'บิ๊กตู่' เปิดหลักสูตร วปอ.รุ่น 63 ชี้ทุกคนต้องมีเป้าหมายเดียวกันคือทำเพื่อคนอื่น ส่วนทัศนคติต่างกันได้


เพิ่มเพื่อน    

5 พ.ย.63 - ที่หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 63 โดยมีผู้เข้ารับการศึกษา จำนวน 285 คน ประกอบด้วยข้าราชการทหาร 94 นาย ข้าราชการตำรวจ 9 นาย ข้าราชการพลเรือน 77 คน พนักงานรัฐวิสาหกิจและองค์กรอิสระ 15 คน ภาคเอกชน 15 คน นักธุรกิจและบุคคลทั่วไป 68 คน นักศึกษาจากมิตรประเทศ 7 นาย จาก 7 ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐเกาหลี สหพันธรัฐมาเลเซีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคปฐมนิเทศ และภาคการศึกษาหลัก

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า นักศึกษา​หลักสูตร​การป้องกันราชอาณาจักรต้องเข้าใจสถานการณ์​โลก และสร้างความสมดุล​ระหว่างประเทศ​มหาอำนาจทุกฝ่าย เพื่อให้สามารถ​พัฒนาประเทศ​ได้อย่างมั่นคง​ มั่งคัง และ​ยั่งยืน ทัศนคติของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรไม่สามารถบังคับได้ แต่ทุกคนต้องมีเป้าหมายเดียวกันว่าจะทำอะไรเพื่อคนอื่นได้ยังไง ค่อยๆคิด ค่อยๆ ทำ และค่อยๆ แก้ไขกันไป

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวย้ำว่าการพัฒนา​ประเทศ​จำเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์​ของโลก เพราะทุกวันนี้ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องพันธะสัญญา เส้นทาง และข้อเจรจาต่างๆล้วนเป็นเรื่องที่จะต้องคำนึงถึง เพื่อประโยชน์​ในการพัฒนาประเทศ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ​ และความมั่นคง​ ที่สำคัญต้องสร้างความสมดุล กับประเทศมหาอำนาจทุกฝ่าย และต้องระมัดระวัง​เรื่องการตัดสินใจ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อ เสถียรภาพ​ของประเทศไทย หรือ ของอาเซียน​ ขณะนี้โลกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น การค้าการลงทุนต่างๆ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญ คือการปรับปรุงและพัฒนารูปแบบเศรษฐกิจของประเทศ​ไทยให้เป็นไปตามตลาดต่างๆ โดยเราต้องยึดมั่นในการเป็นแกนกลางของอาเซียน และเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านไปสู่การพัฒนา

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี แนะนำให้นักศึกษานำความรู้ ความสามารถและประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน พร้อมย้ำให้ทุกคนตระหนักและทบทวนทำความเข้าใจบริบทโลกในปัจจุบันให้ลึกซึ้ง ทั้งความเจริญทางเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดกระแสโลกาภิวัตน์ การเคลื่อนย้ายคนและทุนอย่างเสรี ข่าวสารและเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชน การแข่งขันทางเศรษฐกิจนำมาซึ่งศูนย์รวมอำนาจทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค ส่งผลให้มีการแย่งชิงทรัพยากรและแรงงานที่อาจเป็นชนวนความขัดแย้งได้ รวมไปถึงภาวะโลกร้อนและภูมิอากาศที่ผันผวนทำให้เกิดภัยพิบัติที่มีความรุนแรงมาก และปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคม การละเมิดสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับ Digital Disruption ก่อให้เกิด Fake news การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคต และโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่ระบาดในมนุษย์ได้แก่ covid-19 เป็นต้น

เป็นความท้าทายที่อาจก่อให้เกิดปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่คือ ความมั่นคงแบบองค์รวม ซึ่งมีความซับซ้อนเชื่อมโยงมิติความมั่นคงกับเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมจนเป็นเนื้อเดียวกัน จึงขอให้นักศึกษา ใช้เวทีนี้ช่วยกันคิดหาแนวทางป้องกันและแก้ไข เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศด้วยแผนการปฏิบัติที่สามารถปฏิบัติได้จริง โดยยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง รวมทั้งขอให้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ประยุกต์ ในการทำงานและการดำรงชีวิตให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละบุคคล

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงหลักคิดในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนปฏิรูปประเทศ เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางในการขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ประเทศไทย ให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนา ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยประเทศไทยจะยังคงยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และพันธกรณีและกติกาของสังคมโลก สร้างความสมดุลระหว่างความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการบูรณาการพลังทางสังคมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ประชาสังคม ภาคเอกชน ภาคการเมือง ภาควิชาการสื่อสารมวลชนภายใต้แนวทาง รวมไทยสร้างชาติ

ทั้งนี้ภายหลังเสร็จ​สิ้นพิธีเปิดหลักสูตร​ พล.อ.ประยุทธ์​ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ เพียงแต่โบกมือพร้อมยิ้มทักทายสื่อมวลชน ก่อนเดินทางกลับทันที


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"