ผมนั่งเขียนคอลัมน์นี้บ่ายเมื่อวาน หลังจากคะแนนหลักๆ ของรัฐ "สมรภูมิ" เข้ามาเกือบครบถ้วน ส่วนใหญ่เกิน 50% แล้ว
มีแนวโน้มค่อนไปทางว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" จะชนะเลือกตั้งรอบสอง
กลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองอีก 4 ปี
แต่ "โจ ไบเดน" ยังไม่ได้ยอมแพ้
ตรงกันข้ามทั้งทรัมป์และไบเดนออกมาสู้กันในทวิตเตอร์
ไบเดนบอกว่า "เรากำลังอยู่บนเส้นทางชัยชนะ ผมรู้สึกดีมาก มีความมั่นใจมาก"
จากนั้นไม่กี่นาที ทรัมป์ก็ขึ้นข้อความในทวิตเตอร์ว่า "เราชนะท่วมท้น อย่าให้มีใครมาปล้นชัยชนะของเรา"
ว่าแล้วทรัมป์ก็ออกมาพบกับผู้สนับสนุน ไล่ให้ฟังว่าเขาได้คะแนนมากกว่าไบเดนในรัฐต่างๆ ที่สำคัญ เช่น
ฟลอริดา
เทกซัส
โอไฮโอ
วิสคอนซิน
จอร์เจีย
เพนซิลเวเนีย
ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการประกาศคะแนนของรัฐต่างๆ เหล่านั้นอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงการนับคะแนนของสื่อต่างๆ ที่ปรากฏบนจอ
ว่าแล้วทรัมป์ก็พยายามจะสกัดไบเดนไม่ให้สามารถแซงหน้าเขาได้ ด้วยการบอกว่าจะเรียกร้องให้ศาลสูงระงับการนับคะแนนต่อ
เพราะทรัมป์อ้างว่าคะแนนที่มาทางไปรษณีย์และนับทีหลังนั้นอาจจะเป็นคะแนนปลอมหรือมีการโกงกัน
สื่อบางแห่งเช่น ซีเอ็นเอ็น ออกมาบอกว่าทรัมป์จะประกาศชัยชนะไม่ได้ เพราะการนับคะแนนยังจะดำเนินต่อไป
ไบเดนประกาศว่าทรัมป์และตัวเขาเองไม่มีสิทธิ์ประกาศว่าใครเป็นผู้ชนะ
เพราะผู้มีสิทธิ์ประกาศอย่างนั้นคือผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้น
ปัญหาใหญ่คือ บางรัฐยังนับคะแนนไม่เสร็จเพราะมีจำนวนผู้ใช้สิทธิ์สูงเป็นประวัติการณ์
อีกทั้งยังมีบัตรเลือกตั้งที่มาทางไปรษณีย์ ซึ่งบางรัฐก็นับก่อนวันเลือกตั้ง อีกบางรัฐนับพร้อมกับบัตรที่หย่อนวันเลือกตั้งพร้อมๆ กัน
รัฐที่ยังต้องรอผลการนับคะแนน คือ
วิสคอนซิน
มิชิแกน
จอร์เจีย
เพนซิลเวเนีย
แต่ทรัมป์อ้างว่าได้รับชัยชนะไปแล้วในบางรัฐ
นั่นแปลว่าอาจจะมีเรื่องต้องฟ้องร้องกันไปถึงศาลอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์
ทั้งสองฝ่ายได้แต่งตั้งทีมคณะทนายชุดใหญ่ทีมละหลายพันคน เพื่อเตรียมทำ "สงครามกฎหมาย" เพื่อสู้กันในศาลคะแนนต่อคะแนนกันเลยทีเดียว
แต่การที่ทรัมป์สามารถรักษาคะแนนนิยมได้ในระดับนี้ต้องถือว่าน่าทึ่งไม่น้อย
เพราะโพลต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ล้วนชี้ไปในทางให้ไบเดนชนะทั้งคะแนนรวม (Popular Votes) และคะแนนของ "คณะผู้เลือกตั้ง" หรือ Electoral College ที่เป็นตัวตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะ
แต่ทรัมป์อ้างมาตลอดว่าเขานำในโพลที่ทีมงานของเขาไปสำรวจเองมาตลอด
ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย 4 ปีก่อนหรือไม่คงได้พิสูจน์กันอีกรอบหนึ่ง
เพราะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคราวที่แล้ว ทรัมป์ชนะฮิลลารี คลินตัน ท่ามกลางความประหลาดใจของผู้คนมากมาย โดยเฉพาะนักทำโพล, นักวิเคราะห์ และสื่อที่หน้าแตกเพราะทำนายทายทักให้ฮิลลารีชนะอย่างล้นหลามมาตลอด
ครั้งนี้แนวทางของการวิเคราะห์ของสื่อและสำนักโพลทั้งหลายก็ออกไปในทางให้ไบเดนชนะ
หลายสำนักบอกว่าได้ป้องกันไม่ให้ต้องหน้าแตกอีกครั้ง ด้วยการลงไปเจาะสำรวจถึงฐานเสียงของทรัมป์ ที่เชื่อกันว่าคือคนผิวขาวรายได้น้อยและไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเพื่อหาข้อมูลให้ครบถ้วน
แต่ถ้าทรัมป์สามารถชนะด้วยคะแนนเหนือไบเดนอย่างที่เห็นในรายงานข่าวเมื่อวานนี้ ก็แปลว่าฐานเสียงจริงของทรัมป์มีมากกว่าเพียงแค่คนผิวขาวรายได้น้อยและไม่มีการศึกษาระดับปริญญาเท่านั้น
แต่ยังมีคนที่ชอบทรัมป์ในแวดวงอื่นๆ อีกไม่น้อยในรัฐสมรภูมิหรือ Battleground States ที่เป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการและอาชีพต่างๆ ด้วย
แปลว่าจะต้องมีการทบทวนวิธีการวิเคราะห์คะแนนเสียงทางการเมืองของสหรัฐฯ กันใหม่หมดจริงๆ
หากเมื่อนับคะแนนหมดแล้วทรัมป์ชนะอย่างที่เห็นแนวโน้มเมื่อวานตอนบ่ายจริงๆ เราก็กำลังจะได้เห็นสหรัฐฯ แปรเปลี่ยนไปจากที่เคยรู้จักอย่างน่าทึ่งทีเดียว!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |