โควิด19หนุนTUโกยยอดขาย34,784 ล้านบาท


เพิ่มเพื่อน    

 

5 พ.ย. 2563 นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของบริษัทยังคงดีต่อเนื่อง  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เกิดเทรนด์การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น และทำอาหารทานที่บ้าน  มีการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และอาหารที่เก็บได้ยาวนาน รวมไปถึงอาหารสัตว์เลี้ยง เนื่องจากผู้คนทั่วโลกใช้เวลาอยู่กับบ้านและครอบครัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังหันมาสนใจสัตว์เลี้ยงในบ้าน เช่น สุนัขและแมว

สำหรับยอดขายประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2563 อยู่ที่ 34,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยกำไรสุทธิพุ่งสูงทะลุระดับ 2 พันล้านอยู่ที่ 2,056 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 49.7%  โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นนี้แบ่งเป็น ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปบรรจุกระป๋องมียอดขาย 16,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.4%  ธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องมียอดขายเพิ่มขึ้น 4.7% อยู่ที่ 13,370 ล้านบาท และธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 5,155 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลประกอบการของไทยยูเนี่ยนในไตรมาสที่ผ่านมาเป็นผลจากกลยุทธ์ทางธุรกิจในการพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน ขณะเดียวกันในช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนทั้งในธุรกิจหลักและธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรสูง อาทิ ธุรกิจส่วนประกอบอาหาร  และเทคโนโลยีนวัตกรรมอาหาร  

ขณะเดียวกันยังลงทุนในนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในไตรมาสที่ 3 ของปี ได้จับมือกับฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ 4 บริษัท โดย 3 บริษัทนั้นมาจากโครงการ สเปซ-เอฟ ที่ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมก่อตั้งขึ้นในปี 2562   โดยบริษัทสตาร์ทอัพที่ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมลงทุนได้แก่ มันนา ฟู้ดส์ ที่พัฒนาโปรตีนทางเลือก  ส่วน อัลเคมี ฟู้ดเทค นั้นมุ่งเน้นในด้านอาหารสำหรับผู้ป่วย และไฮโดรนีโอ เป็นบริษัทที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ  ส่วนบริษัท วิสไวร์ส นิวโปรตีน เป็นผู้นำในการลงทุนในโปรตีนทางเลือก  

นายธีรพงศ์ กล่าวอีกว่า แม้ตลาดโปรตีนทางเลือกในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่สำหรับตลาดสินค้าประเภทดังกล่าวในระดับโลกนั้นถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่สูงทีเดียว โดยปัจจุบันตลาดโปรตีนทางเลือกของโลกนั้นมีขนาดถึง 12,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังมีแนวโน้มว่าจะเติบโตในช่วงระหว่าง ปี 2562-2568 ถึง 6.8% เฉลี่ยต่อ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"