ไบเดนชนะ! รับปาก ‘สมานแผล’


เพิ่มเพื่อน    

    พลันที่การนับคะแนนที่รัฐเพนซิลเวเนียเสร็จสิ้น และ 20 เสียง electoral votes เป็นของไบเดน ทำให้เขาได้เกิน 270 เสียง
    เมื่อเช้าวันอาทิตย์ (เวลาบ้านเรา) สื่อทั้งหลายในอเมริกาก็ประกาศให้ โจ ไบเดน เป็น "ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ" ทันที
    และไม่รอช้า ไบเดนก็ออกมาปราศรัยพร้อมกับ "ว่าที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส" เพื่อประกาศว่าจะทำหน้าที่ "เยียวยา" และ "สมานแผล" ของประเทศให้จงได้
     คามาลาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นสตรีคนแรกที่จะได้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ 
    และเป็นสตรีผิวสีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดอีกด้วย
    สุนทรพจน์เช้าเมื่อวานจัดขึ้นที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นทางการเมืองมาตลอด  47 ปีของไบเดน
    คามาลาเปิดด้วยการพูดถึงระบอบประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมสร้างอนาคต 
    เธอชมความกล้าหาญ ความไม่ยอมแพ้ของคนอเมริกัน ที่เดินหน้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความเท่าเทียมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
    เธอชมคนอเมริกันที่ "เลือกความหวัง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน วิทยาศาสตร์ และความเป็นจริง  และเลือก โจ ไบเดน ให้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา"
    เน้น "ความจริง" เพื่อตอกย้ำว่าต้องกำจัดเรื่องโกหกมดเท็จออกจากวงการเมืองให้ได้
    และแน่นอนเธอยกย่องผู้หญิงหลากหลายเชื้อชาติและสีผิวในอเมริกา ที่ช่วยต่อสู้ให้ผู้หญิงผิวสีในอเมริกาได้มีวันนี้ 
    เธอบอกว่า "แม้ดิฉันจะเป็นผู้หญิงสีผิวคนแรกที่จะมารับตำแหน่งรองประธานาธิบดี...แต่จะไม่ใช่คนสุดท้ายแน่นอน"
    ไบเดนปราศรัยด้วยน้ำเสียงที่มีพลังและจังหวะจะโคนที่เข้มข้นกว่าทุกครั้งที่ผมเคยได้ยินได้ฟัง
    เขาบอกว่าได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน 74 ล้านเสียง 
    มากที่สุดเท่าที่ผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยได้มา
    นี่เป็นประวัติศาสตร์บทสำคัญของประชาธิปไตยสหรัฐฯ
    พร้อมย้ำว่าเขาจะเป็นผู้นำที่สร้างความสมานฉันท์ในประเทศ 
    "เราจะไม่มีรัฐสีแดง หรือรัฐสีน้ำเงิน เราจะมีแต่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น"
    ที่ไบเดนเน้นเป็นพิเศษคือประโยคที่ว่าเขาจะ "กู้จิตวิญญาณของอเมริกากลับมา"
    อีกทั้งยังบอกกับผู้สนับสนุนทรัมป์ว่า 
    "ผมเข้าใจความผิดหวังที่ทรัมป์ไม่ชนะ แต่ถึงเวลาที่ต้องเลิกมองว่าผู้ที่เห็นต่างคือศัตรู เพราะทุกคนคืออเมริกันเหมือนกัน"
    และย้ำว่า
    "สำหรับคนที่โหวตให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ผมเข้าใจถึงความผิดหวัง ผมก็เคยแพ้มาสองสามครั้งแล้วเช่นกัน แต่ตอนนี้ให้โอกาสกันและกันสักครั้ง ถึงเวลาแล้วที่จะละทิ้งการใช้วาทะที่รุนแรงต่อกัน มาลดความร้อนแรงใส่กัน มองหน้ากัน รับฟังกันและกัน หากจะทำให้เกิดความก้าวหน้า เราต้องเลิกปฏิบัติต่อกันฉันศัตรู"
    ที่ดูเหมือนจะเป็นท่อนสำคัญที่สุดของสุนทรพจน์คือ ไบเดนประกาศว่างานเร่งด่วนข้อแรกของเขาคือ การจัดการกับโควิด-19
    ตามมาด้วยการสร้างความเจริญรุ่งเรือง ปกป้องคุ้มครองสุขภาพของอเมริกัน ต่อสู้กับปัญหาเหยียดสีผิว และให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน 
    และประกาศว่าวันนี้เขาจะแต่งตั้งทีมคณะที่ปรึกษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ เพื่อจัดการกับการระบาดของโควิด-19 พร้อมจะทุ่มทรัพยากรเพื่อเอาไวรัสตัวนี้ให้อยู่หมัด
    ที่น่าจะเป็นคำมั่นสัญญาที่สำคัญคือที่ไบเดนยืนยันว่า
    "นี่คือเวลาแห่งการสมานแผล การเลือกตั้งจบลงแล้ว งานของเราคือเดินหน้าด้วยการทำดีต่อกัน  ด้วยความยุติธรรม และยึดถือหลักวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยพลังแห่งความหวัง"
    ไบเดนบอกว่า ได้เวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องหันหาเยียวยาความแตกแยก 
    เขาบอกว่าทั้งพรรคเดโมแครต และรีพับลิกันต้อง "ตัดสินใจ" ที่จะร่วมมือกันได้ 
    เขาต้องการทำให้ความฝันและความหวังของอเมริกันทุกคนเป็นจริงให้ได้ ไม่ว่าแต่ละคนจะเป็นใคร  มีภูมิหลังอย่างใดก็ตาม
    "ทั่วโลกกำลังมองอเมริกาอยู่ ผมเชื่อว่าอเมริกาสามารถเป็นแสงนำทางสำหรับประเทศต่างๆ ได้  เราจะเป็นผู้นำมิใช่จากตัวอย่างการใช้กำลัง แต่จากพลังของการเป็นตัวอย่างที่ดี"
    หากไบเดนทำอย่างที่ประกาศได้ โลกจะสงบลง และการปรับตัวของอเมริกาสู่ "ภาวะปกติ" จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
    เกาะติดกันต่อไปครับ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"