรือนจำอำเภอนาทวี, เรือนจำอำเภอเบตง, เรือนจำอำเภอหลังสวน, เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ และเรือนจำอำเภอหล่มสัก
    กรมราชทัณฑ์ และผู้ต้องราชทัณฑ์ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ นับเป็นขวัญ กำลังใจ และสิริมงคลของข้าราชการ ผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่ต่างพร้อมน้อมรับพระบรมราโชบายใส่เกล้าใส่กระหม่อม นำไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และเกิดสัมฤทธิผลต่อไป.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"