ฝ่ายค้านยื่น พรบ.ประชามติ ประกบร่างรัฐบาล กังขาจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน ไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย ตั้งแนวคำถามตามรัฐบาลต้องการ ซัดชงเข้าประชุมร่วมสภาฯ หวังยืมมือ สว.ช่วยลากให้ผ่าน ขู่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความซ้ำ ก้าวไกลอัดประชามติอัปยศ

9 พ.ย.63 - เวลา 13.25 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อการมีส่วนร่วมส่วนร่วมของประชาชน (ฝ่ายค้านเพื่อประชาชน) ประชุมหารือถึงสถานการณ์การเมืองต่างๆ โดยมีแกนนำพรรค ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง 

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมว่า พ.ร.บ.ประชามติที่รัฐบาลเสนอไปยังรัฐสภานั้น ฝ่ายค้านมองว่าเป็นร่างที่มีปัญหามาก มีการจำกัดเสรีภาพของพี่น้องประชาชน คำถามในการทำประชามติไม่ชัดเจน และเป็นไปในแนวทางที่รัฐบาลต้องการ ขอบเขตที่ให้อำนาจกกต. มีปัญหา สุดท้ายพรรคร่วมฝ่ายค้านจะต้องทำร่างพ.ร.บ.ประชามติฉบับของพรรคฝ่ายค้าน ยื่นประกบกับของรัฐบาล เราจะปรึกษา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าพ.ร.บ.นี้ มีรูปแบบคล้ายพ.ร.บ.ปฏิรูปหรือไม่ และต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่ เหตุใดจึงไม่เข้าสภาผู้แทนราษฎร มองว่า รัฐบาลต้องการยืมมือวุฒิสมาชิกเพื่อให้พ.ร.บ.ฉบับนี้ ผ่านไปตามแนวทางที่รัฐบาลต้องการ จึงทำให้พ.ร.บ.ไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่รักษาสิทธิ เสรีภาพของประชาชน หากประธานสภาฯ เห็นคล้อยตามที่รัฐบาลเสนอ ฝ่ายค้านต้องสู้ต่อ และจะต้องขออำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าเพื่อไทย และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค้พื่อไทย กล่าวว่า 1. พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ เสนอร่างพ.ร.บ.ประชามติโดยอ้างว่าเสนอตามหมวด 16 ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ จึงต้องให้รัฐสภาพิจารณา แต่ พ.ร.บ.ประชามติไม่ใช่การปฏิรูปประเทศ ต้องเป็นกฎหมายปกติ คือเสนอให้สภาผู้แทนรษฎร แล้วจึงค่อยส่งให้ส.ว.พิจารณาต่อไป 2. เมื่อดูรายละเอียดแล้ว กฎหมายนี้ต้องผ่านการรับฟังความเห็นของประชาชนตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ แต่ที่รัฐบาลเสนอมานั้น ไม่มีสักมาตราเดียวที่ผ่านการแสดงความเห็นของประชาชน มีการประทับว่า ไม่มีความคิดเห็นๆ เป็นที่น่าสังเกตว่า กฎหมายสำคัญขนาดนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ไม่มีความคิดเห็น จึงตั้งคำถามว่า มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนจริงหรือไม่ หากรับฟัง ได้รับฟังอย่างไร

3.กฎหมายเขียนไว้กว้างๆ ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องแจ้งนายกฯ ทราบเพื่อไปดำเนินการ มองว่าจะเป็นปัญหาเพราะไม่ได้กำหนดไว้ว่า จะแก้ในประเด็นอะไรบ้าง 4.ร่างพ.ร.บ.ประชามติของรัฐบาลที่เสนอไม่ได้มีบทบัญญัติที่เปิดโอกาสให้ประชาชน หรือกลุ่มต่างๆ รณรงค์เรื่องรัฐธรรมนูญต่อพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมา มีการจับกุม และดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างในการรณรงค์ ดังนั้นเรามองว่า การไม่มีเรื่องรณรงค์ไว้ถือเป็นความบกพร่องในการร่างรัฐธรรมนูญ และ 5.พรรคฝ่ายค้านมีมติยกร่างพ.ร.บ.ประชามติเพื่อเสนอให้สภาพิจารณาควบคู่ไปกับร่างของรัฐบาลด้วย 

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แม้จะมีการปรับถ้อยคำบ้างจากพ.ร.บ.ประชามติที่เคยใช้เมื่อปี 2559 แต่โดยรวมแล้วเรายังเห็นว่า เป็นพ.ร.บ.ประชามติที่เน้นการจำกัดสิทธิ เสรีภาพของประชาชนเป็นด้านหลักอยู่ ถ้ายังเป็นแบบนี้ กังวลว่าภาพที่กกต.ไปเซ็นเซอร์สื่อ หรือประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาลยังมีอยู่ จะเป็นการทำประชามติที่อัปยศ ในสัปดาห์หน้าจะเสนอร่างของฝ่ายค้านประกบด้วย นอกจากนี้ เราขอตั้งข้อสังเกตจากกรณีที่ให้ 2 สภา พิจารณาร่างพ.ร.บ.นี้ร่วมกันในคราวเดียวว่า 1.เราสงสัยในเจตนาว่าเร่งรัดเพื่ออะไร เพื่อให้การออกเสียงประชามติเป็นไปตามความต้องการของส.ส.ฝั่งรัฐบาล และส.ว.บางคนหรือไม่ การเร่งรัดเป็นพิเศษนี้มีเจตนาที่น่าสงสัยว่าต้องการเตะถ่วงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ 2.พรรคฝ่ายค้านเคยชี้ให้เห็นการกำหนดกฎหมายปฏิรูปประเทศ ให้อำนาจพิเศษ ส.ว.ร่วมโหวตกฎหมาย ซึ่งพ.ร.บ.ประชามตินี้ตีความว่าเป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศ เป็นการสร้างกฎหมายพิเศษของรัฐบาลเพื่อต้องการให้ส.ว.เข้ามาแทรกแซงเสริมเสียงให้กับส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ทั้งที่ความเป็นจริงอาจไม่ใช้กฎหมายปฏิรูปประเทศ จึงเป็นปัญหาว่า ควรยกเลิกอำนาจส.ว.ในกฎหมายปฏิรูปประเทศหรือไม่ 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เมื่อปี 2559 ได้รณรงค์ปราบโกงในการลงประชามติ เรายังถูกดำเนินคดี โดยเอาขึ้นศาลทหาร ทั้งมวลชนที่สนับสนุนเรื่องนี้ก็โดนดำเนินคดีในศาลทหารจำนวนมาก ทั้งที่ควรมองว่าเราช่วยป้องกัน และปราบปรามการทุจริต เราจึงมองว่า จะกลายเป็นการปิดปากประชาชนที่เห็นต่าง และแม้แต่สื่อเองก็จะนำเสนออะไรแทบไม่ได้ 

เมื่อถามว่า หากใช้กระบวนการปกติในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประชามติจะใช้เวลามาก ซึ่งอาจทำให้กระทบกับการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ยังไม่เข้า ก็น่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง ต่อมา คือร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆที่กว่าจะผ่านวาระรับหลักการ และวาระอื่นๆ ระหว่างทางเราสามารถเสนอร่างพ.ร.บ.ประชามติควบคู่กันไปได้ โดยใส่เรื่องของการรณรงค์ และประเด็นคำถามที่จะถามเข้าไปด้วยเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ มองว่า เวลาไม่น่าจะห่างกันมากนัก และสามารถเร่งรัดการพิจารณาให้ทันได้