ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 7 ราย ในสถานกักกันโรค “สธ.” ไล่เรียงไทม์ไลน์หนุ่มใหญ่อินเดียติดโควิด ส่อเค้าเป็นซุูเปอร์สเปรดเดอร์ คาบเกี่ยวหลายจังหวัด สัมผัสคนถึง 290 ราย เสี่ยงสูง 79 ราย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในไทย ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย ในสถานกักกันโรค ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,837 ราย ยอดหายป่วยสะสม 3,654 ราย มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 123 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
ด้าน พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สัญชาติอินเดีย ใน จ.กระบี่ ว่ามีอายุ 37 ปี พักอายุที่เกาะพีพี จ.กระบี่ มีประวัติเดินทางหลายจังหวัด ซึ่งข้อมูลผลการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง พบว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ผู้ติดเชื้อได้ตรวจหาเชื้อวิธี RT-PCR ที่ รพ. เอกชน ใน จ.กระบี่ และส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการที่ รพ.กรุงเทพสิริโรจน์ จ.ภูเก็ต เพื่อทำใบขออนุญาตทำงาน ผลพบเชื้อจึงส่งตรวจยืนยันที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 ผลตรวจพบเชื้อเช่นเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างถอดรหัสพันธุกรรม และหาว่าเชื้อที่พบยังมีชีวิตหรือมีความสามารถแพร่เชื้อได้หรือไม่
พญ.วลัยรัตน์กล่าวว่า หลังจากนั้นผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาที่ รพ.กระบี่ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ได้ตรวจหาเชื้อซ้ำ ผลตรวจไม่พบเชื้อ ซึ่งจากค่าผลแล็บในวันที่ 4 พ.ย. ที่พบเชื้อในปริมาณน้อยมาก ดังนั้นการตรวจซ้ำอาจไม่พบเชื้อ เนื่องจากติดเชื้อมาในระยะที่นานพอสมควร รวมถึงการเจาะเลือดตรวจหาภูมิคุ้มกันพบว่าให้ค่า IgG ซึ่งหมายถึงติดเชื้อมาระยะหนึ่งแล้วราว 1-2 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น ซึ่งค่า IgG ในบางรายอยู่นานถึง 3 เดือน แต่กรณีนี้ติดเชื้อโควิด-19 แน่นอน และอยู่ในระหว่างสอบสวนโรค และค้นหาผู้สัมผัส ซึ่งผู้ติดเชื้อมาเมืองไทยตั้งแต่ เม.ย.2562 หลังจากนั้นได้เดินทางออกไปต่างประเทศในช่วงเดือน ต.ค.2562 ต่อมาในเดือน ก.พ. เดินทางกลับมาในไทยและไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศอีก โดยเปิดร้านอาหารกับภรรยาที่เกาะพีพี
“การค้นหาผู้สัมผัส เราตามตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. เนื่องจากเขาบอกทาง รพ.ว่ามีอาการไอ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. จึงสอบสวนโรคย้อนไป 14 วัน และทำการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกย้อนหลังกลับไป และดูว่าเขาเดินทางไปไหนบ้าง พบว่าเมื่อวันที่ 19-27 ต.ค. อยู่ที่เกาะพีพีตลอด จึงได้ติดตามเพิ่มเติมพื้นที่ในเกาะ ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค.เดินทางนั่งเรือจากเกาะพีพีไป อ.เมืองฯ จ.กระบี่ และพักบ้านน้องชาย ซึ่งมีภรรยาของน้องชายและหลานสาวอยู่ด้วย เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ได้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไป จ.ภูเก็ต พักที่โรงแรมที่หาดป่าตอง พบเพื่อนชาวอเมริกัน 1 ราย ซึ่งอยู่ในระหว่างติดตาม หลังจากนั้นไปรับประทานอาหารตรงข้ามโรงแรม ซึ่งอยู่ในระหว่างติดตามเช่นเดียวกัน” พญ.วลัยรัตน์กล่าว
พญ.วลัยรัตน์ยังไล่ไทม์ไลน์อีกว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค. เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวพร้อมเพื่อนชาวไทย 1 ราย ไปสนามบินภูเก็ต และเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3167 เมื่อถึงสนามบินใช้บริการรถแท็กซี่เดินทางไปพักใน อ.เมืองฯ หลังจากนั้นได้ไปเที่ยวในสถานบันเทิงกับเพื่อนชาวไทย ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งกรณีนี้จะติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นหลัก เนื่องจากผู้ติดเชื้อมีการติดเชื้อมาระยะหนึ่งแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. เช่ารถยนต์จากโรงแรมใน จ.เชียงใหม่ เดินทางไป จ.สุโขทัย พร้อมเพื่อนชาวไทยที่เดินทางมาพร้อมกันจาก จ.ภูเก็ตด้วยกัน แวะปั๊มน้ำมัน ไปงานลอยกระทง แต่ในการจัดมีการวัดอุณหภูมิร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัย
“หากผู้เข้าร่วมงานสวมหน้ากากอนามัย ก็สบายใจได้ว่าไม่ใช่ผู้สัมผัส อีกทั้งขณะนั้นผู้ติดเชื้อยังไม่มีอาการป่วย จึงมั่นใจได้ว่าในงานลอยกระทงจะไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ช่วงเช้ารับประทานอาหารที่โรงแรมใน จ.สุโขทัย อาหารกลางวันที่ร้านอาหารภายใน จ.สุโขทัย หลังจากนั้นแวะเที่ยววัดในเมืองก่อนขับรถกลับ จ.เชียงใหม่” พญ.วลัยรัตน์กล่าว
พญ.วลัยรัตน์กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. เดินทางกลับ จ.ภูเก็ต โดยคืนรถเช่าที่สนามบินและเดินทางกลับด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD1968 เมื่อถึง จ.ภูเก็ต แล้วได้ขับรถยนต์ส่วนตัวเข้าพักในโรงแรมใน อ.หาดป่าตองกับเพื่อนชาวไทยคนเดิม หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ได้รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมและแยกย้ายกับเพื่อน ผู้ติดเชื้อได้เดินทางไปรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้า อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต แล้วหลังจากนั้นขับรถยนต์ส่วนตัวไปบ้านน้องชายที่ จ.กระบี่ เป็นครั้งที่ 2 ต่อมาในวันที่ 4 พ.ย. เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมกับน้องชายไปยัง รพ.เอกชน เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทำเวิร์กเพอร์มิต หลังจากเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อเสร็จได้นั่งเรือเฟอร์รีกลับมาเกาะพีพี หลังจากนั้น รพ.ได้โทร.แจ้งผลการตรวจว่าผลตรวจพบเชื้อ ผู้ติดเชื้อจึงเดินทางกลับมา จ.กระบี่ ด้วยเรือและรถโรงพยาบาลไปรับเพื่อเข้าสู่การรักษา
“กรณีนี้มีผู้สัมผัสผู้ป่วยรวม 290 ราย เป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 79 ราย ได้แก่ 1.ครอบครัวเดียวกัน 4 ราย น้องชาย น้องสะใภ้ และหลานสาว ซึ่งให้ผลการตรวจเป็นลบ และกำลังรอผลการตรวจของภรรยา โดยจะครบกำหนดการสังเกตอาการในวันที่ 17 พ.ย. 2.ผู้สัมผัสในชุมชนรวม 5 ราย เป็นเพื่อน 3 ราย และพนักงานสนามบิน-โรงแรม อีก 2 ราย 3.ยานพาหนะ 64 ราย ผู้โดยสารเครื่องบิน 45 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการในวันที่ 13 และ 17 พ.ย. เรือเฟอร์รี 19 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการในวันที่ 11 และ 18 พ.ย. 4.บุคลากรการแพทย์ 6 ราย ที่ รพ.เอกชน เป็นแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล และล่าม ครบกำหนดสังเกตอาการในวันที่ 18 พ.ย.และกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 211 ราย คือ 1.ผู้โดยสารเครื่องบิน 129 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการ 13 และ 16 พ.ย. เรือเฟอร์รี 38 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการ 11 และ 18 พ.ย. 2.บุคลากรการแพทย์ 16 ราย ครบกำหนดสังเกตอาการ 18 และ 20 พ.ย.” พญ.วลัยรัตน์ระบุ และว่า ผู้สัมผัสผู้ป่วยแบ่งเป็นกลุ่มๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จึงไม่ได้ตรวจหาเชื้อ แต่ให้สังเกตอาการป่วยของตนเอง เมื่อมีอาการให้รีบไปพบแพทย์ทันที ส่วนกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะนัดตรวจหาเชื้อและกักตัวสังเกตอาการที่บ้านเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |