ม็อบ “ดาวกระจาย” ของผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎรยังคงสร้างความปั่นป่วนให้กับรัฐบาลต่อเนื่อง ใช้ช่องทางโซเชียลนัดหมายมวลชนปิดเส้นทางการจราจรจุดสำคัญทั่วกรุงเทพฯ จนเป็นอัมพาตมานานเกือบเดือน ยังคงเรียกร้องไม่ลดเพดาน 3 ข้อ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ต้องลาออก มีรัฐธรรมนูญใหม่ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จนกลายเป็นคดีความตามมามากมาย ตั้งแต่มีการชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับแกนนำและผู้ชุมนุมแล้วมากกว่า 80 คดี
ม็อบปรับหมากไปเรื่อยตามสถานการณ์ ยังมองไม่เห็นว่าม็อบจะยุติเมื่อไหร่ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศยังถูกสับเปลี่ยนเข้ามาดูแลรักษาความสงบตามสถานที่สำคัญ และเตรียมแผนเผชิญเหตุปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ถึงแม้การข่าวความมั่นคงของรัฐสถานการณ์ความรุนแรงจะไม่ถึงขั้นนั้น แต่ความพร้อมต้องมี 24 ชั่วโมง
“องค์กรตำรวจ” ที่เป็นด่านหน้าในการดูแลรักษาความสงบและบังคับใช้กฎหมาย จึงถูกมองอยู่ฝั่งตรงข้ามม็อบนับตั้งแต่ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์เข้ามารับตำแหน่ง “พิทักษ์ 1” เสมือนเป็น “กระโถนท้องพระโรง” นายกฯ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบหมายให้เป็นหัวหน้ากองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) เข้าสลายการชุมนุมของนักศึกษาที่แยกปทุมวัน ถูกสังคมโจมตีอย่างหนักเป็นขี้ข้ารับใช้เผด็จการ “ผบ.ปั๊ด” ออกมาสื่อสารถึงสังคม ตำรวจไม่ได้เป็นขี้ข้าเผด็จการ แต่เป็น “ขี้ข้ากฎหมาย” ทำตามกฎกติกาบ้านเมือง และยิ่งแกนนำที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำจะประกาศยกระดับการชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นทั้งองคาพยพ
ศึกนอก “กรมปทุมวัน” ก็วุ่นพอแล้ว การขับเคลื่อนองค์กรก็ต้องดำเนินการควบคู่กันไป “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีบันทึกข้อความเลขที่ 0009.231/ว44 ลงวันที่ 2 พ.ย. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ใจความว่า ด้วยขณะนี้อยู่ในห้วงระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ สว.ถึง รอง ผบก. วาระประจำปี 2563 ซึ่งจะต้องดำเนินการตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 7/2560 ลงวันที่ 20 ก.พ.60 เรื่อง การปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ คำสั่ง ตร.ที่ 297/2562 ลงวันที่ 10 พ.ค.62 เรื่อง การมอบหมายอำนาจการสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งมอบหมายอำนาจการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ รอง ผกก. ลงมาใน บช. ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. ให้ ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่าที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 25 ก.ค.61 เรื่อง หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งราชการตำรวจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 และระเบียบกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้ทุกหน่วยดำเนินการ ดังนี้
1.การจัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ข้อ 23 (2) (7) และข้อ 24 แล้วเสนอต่อผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ในวันที่ 4 พ.ย.63 2.การจัดทำบัญชีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ให้พิจารณาดำเนินการดังนี้ 2.1 บช. และ บก.หน่วยขึ้นตรง ในสังกัด สง.ผบ.ตร. 2.1.1 ระดับ ผกก. และ รอง ผบก. ให้ดำเนินการจัดส่งบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ในวันที่ 13 พ.ย.63 2.1.2 ระดับ สว. และ รอง ผกก. ให้ดำเนินการจัดส่งบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ในวันที่ 20 พ.ย.63
2.2 บช.ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. 2.2.1 ระดับ ผกก. และ รอง ผบก. ให้ดำเนินการจัดส่งบัญชีข้อมูลเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ในวันที่ 13 พ.ย.63 2.2.2 ระดับ สว. และ รอง ผกก. ซึ่งเป็นอำนาจของ ผบช. ให้ดำเนินการจัดทำบัญชีการแต่งตั้งให้เสร็จสิ้นในวันที่ 15 พ.ย.63 แล้วส่งไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ในวันที่ 27 พ.ย.63 ตามรูปแบบผนวก ข และ ค เพื่อตรวจความซ้ำซ้อนของตัวบุคคลกับตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง และหลังจากได้รับแจ้งผลการตรวจสอบจาก ทพ.แล้ว ให้มีคำสั่งแต่งตั้งพร้อมกันทุกหน่วยในวันที่ 30 พ.ย.63 โดยให้คำสั่งแต่งตั้งมีผลใช้บังคับพร้อมกันในวันที่ 16 ธ.ค.63
3.ข้าราชการตำรวจที่อยู่ในกลุ่มอาวุโสร้อยละ 33 ให้เสนอหรือดำเนินการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นทุกราย เว้นแต่รายใดถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง หรือถูกดำเนินคดีอาญา หรือพิจารณาแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจรายดังกล่าวไม่มีความเหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นด้วยเหตุผลด้านการปฏิบัติงาน โดยให้พิจารณาเสนอ และดำเนินการปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งที่มีปริมาณ และคุณภาพงานน้อยลง พร้อมทั้งระบุเหตุผลความจำเป็นโดยละเอียดไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.)
4.ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถานีตำรวจระดับ ผกก. เมื่อดำรงตำแหน่งเดียวติดต่อกันครบ 4 ปี ให้เสนอแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งอื่นทุกราย 5.ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งในวาระประจำปี 2562 ให้ดำเนินการได้เฉพาะเท่าที่จำเป็น หากหน่วยจะเสนอแต่งตั้งให้ระบุเหตุผลความจำเป็นโดยละเอียดไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) 6.ข้าราชการตำรวจที่มีการฝ่าฝืนมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการ บกพร่องในการป้องกันและปราบปรามอบายมุข ตลอดจนความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการค้ามนุษย์ ให้พิจารณาเสนอแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปดำรงตำแหน่งอื่นนอกพื้นที่ทุกราย
7.การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งในกลุ่มงานสอบสวนที่ทำหน้าที่สอบสวนคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำหนดขึ้นตามมติ อก.ตร.เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลในการประชุมครั้งที่ 5/2563 เมื่อวันที่ 22 พ.ค.63 ให้พิจารณาข้าราชการตำรวจที่ขอรับการแต่งตั้งและมีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ การพิจารณาที่ไม่เป็นไปตามแนวทางข้างตัน ให้รายงานเหตุความจำเป็นเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาก่อนมีคำสั่งแต่งตั้งทุกราย
8.สำหรับตำแหน่งของ กก.สส.บก.น.1-9 สังกัด บช.น. และ กก.สืบสวน ภ.จว.ต่างๆ สังกัด ภ.1-9 และตำแหน่ง ผกก. (สอบสวน) สังกัดกลุ่มงานสอบสวน บก.สส.ของ บช.น. ภ.2 ภ.4 ภ.5 และ ภ.8 ที่จะต้องยุบเลิกตามมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ 6/563 เมื่อวันที่ 30 ก.ค.63 ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวไปดำรงตำแหน่งอื่นทุกราย 9.การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระหว่างส่วนราชการหรือหน่วยงาน ให้ประสานทำความตกลงกันไว้เป็นหลักฐานให้ชัดเจน โดยให้ถือปฏิบัติตามคำสั่ง ตร.ที่ 297/2562 ลงวันที่ 10 พ.ค.62 เรื่อง การมอบหมายอำนาจการสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจโดยเคร่งครัด 10.การตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของข้าราชการตำรวจที่จะแต่งตั้ง รวมถึงยศ ชื่อ ชื่อสกุล ตำแหน่ง เลขตำแหน่ง และรายละเอียดอื่นๆ ทางด้านธุรการ ให้หน่วยเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบให้ถูกต้อง และ 11.ให้ บช.ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. รวบรวมสำเนาคำสั่งแต่งตั้ง รวมทั้งสรุปจำนวนคำสั่งที่แต่งตั้งและรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งระหว่างส่วนราชการหรือหน่วยงานแล้วจัดส่งไปยัง ตร. (ผ่าน ทพ.) ในวันที่ 4 ธ.ค.63
ระฆังเหล่านักวิ่งสีกากีเริ่มแล้ว ต้องเดาใจผู้เป็นนาย นี่เป็นครั้งแรกที่ “ผบ.ปั๊ด” จะได้เลือกขุนผลด้วยตัวเองนับตั้งแต่เข้ามาบริหารองค์กร ถึงแม้ยุคอดีต ผบ.ตร.คนที่ผ่านมาจะเสียทรงไปหลายครั้งเมื่อถึงวาระการแต่งตั้งตำรวจ เมื่อถูกกลุ่มอำนาจคนของนักการเมืองเข้าแทรกแซงล้วงลูกฉีกโผ จนเป็นปัญหา “ปลาผิดน้ำ” แต่งตั้ง “ผิดฝาผิดตัว” เละเทะจนต้องบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ของกรมปทุมวัน การแต่งตั้ง “ขุนพล” คราวนี้ต้องเดาใจ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดโผโดยตรง จะเลือกใช้คนให้ตรงกับงานมากน้อยแค่ไหน เจ้าตัวเคยกล่าวไว้ “อาจไม่ได้ทุกคน แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด” จึงเป็นคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ แต่ต้องดูปัจจัยนอกรั้วปทุมวัน ทั้งตั๋วฝากหรือใบสั่ง จะจัดการบริหารอย่างไร การแต่งตั้งล็อตนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ “ผบ.ปั๊ด” ทิศทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเดินไปทิศทางใด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |