กยศ. ดีเดย์ มิ.ย. นี้ นำร่องหักบัญชีเงินเดือนลูกหนี้กรมบัญชีกลาง 200 คน ก่อนลุยพร้อมกันทั่วประเทศ ต.ค. 2561 กว่า 2 แสนราย ส่วนลูกจ้างเอกชนคิวต่อไป คาดดำเนินการได้ไตรมาส 4 /2561
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2560 ซึ่งในสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้องค์กรนายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชน มีหน้าที่หักเงินได้พึงประเมินของพนักงานหรือลูกจ้างที่เป็นผู้กู้ยืม เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบผ่านกรมสรรพากร ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กองทุนกำหนด กองทุนฯ จึงมีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมให้แก่หน่วยงานองค์กรนายจ้างทุกแห่ง โดยเริ่มดำเนินการจากหน่วยงานราชการก่อนรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ และภาคเอกชนตามลำดับ
“กยศ. กรมบัญชีกลางและกรมสรรพากร ได้ชี้แจงแนวปฏิบัติและวิธีการหักเงินเดือน ให้แก่ผู้แทนหน่วยงานราชการที่มีการใช้ระบบจ่ายตรงเงินเดือน 224 แห่ง เพื่อเตรียมทำโครงการนำร่องที่ กรมบัญชีกลาง ในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งมีข้าราชการ 2,000 คน จำนวนนี้เป็นลูกหนี้ กยศ. ประมาณ 200 คน หลังจากนั้น กยศ. จะทำหนังสือส่งส่วนราชการทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ก.ย. นี้ เพื่อเริ่มดำเนินการหักเงินเดือนข้าราชการที่เป็นลูกหนี้ กยศ. ทั่วประเทศราว 2 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้ราว 2,000 ล้านบาทในเดือน ต.ค. 2561” นายชัยณรงค์ กล่าว
ขณะที่ การหักเงินเดือนลูกหนี้ในบริษัทเอกชน ได้เริ่มทยอยติดต่อขอข้อมูลจากบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กรมสรรพากร ประกันสังคม คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส4 ของปีนี้ และคาดว่าจะทำได้เต็มรูปแบบในปลายปี 2562
สำหรับผลดำเนินงาน กยศ. ในช่วง20ปีที่ผ่านมามีการล่อยกู้ไปแล้ว 5.4ล้านราย คิดเป็นวงเงินที่ให้กู้ยืม 5.7 แสนล้านบาท ซึ่งล่าสุด ณ สิ้นเดือน มี.ค. กยศ. คงเหลือยอดหนี้คงค้าง 4.9 ล้านราย ในจำนวนนี้มีผู้ที่ผิดนัดชำระหนี้กว่า2.1 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 6.8 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 64% และมีผู้ที่ชำระหนี้ปกติ 1.36 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 36% ที่เหลือเป็นพวกที่ปลอดชำระหนี้หลังเรียนจบ 2 ปีมีอีกจำนวน 1.9ล้านราย ทั้งนี้คาดว่าผลจากการดำเนินมาตรการต่างจะทำให้ยอดการชำระหนี้ปีนี้เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมามียอดชำระหนี้2.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2547 -2560 มีจำนวน 1.1 ล้านราย แบะเตรียมดำเนินคดีเพิ่มอีก1แสนรายในเดือนหน้า โดยผลจากการแก้ไข พรบ. ใหม่ จะทำให้การติดตามทวงหนี้ของ กยศ. มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นสามารถขอความร่วมมือส่วนราชการ และเอกชนหักเงินเดือนลูกหนี้ได้เทียบเท่าเจ้าหนี้ลำดับ ซึ่งเป็นลำดับเดียวกับสหกรณ์ สามารถส่งเอสเอ็มเอสติดตามทวงนี้ได้ ขณะที่ขั้นตอนปกติคือสามารถดำเนินคดีชั้นศาลนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้ รวมทั้งได้เพิ่มช่องทาง การชำระหนี้เพื่ออำนวยความสะดวกลูกหนี้ ทั้งหักบัญชี ชำระป่านแบงก์ เคาน์เตอร์เซอร์วิส และเตรียมพัฒนาระบบจ่ายผ่านบาร์โค้ชหรือคิวอาร์โค้ชได้ในเดือนมิ.ย.นี้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |