ภาพนี้คือสถานภาพของคะแนน Electoral College ของโดนัลด์ ทรัมป์ กับโจ ไบเดน ตอนเที่ยงเมื่อวาน

                เป็นที่เข้าใจว่าไบเดนพลิกเกมนำทรัมป์ในช่วงโค้งสุดท้าย

                ทำท่าจะโค่นทรัมป์ได้สำเร็จ

                รออีก 6 คะแนนจากรัฐเนวาดาที่นับคะแนนไปแล้ว (ณ เที่ยงวันเมื่อวาน) 75%

                และทิ้งห่างกันเพียง 8,000 กว่าคะแนน

                อีกทั้ง 25% ที่เหลือนั้นน่าจะโอนเอียงไปทางด้านไบเดน เพราะส่วนใหญ่มาทางไปรษณีย์ ซึ่งประมาณ 2 ใน 3 จะเป็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อยู่ฝั่งเดโมแครต

                ไบเดนวิ่งเข้าเส้นตรงช่วงสุดท้ายแซงหน้าทรัมป์ เพราะสามารถยึดเอารัฐวิสคอนซินและมิชิแกนกลับมาจากทรัมป์ที่ชนะ 2 รัฐสีฟ้านี้จาก ฮิลลารี คลินตัน ได้

                2 รัฐนี้เดิมเป็นส่วนหนึ่งของ Blue Wall หรือ “กำแพงสีน้ำเงิน” หรือของพรรคเดโมแครตเดิม

                แต่เมื่อ 4 ปีก่อน ทรัมป์ทะลุทะลวงไปยึดเอา 2 รัฐนี้ได้จากฮิลลารี คลินตัน

                คราวนี้ไบเดนสามารถยึดคืนมาได้

                แถมยังเอาชนะทรัมป์ในรัฐแอริโซนาที่เดิมเป็นของพรรครีพับลิกันมาตลอด

                รัฐนี้เคยมี ยอห์น แมคเคน เป็นสมาชิกวุฒิสภามายาวนาน เป็นผู้อาวุโสของพรรครีพับลิกัน แต่ทรัมป์สร้างศัตรูด้วยการพูดจาเหยียดหยามดูถูกแมคเคนจนทำให้คนของรัฐนี้เห็นทรัมป์เป็นคนที่ไว้วางใจไม่ได้

                พอได้จังหวะ ไบเดนก็สามารถล้วงเอาเสียงสนับสนุนมาเป็นของตน

                นี่คือการแย่งชิงฐานเสียงที่พลิกสถานการณ์มาให้ไบเดนได้เปรียบทรัมป์ในช่วงโค้งสุดท้าย

                ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นทรัมป์นำชัยในรัฐสมรภูมิสำคัญ เช่น ฟลอริดา, เท็กซัส และโอไฮโอจนทำให้วิ่งนำไปอย่างร้อนแรง

                ถึงขนาดทรัมป์ออกมา “ประกาศชัยชนะ” ล่วงหน้าก่อนที่จะเห็นคะแนนจากรัฐอื่นๆ ที่ถูกไบเดนแซงหน้าไปอย่างฉิวเฉียด

                ทำให้ทรัมป์โวยวายผ่านทวิตเตอร์ว่าเขาถูกโกง

                พลันที่คะแนนของไบเดนนำไปในรัฐมิชิแกนและวิสคอนซิน ทรัมป์เขียนข้อความในทวิตเตอร์ว่า เขานำทิ้งห่างไบเดนในหลายๆ รัฐที่มีคนของเดโมแครตบริหารอยู่

                “แต่อยู่ดีๆ คะแนนของผมก็หล่นหายไป เพราะมีกลุ่มคะแนนที่ถูกโยนเข้ามาอย่างน่าประหลาด เสียงของผมก็หายไปอย่างมหัศจรรย์”

                ทรัมป์ประกาศจะต้องฟ้องศาล ขอให้ระงับการนำคะแนน โดยอ้างว่ามี “บัตรไพ่ไฟ” หรือ “บัตรผี” ของฝั่งเดโมแครตมาทำให้ไบเดนนำเขาไป

                ไบเดนออกมาประกาศว่าจะต้องนับทุกคะแนนให้หมดจึงจะรู้ว่าใครเป็นผู้ชนะ

                “ผมเชื่อว่าเมื่อนับคะแนนครบถ้วนแล้ว ผมจะได้ไม่น้อยกว่า 270 เสียง ที่จะทำให้ผมเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดี” ไบเดนประกาศ

                อีก 2 รัฐที่จะเป็นตัวตัดสินว่าใครแพ้หรือชนะ (หากยังรอให้นับคะแนนจบที่เนวาดา) ก็คือจอร์เจียและเพนซิลวาเนีย

                2 รัฐนี้นับไปแล้ว 98% และ 89% ตามลำดับ

                แม้ทรัมป์จะนำอยู่ใน 2 รัฐนี้ แต่คะแนนที่เหลือนั้นมาจากบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์เป็นส่วนใหญ่

                และหากเป็นไปตามการประเมินของผู้รู้ คะแนนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ที่เหลือจะไปทางไบเดน

                นั่นแปลว่าไบเดนจะสามารถเก็บคะแนนเพิ่มได้อีก

                ยิ่งทำให้ทรัมป์ต้องทำทุกอย่างเพื่อระงับการนับคะแนนต่อ และอ้างว่ามี “คะแนนผี” เพื่อให้ศาลสูงตัดสินเป็นโมฆะหรือนับใหม่

                สิ่งที่จะตามมาคือ ความโกลาหลทั้งในกระบวนการฟ้องร้องถึงศาลสูง

                และการเผชิญหน้าของผู้สนับสนุนหัวรุนแรงของทั้งฝ่ายที่กล่าวหาซึ่งกันและกัน

                สาวกของทรัมป์ชี้นิ้วไปที่เดโมแครตว่าโกงเลือกตั้ง

                คนเชียร์ไบเดนบอกว่าทรัมป์ “ขี้แพ้ชวนตี”

                โอกาสที่จะเกิดความรุนแรงและปะทะกันในหลายๆ รัฐที่มีข้อพิพาทเรื่องนับคะแนนจึงมีสูงมาก

                อเมริกามาถึงการแตกแยกกันอย่างรุนแรงในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนได้อย่างไร

                นี่คือคำถามใหญ่ที่สุดของอเมริกันชน ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรก็ตาม.