"ตำรวจ” เตรียมกำลังรับมือม็อบจัดบิ๊กเซอร์ไพรส์ ขออย่าฝ่าฝืน กม. แย้มดำเนินคดีชุมนุมแล้วกว่า 140 คดีทั่วประเทศ "ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ" พบ พงส.รับแจ้งข้อหาผิด ม.116 ยุยงปลุกปั่น โวยโดนกลั่นแกล้ง "มายด์" ปฏิเสธข้อหาบุกไปหน้าสถานทูตเยอรมนี "คณะราษฎร" นัดชุมนุมใหญ่ 8 พ.ย. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนยื่น 3 ข้อเรียกร้องต่อสถาบันฯ "เพนกวิน" ออกจาก รพ.ประกาศร่วมบู๊
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภาพรวมการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันที่มีการรวมตัวชุมนุมของกลุ่มต่างๆ มีการกระทำความผิดหลายบริบท ภาพรวมทั่วประเทศ 26 จังหวัด ดำเนินคดีไปแล้วกว่า 140 คดี จึงอยากฝากถึงการชุมนุม ต้องยึดถือตามตัวบทกฎหมายเป็นหลัก โดยเฉพาะการแจ้งเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ เป็นการแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ แล้วจัดกำลังไปอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจรและรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งแจ้งและไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ
"แม้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่แล้วก็ยังมีการฝ่าฝืนกฎหมายหลายๆส่วน สุดท้ายพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จะมีหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ให้ชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ โดยเฉพาะเรื่องการใช้อำนาจจับกุมกับปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมว่า ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งในการชี้แจงคงเป็นหน้าที่ของส่วนที่เกี่ยวข้องหรือฝ่ายกฎหมาย เป็นการชี้แจงตามปกติ ส่วนประเด็นอื่นหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้กังวลอะไร ยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักกฎหมาย
ส่วน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) แถลงว่า ในส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับความมั่นคงและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งหมด 85 ราย ผู้ต้องหา 79 คน ข้อหาที่สำคัญคือมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 68 ราย ความผิดประทุษร้ายตามมาตรา 110 จำนวน 3 ราย ความผิด 116 จำนวน 13 ราย และความผิดโทษเปรียบเทียบปรับอีก 2 ราย
ถามถึงกรณีกลุ่มราษฎรออกแถลงการณ์ที่สนามหลวง ยืนยันจะชุมนุมอย่างต่อเนื่อง รอง ผบช.น.กล่าวว่า ทาง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ได้ประชุมหารือเตรียมกำลังรองรับสถานการณ์ให้มีความพร้อมอยู่ตลอด
ที่ สน.พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียกตามความผิดมาตรา 116 ภายหลังจากนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ (อดีตพระพุทธะอิสระ) มอบอำนาจให้นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ เป็นผู้กล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิของกลุ่มเยาวชนที่ผ่านมา
นายปิยบุตรกล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงดำเนินคดีพวกตนตามความผิดมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น เพราะที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยแสดงออกความเห็นใดๆ ที่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดดังกล่าว จึงสงสัยว่านายสุวิทย์นำข้อความใดมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เพราะขณะนี้มีการใช้มาตรา 116 มาเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
จากนั้น นายธนาธรและคณะเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ซึ่งมี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ ผกก.สน.พญาไท มาร่วมสอบสวนด้วย
ภายหลังการเข้าพบพนักงานสอบสวน นายปิยบุตรกล่าวว่า สาเหตุที่ตนเองถูกดำเนินคดีเนื่องจากนายสุวิทย์อ้างถึงการกระทำหลายอย่างที่มองว่าเข้าข่าย ม.116 ตั้งแต่บทความเก่า หนังสือและการบรรยายในห้องเรียน สมัยที่ตนเองยังเป็นอาจารย์ใน ม.ธรรมศาสตร์ และการไลฟ์เฟซบุ๊กว่าด้วยเรื่องการนำข้อเรียกร้อง 3 ข้อของผู้ชุมนุมมาพูดคุยในคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ส่วนของนายธนาธรและ น.ส.พรรณิการ์ ก็อ้างอิงถึงการบรรยายเรื่องงบประมาณของพระมหากษัตริย์มาใช้ในการดำเนินคดี
"ผมมองว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นเรื่องเก่านานกว่า 10 ปี แต่ถูกนำมาโยงเข้ากับเหตุการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นการอภิปรายด้วยความปรารถนาดี เพื่อหาทางออก แต่กลับถูกมองว่าเป็นความผิดในสายของนายสุวิทย์ทั้งหมด และยังไม่เป็นคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย เพราะต้องนำเรื่องนี้ไปต่อสู้ในชั้นศาล" นายปิยบุตรกล่าว
ม็อบนัดชุมนุมใหญ่8พ.ย.
ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นายปิยบุตรยังคงแผ่นเสียงตกร่อง ท่องแต่คำว่าถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ จนประชาชนเขารู้ทันกันทั้งประเทศแล้ว ฉะนั้นขอให้เลิกตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เพื่อเรียกคะแนนสงสารเสียที โดยขอให้นายปิยบุตรมีความกล้าหาญ แอ่นอกรับความผิด โดยขอให้ไปเปิดดูกฎหมายมาตรา 116 ดูก็จะรู้อยู่แก่ใจ เพียงแต่จะสำนึกหรือไม่ หรือว่าจะตะแบงไปเรื่อยๆ
ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำกลุ่มมหานครประชาธิปไตย พร้อมนายศุภณัฐ บุญสด ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าพบ พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.อคฝ. และ รรท.ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ ตามหมายเรียกกรณีการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหา “ร่วมกันกระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนโดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมืองฯ” ตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยมี ผบช.น.ร่วมสอบปากคำ
น.ส.ภัสราวลีกล่าวหลังพบพนักงานสอบสวนว่า ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา พิมพ์ลายนิ้วมือและให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ในการประกันตัว โดยตนจะขอให้การเป็นหนังสืออีกครั้ง ยืนยันว่าพร้อมที่จะเดินทางต่อไปอย่างรอบคอบให้ได้มากที่สุด
วันเดียวกัน เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration โพสต์ข้อความเรื่อง เราจะชนะได้รึเปล่า? เราจะเดินไปสู่จุดไหน เราจะทำให้จบในรุ่นเราได้จริงหรือไม่ เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า 8 พฤศจิกายนนี้! เวลา 16.00 น. ออกมาร่วมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนเตรียมเดินขบวน เขียนจดหมายของทุกคน เพื่อเตรียมยื่นถึงกษัตริย์ของเรา ขอทุกคนจงออกมาร่วมกันยืนยันว่าประเทศนี้ดีกว่านี้ได้ ร่วมกันยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง 1.ประยุทธ์และองคาพยพต้องออกไป! เนื่องจากมีที่มาอย่างไม่ถูกต้อง และเพื่อเปิดทางให้ประเทศไทยกลับไปสู่ครรลองของระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จากประชาชน เพื่อนำพากติกาที่เป็นธรรม และไม่บิดเบี้ยว เป็นกติกาที่เขียนเพื่อประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ใช่เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่มีความหมายว่าทำให้ดีขึ้น และให้กลับมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ในประเทศไทยได้อย่างสง่างาม นี่ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือหนทางเดียวที่จะนำพาประเทศหลุดพ้นวิกฤตินี้ได้
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งระบุว่า ขณะนี้ได้ออกจากการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 9 แล้ว โดยทางคณะแพทย์ได้ให้ความเห็นให้ผมพักฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่อีกระยะหนึ่ง ถึงแม้แรงกายผมจะยังไม่พร้อมในวันนี้ แต่แรงใจผมยังคงเต็มเปี่ยม ผมรอคอยที่จะได้ออกมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องทุกท่านมานานกว่าครึ่งเดือน และเมื่อร่างกายผมคืนกำลังวังชาอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าที่แรกที่ผมจะออกไปคือที่ชุมนุมขับไล่เผด็จการศักดินา
อย่างไรก็ตาม นายณวิบูล ชมภู่ อดีตประธานร่วมภาคีนักศึกษาศาลายา และนายกวินทร์ วิชาดี พิชญภิรมย์ อดีตรักษาการโฆษกภาคีนักศึกษาศาลายา เผยแพร่จดหมายประกาศยุติบทบาทในฐานะสมาชิกภาคีนักศึกษาศาลายา
นายณวิบูลกล่าวถึงสาเหตุการยุติบทบาทในฐานะสมาชิกภาคีนักศึกษาศาลายาว่า ตนมีอีกโปรเจ็กต์ที่อยากจะทำ ยังไม่ขอบอกรายละเอียด ซึ่งถ้าเคลื่อนไหวในนามองค์กรจะมีผลกระทบ จุดยืนของคนในองค์กรกับตนมีบางอย่างต่างกัน จึงตัดสินใจลาออกเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย แต่ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อในนามส่วนตัว
ที่ สน.ลาดพร้าว นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ความผิดตามมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีจงใจเจตนาให้ขบวนเสด็จฯ ผ่านผู้ชุมนุม เพื่อนำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ที่อ้างว่ากระทบต่อขบวนเสด็จฯ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |