บิ๊กตู่หวังวันหน้ามีคนเก่งกว่า


เพิ่มเพื่อน    

 

เป็นลาง! "บิ๊กตู่” เปรยหวังวันหน้ามีคนเก่งกว่า-ดีกว่า-ซื่อสัตย์กว่ามาทำงานต่อ เบื่อการใช้อำนาจ เพราะใช้มาเยอะ  เตือนการมีอำนาจไม่ใช่เรื่องสนุก เด็ก ปชป.สวนทันควัน สำคัญตัวเองผิดว่าเป็นเหมือนซูเปอร์แมน นายกฯ ในอดีตหลายคนเหนือชั้นกว่า ถามไหนบอกอยากได้ความสงบให้จบที่ "ลุงตู่" ด้าน "ชวน" กรีด "สิระ" เหวอะ ระวังจะได้ไปดองในฟอร์มาลิน ต้องระวังร่างกายด้วย โหรดังเผยดวงนายกฯ อยู่ช่วงตำบลกระสุนตก
    เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในช่วงท้ายตอนหนึ่งภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 63 ว่า ตนไม่เคยคิดว่าต้องมายืนตรงนี้ นี่อยู่มา 6 ปีแล้ว แต่ยังยืนอยู่ได้ยังไงเนี่ย หวังทุกคนคงเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจกันคงไปยาก ก็หวังอย่างยิ่งว่าถ้าวันหน้ามีคนที่เก่งกว่าตน ดีกว่า ซื่อสัตย์กว่าตน ซื่อสัตย์เหมือนตน ทำงานเหล่านี้ต่อไป ซึ่งการมีอำนาจ การที่ต้องมารับผิดชอบไม่ใช่เรื่องสนุก
    "ผมใช้อำนาจมาเยอะ เป็น ผบ.ทบ.มา 4 ปี ผมเบื่อการใช้อำนาจ การใช้อำนาจใช้เฉพาะคือดูแลคนที่เขาทำความดี และลงโทษคนที่ทำความไม่ดี ก็เท่านั้น แค่สองอย่างนี้ยังยากเลย"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า หลายคนบอกตนใช้อำนาจไม่ถูกต้อง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผิดกฎหมายตรงไหน ทำตามกฎหมายทุกประการ ดังนั้นขอให้ช่วยทำความเข้าใจด้วย หลายคนอาจจะไม่ชอบตน ยิ่งไม่ชอบก็ยิ่งต้องทำ เพราะถ้ายังคงไม่ชอบแสดงว่ายังไม่เข้าใจ เขายังลำบากหรือเดือดร้อนอยู่
    "ท่านไม่รักผม แต่ผมรักท่าน ทุกคนคือคนไทยนี่นา หน้าตาก็คนไทย ผมไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร ฝากทุกคนช่วยกันสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติให้ได้ รักษาแกนหลักของประเทศชาติให้ได้ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    แต่นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แย้งว่าเป็นคำพูดที่สื่อให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังสำคัญตัวเองผิด คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของการบริหารประเทศ และทะนงตัวว่าเป็นเหมือนซูเปอร์แมน นำพาประเทศไปสู่ความสำเร็จได้แต่เพียงผู้เดียว คงไม่มีใครที่จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าตัวเอง และยังท้าทายว่าถ้ามีใครเก่งกว่าตัวเอง ซื่อสัตย์กว่าตัวเอง ก็ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีแทน
    เขากล่าวว่า ในความเป็นจริง ตั้งแต่อดีต มีนายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติไม่ด้อยกว่า พล.อ.ประยุทธ์ หรืออาจเหนือกว่าด้วยซ้ำไปอีกหลายคน อาทิ นายชวน หลีกภัย, นายอานันท์ ปันยารชุน,  พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย หรือมีข้อหาการทุจริตในช่วงการดำรงตำแหน่งนายกฯ
         นายพนิตกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ต่างหากที่ต้องตอบคำถามกับสังคม ที่ได้ลงคะแนนเลือกพรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 ด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ข้อ คือ 1.อยากได้ความสงบต้องจบที่ "ลุงตู่" และกระแสกลัวระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้ง จึงเทคะแนนเสียงเลือก พล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดความสงบที่สังคมคาดหวัง ได้จบที่ "ลุงตู่" จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาอาจเกิดภาพลวงตาว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพราะเป็นยุค คสช.ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ มาตรา 44 อยู่ในมือ จึงทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้ และ 2.ประเด็นที่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์มาต่อสู้กับระบอบทักษิณนั้น สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ก็ใช้บริการลิ่วล้อของระบอบทักษิณมาค้ำบัลลังก์ของตัวเอง
        “จึงอยากเรียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ทราบว่า ยังมีคนไทยอีกหลายคนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ทั้งความรู้ ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต และความเป็นนักประชาธิปไตยมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำไปอีกจำนวนมาก ขออย่าได้กังวลกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหมือนคำกล่าวที่ว่า กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี ฉันใดก็ฉันนั้น” นายพนิตกล่าว
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคฑา ชินบัญชร นักโหราศาสตร์ชื่อดังของเมืองไทย เดินทางเข้าสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวได้ถามว่ามีโอกาสได้ดูดวงของ พล.อ.ประยุทธ์บ้างหรือไม่ นายคฑาตอบว่า ปกติปีนี้คนเกิดปีมะเมียโดยทั่วไปจะเป็นตำบลกระสุนตก ตามหลักโหราศาสตร์จะต้องปะทะชนอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องกังวล เพราะพ้นตรุษจีน 12 ก.พ.64 ก็จะไปได้ ดังนั้นช่วงนี้จึงต้องระมัดระวังและหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ จะช่วยส่งผลให้จิตของเราสงบ เป็นการยกระดับจิตเพิ่มพลังใจให้พลังชีวิตแก่เรา และทำให้เรามีสติรู้ตื่นในการดูแลตัวเองและชาติบ้านเมือง จะทำให้เรารู้ว่าอะไรดี  อะไรชอบ อะไรผิดอะไรถูก ไม่ว่าใครถ้าเรารู้จักหน้าที่ของตัวเอง ตนคิดว่าชาติบ้านเมืองก็จะสงบสุข อันนี้ตนอยากฝากไปถึงคณะรัฐมนตรี หรือใครก็ตาม หากรู้จักหน้าที่ของตัวเอง บ้านเมืองก็จะมีความสุขแน่นอน
รัฐธรรมนูญคือวิวัฒนาการ
    "จริงๆ แล้วคนเกิดปีมะเมียทุกคนพอหมดการปะทะชนปัญหาต่างๆ ก็จะน้อยลง ซึ่งช่วงปะทะชนคือช่วงวันที่ 12 ธ.ค.63-12 ม.ค. 64 ก็อาจจะโชคดี เพราะอยู่ในช่วงปีใหม่คนไทยกำลังรื่นเริง ทำให้สถานการณ์เบาบางลงได้ ซึ่งถือเป็นดวงของคนเกิดปีมะเมียทุกคน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เกิดปีมะเมียด้วย ก็ต้องระวังและต้องสวดมนต์ไหว้พระ และไปรับพลังชีวิตดีๆ โดยเฉพาะทิศเหนือ ทิศใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพลังบวกที่ดี ไปรับรอยยิ้มเสียงหัวเราะ และไปกระจายความสุข" โหรผู้นี้กล่าว
    นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี บรรยายเรื่อง "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญจะมีความสำคัญจริงหรือไม่ อยู่ที่ความรู้สึกของคน ที่ต้องรู้สึกว่าสิ่งนี้คือสิ่งสำคัญในชีวิต ไม่ใช่เพราะเราเขียนว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ต้องทำให้คนรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สูงสุด ดังนั้นถ้าเราอยากให้คนไทยให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ และรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญคุ้มครองชีวิตเขาได้ อย่างไรก็ตาม เห็นว่ารัฐธรรมนูญเราจะลอกกันไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญคือวิวัฒนาการระบบวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมประเพณีที่แตกต่างกัน
    “รัฐธรรมนูญไม่มีสิทธิ์ที่จะทำลายชาติบ้านเมือง คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเขียนรัฐธรรมนูญทำลายความเป็นมาของประเทศ ทำลายวัฒนธรรมประเพณี หรือความเป็นชาติได้ เพราะความเป็นชาติ ความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ เป็นคนละเรื่องกัน รัฐธรรมนูญนอกจากจะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในประเทศแล้ว จะต้องคงความเป็นชาติต่อไปให้ลูกหลานอีกด้วย ความเป็นชาติที่เป็นชาติของเรา ไม่ใช่ชาติที่พัฒนากลายเป็นสหรัฐหรืออังกฤษ แต่สุดท้ายความเป็นไทยหาย การเขียนรัฐธรรมนูญนอกจากจะคิดเรื่องประชาธิปไตยจะต้องคิดถึงความเป็นชาติของเราด้วย สำหรับประเทศไทย ชาติไทย ความเป็นชาติของเราคือสถาบันพระมหากษัตริย์”
    นายพีระพันธุ์กล่าวอีกว่า การที่มีคำพูดว่าประเทศจะเจริญหรือไม่เจริญอยู่ที่รัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะเป็นความเข้าใจของคนที่โยงกันแบบผิดๆ หรือบางคนบอกว่าประเทศเจริญได้ต้องไม่เขียนรัฐธรรมนูญจากคนที่ปฏิวัติมาเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ญี่ปุ่นคนที่ยึดประเทศซึ่งเป็นคนต่างชาติเป็นคนเขียนรัฐธรรมนูญ คนญี่ปุ่นไม่มีส่วนร่วม แต่ทำไมญี่ปุ่นถึงเจริญ ดังนั้นการเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญต้องมีเหตุผล ไม่ใช่อยู่ที่ใครเขียน แต่อยู่ที่ว่าสิ่งที่เขียนมาดีหรือไม่ ส่วนที่เรียกร้องให้เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แต่หากไปลอกคล้ายๆ ของเก่า ก็เหมือนเดิม เพราะการเขียนรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเขียนโดยคณะปฏิวัติหรือเขียนโดย ส.ส.ร. เนื้อหา โครงสร้าง ถ้อยคำ ก็เหมือนลอกกันมาตั้งแต่ปี 2475  
    “การเขียนรัฐธรรมนูญในอนาคตไม่ใช่เขียนแค่มุมการเมือง แต่จะต้องเขียนเป็นคู่มือของประชาชน ที่สามารถดำรงชีวิตได้ ทำมาหากินได้ ได้รับความคุ้มครองจากภาครัฐไม่ให้ถูกกระทำโดยมิชอบ ดังนั้นการเขียนรัฐธรรมนูญในอนาคต จะต้องไม่ใช่แบบพัฒนาจาก 2475 หมดยุคแล้ว ซึ่งไม่ใช่ความเผด็จการ หรือเพื่อการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่ต้องเป็นกฎหมายสูงสุดของคนไทย เพื่อให้แก้ปัญหาชีวิตในทุกๆ อย่างได้อย่างแท้จริง”
คนพูดจะไปดองในฟอร์มาลิน
    นายพีระพันธุ์กล่าวอีกว่า ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญที่กำลังจะพูดกันในสภาคือการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มี ส.ส.ร. ซึ่งตนคิดว่าการที่จะมี ส.ส.ร.ขึ้นมาใหม่ อยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แต่ไม่ใช่มีส่วนร่วมโดยเสนอแค่เรื่องการเมือง แต่ควรให้ประชาชนนำเสนอปัญหาของเขาที่ต้องการให้ภาครัฐประเทศดูแล แต่หากพูดแค่การเมืองอาจไม่เข้าใจและหาข้อยุติแท้จริงไม่ได้ ดังนั้นจึงควรรวบรวมปัญหาของประชาชนแล้วตกผลึก เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อตอบสนองและแก้ปัญหาของสังคม ก็จะทำให้สังคมเดินหน้าต่อได้ ส่วนการจะแก้ปัญหาการเมืองในขณะนี้ได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องยาก เพราะอยู่ที่ใจ หากใจไม่มีเหตุมีผล ใจมีเป้าหมาย ทำอย่างไรก็ไม่จบ ดังนั้นอยู่ที่คนที่เข้ามามีส่วนร่วมว่ามีเป้าหมายเพื่อชาติบ้านเมืองจริงหรือไม่
    ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเตรียมการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า ตนไม่อยากแสดงความคิดเห็นมาก เพราะไม่อยากตกเป็นเหยื่อทางวาจาให้กับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แต่อยากเตือนนายสิระ ว่า หากจะวิพากษ์พิจารณ์อะไร ต้องให้เกียรติผู้สูงอายุด้วย ถึงมีอายุมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลเหล่านั้นจะไม่ทราบอะไร ทุกคนล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ และเจอปัญหามาก่อน
    "การเข้าพบกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไม่ได้เพื่อประสานงานมาเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ แต่เพื่อศึกษาวิธีการแก้ปัญหา ทั้งเรื่องที่ทำแล้วได้ผลและไม่ได้ผล แต่เชื่อว่ามีประโยชน์ อีกทั้งผู้ใหญ่บ้างคนไม่สบายใจ จึงต้องเป็นการหารือกันภายใน แต่ทุกคนเห็นด้วยในการแก้ปัญหาส่วนรวม และมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่รู้สึกท้อ และไม่มีปัญหาส่วนตัวกับใคร ไม่ได้โกรธใคร ผมก็พร้อมรับคำแนะนำ แต่ขอเตือนว่าอย่ามองผู้สูงอายุในทางลบ คนจะผ่านชีวิตมาถึงขั้นที่เปรียบเทียบว่าดองเค็มได้นั้น ต้องระวัง คนพูดจะไปดองในฟอร์มาลิน ต้องระวังร่างกายด้วย"
    นายชวนกล่าวต่อว่า มีคนอาสาสมัครอยากเป็นกรรมการชุดนี้เยอะ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการหรือไม่ สิ่งที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอ เป็นเพียงการพูดคุยกัน ทำได้หรือไม่ได้ต้องพิจารณากันต่อ และต้องไม่รีบร้อน เรื่องการมองอนาคต แต่เรื่องเฉพาะหน้า ให้สถาบันพระปกเกล้าดูเป็นพิเศษ โดยแยกประเด็นอนาคต กับปัญหาเฉพาะหน้าออกจากกัน
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงท่าทีพรรคภูมิใจไทยต่อแนวทางคณะกรรมการสมานฉันท์นั้นว่า อะไรก็ตามที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ เกิดความเข้าใจกัน ทำให้ความขัดแย้งหมดไป หรือลดลงไป ทางพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนรายชื่อคณะกรรมการสมานฉันท์ที่มีทั้งอดีตนายกฯ อดีตประธานรัฐสภานั้น ก็ต้องถือว่ามีวุฒิภาวะ มีความเสียสละ มีประสบการณ์ และมีความหวังดีต่อบ้านเมืองทุกคน ซึ่งมองว่ายิ่งดีถ้าเรามีผู้ที่มากด้วยบารมี มีความเป็นผู้ใหญ่ และเป็นที่เคารพของคนทั่วไป
    นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา หวังว่าคณะกรรมการชุดนี้จะไม่ใช่กันชนให้รัฐบาล และไม่อยากให้มองว่าคณะกรรมการนี้เป็นของฝ่ายใด?ฝ่าย?หนึ่งหรือของรั?ฐบาล เพราะคำสั่งแต่งตั้งก็ออกโดยประธานรัฐสภา จึงไม่อยากให้มีการล้ม อยากให้เป็นพื้นที่กลางที่ทุกคนพูดคุยกันได้แบบยิ้มๆ แต่ถ้ามันจะล่มก็ให้มันล่มไป เพราะว่าได้ลองแล้ว ดีกว่ายังไม่ได้ลองอะไรเลย
"แรมโบ้"อบรม"จตุพร"
    ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเชิญ พล.อ.สุรยุทธ์ แม้จะเชิญในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี แต่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ที่ไม่อยากให้นายชวนแก้ปัญหาได้สำเร็จ อาจพยายามชี้ว่าไม่ควรนำประธานองคมนตรีมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง
     “คณะกรรมการชุดใดก็ตาม ที่จะเสนอตัวแก้ปัญหา ต้องมองความสำคัญของปัญหาให้ออก ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายไม่ลาออก ปัญหาจะถูกนั่งทับไว้ ยากที่ใครจะเข้ามาแก้ไข” นายอนุสรณ์กล่าว  
    นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk เตือนนายกฯ เตรียมใจไว้คดีอาศัยบ้านพักของหลวง ศาลตัดสิน 2 ธ.ค.ว่า หากศาลมีคำตัดสินใดออกมา นายกฯ ก็พร้อมที่จะรับฟังคำตัดสิน และขอให้นายจตุพรรอฟังคำตัดสินก่อนที่จะออกมาพูดอะไรในตอนนี้
    เขาบอกว่า เรื่องของบ้านพักนายกฯ ได้ชี้แจงไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าได้ทำงานรับใช้ชาติมาตลอดชีวิต เป็นนายกรัฐมนตรี และก็มีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมของการรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ กมธ.การทหาร สภาฯ ได้เชิญตัวแทนจากกองทัพมาชี้แจง ซึ่งตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการพักอาศัยในบ้านพักทหารปี 2548 ระบุว่า ผู้ที่จะอยู่ในบ้านพักได้จะต้องเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพบกและประเทศชาติจนเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งนายกฯ อยู่ในบ้านพักตามระเบียบข้อนี้ แต่ทุกอย่างจะต้องรอฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก่อน
    "อยากให้คุณจตุพรหยุดวิจารณ์และนั่งเทียน นั่งเดาในเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิด เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมคุยกับเพื่อนๆ หลายคนที่ใกล้ชิดคุณจตุพร ว่าคุณจตุพรวิเคราะห์หรือคาดเดาผิดพลาดเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอยากเตือนว่า การวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์ อันอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือสร้างความขัดแย้งมากขึ้นในบ้านเมือง คุณจตุพรควรหยุดได้แล้ว ควรมีสติและใช้สมองคิดให้ถ่องแท้ว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด เพราะสิ่งที่คาดเดา ถ้าพูดไปแล้วไม่เป็นจริงตามที่พูด ในตรงข้ามกลับเกิดกระแสความขัดแย้งรุนแรงวุ่นวายในบ้านเมือง จนเกิดความไม่สงบขึ้นมาอีก คุณจตุพรจะรับผิดชอบในคำพูดไหม นี้คือสิ่งที่ผมเป็นห่วง พึงต้องเตือนให้ระมัดระวังในคำพูดตนเองให้มาก หยุดใช้วาทกรรมที่จะสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองเสียทีเถอะ" นายสุภรณ์กล่าว
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกัน ซึ่งในทางการข่าวขณะนี้ยังไม่มีอะไร ส่วนจะต้องป้องกันสถานที่สำคัญอย่างเช่นทำเนียบรัฐบาล ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต้องดูแล
    สำหรับความคืบหน้าในการพูดคุยเจรจาคณะกรรมการสมานฉันท์นั้น เห็นว่าเป็นเรื่องของอดีตนายกฯ และประธานสภาฯ  ส่วนผลจะออกมาในทางที่ดีหรือไม่ ก็แล้วแต่การพูดคุย
    เมื่อถามถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรี ว่าถอดใจหรือไม่ หลังกล่าวเป็นนัยบนเวทีเปิดหลักสูตร วปอ.63 เมื่อวานนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนจะไปรู้ได้อย่างไร ให้ไปถามนายกฯ เพราะคุยกับนายกฯ แค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่เคยคุยเรื่องกำลังใจอะไร
    พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการชุมนุมว่าได้สั่งให้ทุกฝ่ายดูแลความสงบเรียบร้อย และให้ทุกคนทำตามกฎหมาย เพราะอย่างไรประเทศชาติต้องสงบ ไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อประชาชน และไม่ว่าจะมีการชุมนุมหรือความเห็นต่างอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้สงบเรียบร้อย
    ส่วนการที่มีประชาชนออกมาปกป้องเทิดทูนสถาบันนั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้ให้นโยบายเรื่องนี้ไปแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนที่จะแสดงออก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยให้การสนับสนุน และหวังว่าทุกคนจะปกป้องเทิดทูนสถาบันให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนไทย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"