หากเป็นไปตามกำหนดการเดิมกุมภาพันธ์ 2562 มีการเลือกตั้ง นับถอยหลังก็เหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือน และเป็นธรรมดาที่ยิ่งใกล้ถึงเวลาจะยิ่งเห็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา จากบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ที่เร่งคิดเตรียมนโยบายเด็ดๆ โดนๆ หวังเปลี่ยนเป็นคะแนนจากผู้มีสิทธิ์ออกเสียง
พร้อมกับกระแสข่าวย้ายขั้ว เปลี่ยนค่ายที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ นาทีนี้หนีไม่พ้นข่าวจากบางขั้วการเมือง แม้ถูกจัดเป็นพรรคหน้าใหม่ แต่ด้วยทุนเพียบ สายสัมพันธ์แนวร่วมพร้อม เงื่อนไขพิเศษเปิดทางให้ แถมยังมีอำนาจหนุนนำ ทำให้กลายเป็นพรรคที่น่าจับตามอง พูดถึงเรื่องทุนมีการระบุตัวเลขโดยคนการเมืองด้วยกันว่านับหมื่นล้าน เรื่องการบริหารจัดการทั้งในพรรคนอกพรรคจึงไม่ใช่ปัญหา
สายสัมพันธ์แนวร่วมที่เข้าไปผูกสร้างกับทั้งคนแวดวงการเมือง ดังจะเห็นได้จากกระแสข่าวที่ออกมาเรื่อยๆ มีการติดต่อทาบทามบิ๊กเนมทางการเมืองจากค่ายนั้นค่ายนี้ ทั้งสำเร็จและเปิดตัวไปแล้ว หรือ ใกล้สำเร็จรอจังหวะเปิดตัว ไม่เพียงกลยุทธ์ที่อาศัยคนการเมืองต่อสายคนการเมืองด้วยกันเท่านั้น ผู้มีอำนาจบางคนยังโดดมาร่วมเล่นเองเสียด้วย ถึงขนาดมีการสนทนาผ่านไลน์และช่องทางติดต่อสื่อสารยอดฮิต สอบถามเร่งเร้าความคืบหน้าเป็นระยะๆ เลยทีเดียว
เมื่อต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยจึงมีการเสนอให้ด้วยเงื่อนไขที่ยากจะปฏิเสธ ทั้งแบบวิน-วินกันทั้งสองฝ่าย หรือขอแกมบังคับ อย่างคดีที่ไม่ร้ายแรงก็การันตีจะให้ไปอยู่ในโซนปลอดภัย หรือเรื่องธุรกิจในพื้นที่ หากสามารถนำกฎหมายมาใช้เป็นเงื่อนไขได้ ก็พร้อมขู่จะใช้พลังอำนาจที่มีเข้าไปจัดการให้ผลการเจรจาออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ไม่เท่านั้นยังมีการการันตีว่าบ้านหลังใหม่เต็มไปด้วยความหรูหรา ไม่ขัดสน แถมยังสะดวกปลอดภัย
อำนาจไม่เพียงทำให้ผู้ได้เปรียบสามารถควบคุมกลไก ชนิดแทบกดปุ่มสั่งการได้ทุกเรื่อง แต่ยังรวมไปถึงการขอความร่วมมือ ร้องขอ แม้กระทั่งบังคับให้ต้องเป็นไปตามต้องการ 1-2-3-4 ข่าวที่รั่วออกมาก่อนหน้านี้ เช่นการขอให้ทุนขนาดใหญ่บางแห่งไม่ไปสนับสนุนบางพรรค นี่ก็ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง เป็นอีกยุทธวิธีหนึ่งที่มีการร่ำลือกันไปทั่ว ยังไม่นับรวมประเด็นธุรกรรมการเงินที่คนการเมืองหลายคนหวั่นเกรงกัน เพราะเป็นอีกมาตรการที่หากสบช่องทาง เข้าเงื่อนไขเมื่อใด เป็นต้องถูกนำออกมาใช้แน่นอน
ในส่วนของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคที่มีเสียงผู้แทนอันดับหนึ่งและสองในการเลือกตั้งเที่ยวล่าสุด ดูจะกลายเป็นสองพรรคใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ เจอกระแสรุมเร้าทั้งทางการเมือง เงื่อนไขพิเศษ ถูกบีบเสียจนอยู่ในภาวะสั่นคลอนไม่น้อย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่แม้นาทีนี้แกนนำหลายคน อดีต ส.ส.จำนวนไม่น้อยจะยังยืนยัน ไม่มีใครทิ้งพรรค ออกไปก็สอบตก โดยหวังแต้มต่อทางการเมือง มั่นใจกระแสพื้นที่ กระแสชาวบ้านทางเหนือ อีสานยังเหนียวแน่น เป็นฐานเสียงชั้นดีไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ด้วยปัจจัยเงื่อนไขการเมืองที่เปลี่ยนไป กฎกติกาถูกออกแบบมาให้เป็นผู้ชนะได้ยากขึ้น กระแสกดดันจากภายนอกที่นับวันจะรุมเร้าเข้ามาหนักขึ้น ผ่านการทำงานทั้งทางเปิด ทางปิด และยังมีไพ่เด็ด ที่ยังไม่แบไต๋ออกมาขู่นักการเมือง ทั้งผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ให้สลัดทิ้งพรรคที่มีภาพลักษณ์ความขัดแย้ง การบริหารงานไม่โปร่งใส ในวันนี้เพื่อไทยพื้นที่ภาคเหนือ อีสานที่ถูกจัดเป็นโซนแดงเข้ม ยังยากที่จะใครจะเจาะเข้าไป แต่ในโซนภาคกลาง เหนือ อีสานบางแห่งที่ตัว ส.ส.เข้มแข็ง ก็ไม่มีอะไรการันตีเช่นกันว่าจะยังภักดีต่อพรรคไปจนถึงวันเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดีหนึ่งในประเด็นที่น่าจับตา หนีไม่พ้นท่าที ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ รอบล่าสุด แม้จะไม่พูดชัด แต่การที่ ลูกโอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ออกมาโพสต์อินสตาแกรมภาพพ่อแม้ว อาปู-ยิ่งลักษณ์กับถ้วยกาแฟ แล้วเปรียบเปรยโยงใยไปถึงการเมืองว่าด้วยเรื่องดูด สะท้อนให้เห็นภาวะเพื่อไทย อยู่ในข่ายถูกต้อนออกเช่นกัน ยิ่ง หญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคออกมาเปรยถึงกระแสดูด ยอมรับกลายๆ สมาชิกบางคนถูกทาบทามให้ไปร่วมงานพรรคอื่นแต่ไม่มีใครไป สะท้อนอาการหวั่นไหวลึกๆ ต่อกระบวนการที่ถาโถมเข้ามา
จนถึงขณะนี้ การที่นายใหญ่-ทักษิณยังไม่ยอมส่งสัญญาณใดๆ ที่ชัดเจน ให้สมาชิกในพรรคได้รู้ว่าการเลือกตั้งรอบหน้าจะใช้โหมดไหน สู้แบบใด ใครถือธงนำพรรคกันแน่ อาจกลายเป็นสาเหตุให้สมาชิกบางส่วนมองว่าพรรคยังอยู่ในภาวะคลุมเครือ จึงคิดย้ายรังไปยังทางเลือกใหม่ ที่ชัดเจนแล้วทั้งแนวทาง คนนำ และกระสุนดินดำก็เป็นได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |