9 พ.ย.63 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำสั่งคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่พัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี (สำนวนที่สอง) หมายเลขดำ อ2799/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นายศราวุธ หลงเส็ง ผู้ชุมนุม นปช. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง, 215, 216
กรณีเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2550 แกนนำและแนวร่วม นปช. นำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคน จากเวทีปราศรัยเคลื่อนที่สนามหลวง ไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม เพื่อเรียกร้องกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง สำหรับสำนวนคดีที่สองนี้ อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2557 ภายหลังจากนายจตุพร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พ้นสมัยประชุมสภา โดยก่อนหน้านี้คดีสำนวนแรก หมายเลขดำ อ3531/2552 พนักงานอัยการได้ฟ้องแกนนำ นปช. และผู้ชุมนุมรวม 7 ราย ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช., นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. คนละ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
และเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2563 ในการนัดพร้อมคดี นายจตุพร จำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลว่า คดีนี้ในชั้นพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้ตั้งสำนวนมีผู้ร่วมกระทำความผิดในส่วนของจำเลยพร้อมกับผู้ต้องหาอีกจำนวนหลายคน แต่เนื่องจากอัยการมีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาแต่ละคนแยกสำนวนคนละคดีในลักษณะเลือกตัวบุคคลซึ่งเป็นการมิชอบ จำเลยที่ 1 เห็นว่า การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันในคดีเดียวกัน จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาถึงประเด็นดังกล่าว ศาลจึงกำหนดนัดฟังคำสั่งในวันนี้ (9 พ.ย.)
โดยศาลอาญาพิจารณาแล้ว คดีสืบเนื่องจากอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องจำเลยชุดที่ 1 นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ กับพวกรวม 7 คน เป็นคดีหมายเลขดำอ3531/2552 คดีดังกล่าวศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว ส่วนชุดที่ 2 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ ยังคงเหลืออีก 5 คน ที่โจทก์จะต้องนำตัวมาฟ้องตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการพิจารณาคดีและจะเป็นประโยชน์แก่คู่ความทุกฝ่าย ขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เพื่อให้โจทก์ได้ฟ้องจำเลยอีก 5 คน ต่อศาล
สอบโจทก์แล้วแถลงว่า นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ, นายบรรจง สมคำ, หม่อมหลวงวีระยุทธ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา, นายจักรภพ เพ็ญแข และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ทั้ง 5 คนดังกล่าวคดีขาดอายุความไปแล้ว ทางพนักงานอัยการได้มีคำสั่งยุติคดีไปแล้ว ส่วน พันเอก ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย เสียชีวิตไปแล้ว จำเลยทั้งสองในคดีนี้อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องเป็นคดีก่อนคดีจำเลยทั้งห้าขาดอายุความ
จำเลยทั้งสองแถลงร่วมกันว่า ขอทราบเกี่ยวกับเรื่องการทำงานของโจทก์ในการติดตามตัวจำเลยทั้งห้าคนมาฟ้องคดีที่ศาล ซึ่งจำเลยบางคนอยู่ต่างประเทศ ว่ามีการติดตามจำเลยทั้งห้าคนมาฟ้องคดีจริงหรือไม่ จึงขอให้ทางฝ่ายโจทก์ไปดำเนินการหาพยานเอกสารมาแสดงต่อศาล และในวันนี้ทนายจำเลยทั้งสองไม่มาศาล เนื่องจากบุตรของทนายจำเลยทั้งสองป่วย ขอเลื่อนคดี โจทก์แถลงไม่ค้าน และโจทก์แถลงว่าจะไปดำเนินการหาพยานเอกสารมาแสดงต่อศาลภายในนัดหน้า
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เพื่อให้การวินิจฉัยคำร้องของทนายจำเลยทั้งสองได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้วและรอบด้าน จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อฟังคำสั่งในวันที่ 25 ม.ค. 2564 เหตุที่นัดนาน เนื่องจากโจทก์ขอระยะเวลาไปดำเนินการหาเอกสารมาแสดงต่อศาลและก่อนหน้านี้คู่ความมีวันว่างไม่ตรงกัน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |