ไม่ได้ดูดสมัครใจเอง บิ๊กตู่อ้างสอบถามพรรคหนุนเป็นนายกฯ-ธรรมดาการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

“ประยุทธ์” โวไม่ได้ใช้อิทธิฤทธิ์หรือผลประโยชน์ดูด พร้อมโวยไม่เคยบอกว่าเห็นด้วย ฮึ่ม! เตือนม็อบอยากเลือกตั้ง ลั่นมีกำหนดการแล้วอย่าทำให้เสียเรื่อง เผยรัชกาลที่ 10 เป็นรัชกาลแห่งการปฏิรูป “หญิงหน่อย” เย้ยวิธีโบราณ เหน็บไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น แต่เป็นรถดูดส้วม

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างอารมณ์ดีว่า วันนี้ที่หน้าตาสดใส เพราะว่าอารมณ์ดี มีความสุขที่ได้ทำอะไรให้กับประเทศชาติ จะสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่ก็ได้ทำไปเยอะพอสมควร

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบคำถามกรณีนักวิชาการออกมาวิจารณ์คนในรัฐบาลและ คสช.เล่นการเมืองด้วยวิธีการดูด ส.ส. เป็นการกลับเข้าสู่วงจรแบบเก่า ว่าเห็นนักวิชาการออกมาทักท้วงตั้งข้อสังเกตมาวิจารณ์กันเยอะผ่านหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไป ก็ฟังแต่สิ่งสำคัญ คือรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ การที่พูดว่าดูดเป็นมานานแล้ว คงไม่ใช่ว่ายอมรับกติกาตัวนี้ อยากให้พิจารณาดูว่าที่มีข่าวสารออกมามันเป็นเรื่องที่นักการเมืองสมัครใจกันเองหรือไม่ ทุกทีเวลาเลือกตั้งสื่อก็จะเห็นอยู่ ทุกคนย้ายไปตรงนู้นตรงนี้ อะไรต่างๆ ขึ้นอยู่กับนโยบายพรรคที่เขาอยู่มาก่อน แล้วเขาเห็นอนาคตหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวตรงนี้เลย

“ผมยังได้สอบถามพรรคการเมืองที่มีข่าวว่าสนับสนุนผม โดยถามไปว่าทำแบบนั้นหรือ ไปเสนอผลประโยชน์กันไว้หรือ เขาบอกว่าไม่ได้มีอะไร นั่งอยู่เฉยๆ ก็มีคนติดต่อมาขอพบหารือ ซึ่งเป็นธรรมดาของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในช่วงนี้ ทุกอย่างยังไม่ไปสู่ขั้นตอนอะไรซักอย่าง ฉะนั้นยังไม่ชัดเจนหรอก ผมยังไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า การพูดคุยแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องระมัดระวัง ซึ่งทุกคนคงทราบดีแล้วว่าไม่เห็นด้วยเลย หากเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง หรือนโยบายต่างๆ เป็นเรื่องของเขา บังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่การใช้เงินหรือเสนอผลประโยชน์ไว้ล่วงหน้าสิ่งนี้ไม่ต้องการโดยเด็ดขาด จะไปซื้อ สัญญา จะให้ตำแหน่งโควตารัฐมนตรี คิดว่าไม่ค่อยถูก แต่หากเป็นเรื่องที่ทุกคนจะเข้ามาทำการเมือง หรือพัฒนาประเทศร่วมกัน ต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไรในการเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

นายกฯ ยังกล่าวถึงมาตรการรับมือกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่เตรียมชุมนุมในวันที่ 5 พ.ค. โดยจะชุมนุมปักหลักค้างคืน ว่าพวกท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เราบอกแล้วว่าจะเลือกตั้งต้นปีหน้านี้แน่นอน ก็ยังเคลื่อนไหวอีก ต้องไปดูว่ากลุ่มคนที่เคลื่อนไหวเป็นกลุ่มไหน คนเดิมๆ หรือคนใหม่ มีการสนับสนุนจากใคร สอดคล้องกับสิ่งที่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองออกมาพูดตรงไหน ก็แสดงว่ากลุ่มนั้นเป็นผู้สนับสนุนให้ออกมา ดังนั้น อยากให้ประชาชนใช้การเรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมาช่วยรัฐบาลแก้ปัญหา เพราะกฎหมายมีทุกตัว พอบานปลายก็ต้องใช้กฎหมายเสร็จแล้วกลายเป็นว่ารัฐบาลไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่ตัวเองไปละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น วันนี้บ้านเมืองต้องสงบเพื่อให้ทำมาหากินได้ การท่องเที่ยวไปได้ ชุมนุมไปไม่ได้อะไรขึ้นมา 

แนะแนวการเลือก ส.ส.

 “การเลือกตั้งเป็นกระบวนการประชาธิปไตย ต้องคิดดูว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำอย่างไร จะได้เป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ขณะเดียวกันสังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิดวิธีการเลือกตั้ง หลักการที่จะเลือกคนไปเป็น ส.ส.จะต้องเปลี่ยนวิธีหมด แล้วผมจะไปบังคับใครได้ มันขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งหมด ทั้งระดับบน กลาง ผู้มีรายได้น้อย ทั้งหมดต้องช่วยกันออกมาเลือกตั้ง เพื่อให้ได้นักการเมืองใหม่ขึ้นมาให้ได้ หรือนักการเมืองเดิมๆ ที่ดีๆ ให้ได้ ผมยังไม่ไปก้าวล่วงพวกนี้เลย ขอเถอะ บ้านเมืองกำลังไปได้ด้วยดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราก็พูดและประกาศไปแล้ว เราจะเลือกตั้งในต้นปี 2562 ก็ไม่เห็นมีประเทศใดทักท้วงเขาก็พอใจ ขอให้เราเดินไปตามนั้น ไม่ต้องมาเป็นห่วงว่ารัฐบาลนี้จะเลื่อน ผมไม่เคยคิดจะเลื่อนเลย แต่ที่มันปรับมาก็เป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ก็ยังมาหาว่าผมทำให้กฎหมายยืดเยื้อ ผมจะไปทำอะไรขนาดนั้น” นายกฯ กล่าว

ต่อมาในเวลา 14.30 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ โดยช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ถามว่า ตรงนี้มีนักการเมืองมาร่วมงานไหม ก็พอมีเท่าที่จำหน้าได้ ซึ่งไม่ได้ไปว่าอะไรท่าน รู้ว่าอยากทำอะไรเยอะแยะ แต่ทำไม่ได้ ถ้าไม่คิดแบบที่ตนเองคิด ไม่ว่าจะเป็นใคร นักการเมืองหรืออะไรก็ตามก็เป็นคนไทย เราเกลียดกันไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็เกลียดกันไม่ได้ ให้กฎหมายว่ามา กฎหมายก็เรื่องกฎหมาย แต่เรื่องของความเป็นคนไทยต้องรักกัน แบ่งกันไม่ได้อีกแล้ว

นายกฯ ยอมรับว่า ยินดีที่ลงพื้นที่ไปพูดคุยนักการเมือง ไม่ได้ไปสู่เรื่องการเมือง เพียงแต่อยากให้นักการเมืองรับรู้ปัญหาอยู่แค่ไหน เราจะแก้ไขกันได้อย่างไร แล้ววันหน้าจะสานต่อส่งที่เราทำไปได้อย่างไร ยืนยันว่าทุกคนที่เข้ามาจะสามารถสานต่อได้ แต่ขอให้ทำให้ดีขึ้นแล้วกัน และ 5 ปีจากนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปประเทศ เป็นช่วงชี้เป็นชี้ตายประเทศที่ทุกคนต้องมีส่วนปฏิรูปร่วมกัน รัฐบาลและการเมืองทำฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ต้องร่วมกันทั้งประเทศ ต้องทำความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง

"สิ่งที่ผมขออย่าให้มีการประท้วงกันอีกเลย ถ้ามีอะไรขอให้แจ้งขึ้นมา ผมรับว่ารัฐบาลผมจะทำให้ดีที่สุดและรัฐบาลต่อไปต้องทำตามนี้ ต้องไปตรวจให้ความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อคลี่คลายปัญหา อย่าปล่อยให้รกรุงรัง ผมจะลงโทษสถานหนักกรณีปล่อยปละละเลย เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ขอความร่วมมืออย่าให้ประท้วงชุมนุมอะไรใหญ่โต มายื่นเรื่องกับผมรับได้หมด แต่หากชุมนุมไปนานๆ จะเสียบรรยากาศในการลงทุน การท่องเที่ยวที่พยุงประเทศ"

พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า รัชกาลนี้เป็นรัชกาลแห่งการปฏิรูป จำคำพูดไว้ เราทำถวายรัชกาลใหม่ สานต่อในสิ่งที่รัชกาลที่ 9 ทรงทำไว้ สืบสาน รักษา ต่อยอดตามพระราชดำรัสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเริ่มต้นไว้ ท่านห่วงใยเสมอ ซึ่งมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ท่านรับสั่งมาดูแลประชาชนริมแม่น้ำอย่างไร ท่านทรงลงรายละเอียดทั้งหมด จึงต้องหาวิธีแก้ไขและกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ ซึ่งก็มีหน้าที่นำพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพวกเรามาให้พวกเรา และนำสิ่งที่ทุกคนถวายความจงรักภักดีไปถึงพระองค์ มีหน้าที่ตรงนี้ ในการบริหารประเทศ

 “วันนี้มีคนพูดว่าผมมาทวงบุญคุณ ประชาชนมีบุญคุณกับผม กับประเทศชาติ แต่ผมไม่ได้มีบุญคุณกับใคร แต่ทำหน้าที่ทำเพื่อประชาชน เชื่อว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น และขออย่าทอดทิ้งผม และผมก็ไม่ทอดทิ้งท่าน" 

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นัดเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 5 พ.ค.ว่า เราในฐานะฝ่ายความมั่นคงไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ เพราะเตรียมพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่วิตกกังวลอะไรต่อการเคลื่อนไหวดังกล่าว

“เจ้าหน้าที่ความมั่นคง เรามีไว้ทำไม เขามีไว้สำหรับดูแลความปลอดภัยเผื่อตีกันเอง และตอนนี้รัฐบาลก็บอกแล้วว่าจะเลือกตั้งใน ก.พ.2562 และเชื่อว่าผู้ชุมนุม เขารู้ว่าชุมนุมอย่างไรไม่ผิดกฎหมาย และคิดว่าการชุมนุมครั้งนี้จะไม่ยืดเยื้อ และไม่มีฝ่ายอื่นๆ มาร่วมผสมโรง มีแต่ผู้สื่อข่าวผสมโรงเล่นงานเรา” พล.อ.ประวิตรกล่าว

“สมคิด”ลั่นถูกดูด

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องเดิมของกลุ่มที่จะจัดการชุมนุมอยู่แล้ว เพราะเดือน พ.ค.เป็นเดือนทางการเมือง คงไม่มีการทำอะไรที่นอกกรอบกฎหมาย คิดว่าเป็นการชุมนุมทั่วไป ไม่มีการสร้างความรุนแรง และตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการเคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้ในต่างจังหวัด

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวถึงการเตรียมการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ว่า จำได้ว่ายังไม่ได้พูดอะไรมากเลย พูดแค่ประโยคสองประโยค ว่าสนับสนุนท่านประยุทธ์ แล้วก็คิดว่าท่านเหมาะสม ถ้าท่านจะทำต่อนะ พอพูดแค่นั้นเอง พวกคุณโอเวอร์รีแอคต์เกินไปหรือไม่ ยังงงอยู่เลย

 “ผมถูกดูดมากกว่านะ" นายสมคิดกล่าวตอบข้อถามเรื่องดูดอดีต ส.ส.มาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองออกมาระบุว่าฝ่ายปกครองเกลี้ยกล่อมให้อดีต ส.ส.สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่มีความเห็น และไม่ได้สั่งการฝ่ายปกครองเรื่องดังกล่าวแน่นอน

ส่วนนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โพสต์รูปในอินสตาแกรมคู่กับ นายคชาภา ตันเจริญ บุตรชายนายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ ที่มาร่วมงานวันเกิดคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมบรรยายว่า เพื่อนกันไม่ดูดกันนะ จ๊วบๆ

ขณะเดียวกัน ที่ศาลาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงานปีละหน คนกันเอง โดยเชิญชวนคนรู้จักมาร่วมฟังธรรม เจริญจิตตภาวนา เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 57 ปี โดยมีคนในครอบครัว แกนนำ พท. และอดีต ส.ส.เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก 

ต่อมาคุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เพื่อเป็นของขวัญให้คนไทยได้มีความสุขมากๆ และนอกจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ขณะนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่มีการออกกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงเรื่ององค์กรอิสระ ดังนั้น การคืนสู่ประชาธิปไตยต้องคืนด้วยความจริงใจ คืนโอกาสให้กับประชาชน ที่สำคัญคือต้องยึดโยงประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่เป็นห่วงว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นประชาธิปไตยเพียงแค่เปลือก แก่นไม่ใช่ ซึ่งจะไม่แก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชน

“กรณีที่จำนวนสมาชิกพรรคการเมืองแต่ละพรรคลดลงอย่างมากนั้น ไม่แปลกใจ เพราะประชาชนที่ไปพบหลายคนก็บอกว่าไม่ได้มายืนยัน เพราะรู้สึกว่าใจยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ซึ่งรูปแบบไม่สำคัญเท่ากับจิตใจที่ยังมั่นคงอยู่ ทุกพรรคก็คงประสบปัญหาเรื่องดังกล่าวเช่นกัน” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวถึงกรณีการดูด ส.ส.ว่า เป็นการเลือกใช้วิธีการแบบนักการเมืองโบราณ คงไปบังคับไม่ได้ แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจเอง โดยในพื้นที่ กทม.นั้น เท่าที่ได้ยินว่ามีข้อเสนอมาบ้าง แต่เขายืนยันว่าจะอยู่กับพรรค ไม่ไปไหน เพราะการทรยศประชาชนและอุดมการณ์ของตัวเองเป็นเรื่องที่เขาลำบากใจ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น คงต้องมองไปข้างหน้า รักษาจุดแข็ง โดยเป็นพรรคที่คิดค้นนโยบายในการแก้ปัญหาให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข และนำนโยบายของตัวเองไปสู่การปฏิบัติได้จริง

เหน็บเป็นรถดูดส้วม

เมื่อถามว่า นายกฯ ระบุว่าการดูดเป็นครรลองประชาธิปไตย คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ที่อ้างว่านักการเมืองเลวร้ายจนต้องเข้ามาปฏิรูปนั้น ต้องถามกับประชาชนว่า 4 ปีที่ผ่านมาของ คสช. ประชาชนได้อะไร

ถามต่อว่า คุณหญิงสุดารัตน์โดนดูดด้วยหรือไม่   คุณหญิงสุดารัตน์ได้ทำท่าดูดปาก พร้อมกับกล่าวว่า  ต้องใช้หลอดดูดไหม ผู้สื่อข่าวจึงถามอีกว่า นายกฯ บอกว่าท่านไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น คุณหญิงสุดารัตน์จึงตอบว่า กลัวจะเป็นรถสีเหลืองๆ น่ะสิ 

นายพริษฐ์ วัชรสิทธุ หรือไอติม หลานชายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ไปรายงานตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) กล่าวประเด็นนี้ว่า มี 2 เงื่อนไขที่ ส.ส.ย้ายพรรค คือ 1.ย้ายตามอุดมการณ์พรรคการเมือง ซึ่งเห็นด้วย เพราะไม่ใช่ย้ายจากผลประโยชน์ และ 2.เชื่อว่าการแข่งขันในระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี การที่อยากให้ระบอบประชาธิปไตยแข็งแรง ก็ควรให้แข่งขันกันหลายพรรคการเมือง ทั้งนี้ การแข่งขันในแง่ตัวผู้สมัครก็สำคัญ แต่ก็ควรอยู่บนพื้นฐานการแข่งขันที่ยุติธรรม

“คิดว่าไม่โดนดูด เพราะผมก็มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนมาก เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเริ่มต้นที่อุดมการณ์ของตัวเอง ต้องดูว่าพรรคการเมืองใดที่ตอบโจทย์ของผม” นายพริษฐ์กล่าว

วันเดียวกัน ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พรรคไทยศรีวิไลย์ นำโดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ว่าที่หัวหน้าพรรค พร้อมคณะ ได้แถลงเจตจำนงพรรค โดยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง แล้วลงมาสู้กันทางการเมืองอย่างเต็มตัว

พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ว่าที่ที่ปรึกษาพรรค กล่าวเช่นกันว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ที่เตรียมเล่นการเมืองในอนาคตลาออกจากตำแหน่ง เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขันทางการเมือง เพราะทุกวันนี้นายกฯ เดินหาเสียงเกือบทุกวัน และที่สำคัญจะไปดูดนักการเมืองจากพรรคอื่นๆ ด้วย โดยจะล่ารายชื่อพรรคการเมืองทุกพรรคเพื่อยื่นถวายฎีกาขอให้มีรัฐบาลเฉพาะกาล.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"