การได้เห็นลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีตามวัยเป็นความสุขของคนเป็นพ่อแม่ โดยเฉพาะในวัยเด็กเล็กที่กำลังมีพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็ก ชอบใช้มือหยิบจับของเล่น หยิบอาหารเข้าปาก เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริม แต่ก็ต้องเฝ้าระวังเชื้อโรคด้วยเช่นกัน เพราะมีความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกาย และอาจเป็น “โรคมือเท้าปาก” ได้ นับเป็นอีกโรคท็อปฮิตที่มักแพร่ระบาดในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ติดต่อกันผ่านการสัมผัสเชื้อไวรัสในกลุ่ม “เอนเทอโรไวรัส” (Enterovirus) ทำให้มีไข้ แผลในปาก ตุ่มพองใส มีผื่นแดงหรือตุ่มใสบริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า หรือก้น ถึงไม่เป็นโรคร้ายแรง แต่สร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่อยู่ไม่น้อย
(พญ.ชุติมา กอจรัญจิตต์ และ พญ.ศณิตา ศรุติสุต)
โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ในเครือ “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” เปิดเผยโดย “แพทย์หญิงชุติมา กอจรัญจิตต์” และ “แพทย์หญิงศณิตา ศรุติสุต” กุมารแพทย์ประจำโรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ เกี่ยวกับการสังเกตและเฝ้าระวัง “โรคมือเท้าปาก” ในเด็กเล็กว่า “ในโรงเรียนหรือสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมากจัดเป็นสถานที่เสี่ยง หากมีเด็กคนหนึ่งติดโรคขึ้นมาก็สามารถติดต่อไปยังเด็กคนอื่นๆ ได้ง่าย โดยเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัสมาจากสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย จากการไอจามของเด็กที่ป่วย น้ำจากตุ่มแผล และอุจจาระของผู้ป่วย ซึ่งสารคัดหลั่งพวกนี้จะติดอยู่กับของเล่นและของใช้ต่างๆ หากเด็กนำมือที่สัมผัสเชื้อมาเข้าปาก ไม่ว่าจะหยิบของกิน เอาของเล่นเข้าปาก หรือแม้แต่ดูดนิ้ว ก็ทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ ทั้งนี้อาการของ “โรคมือเท้าปาก” นั้น ลูกน้อยของคุณจะเริ่มแสดงอาการป่วยภายใน 3-6 วันหลังได้รับเชื้อ โดยอาจมีไข้ต่ำหรือสูงก็ได้ จากนั้นอีก 1-2 วันจะเริ่มมีอาการเจ็บปาก น้ำลายไหล ทานอาหารไม่ได้ เนื่องจากมีแผลในช่องปาก ไม่ว่าจะที่ลิ้น เหงือก หรือกระพุ้งแก้ม และเริ่มมีตุ่มน้ำตามบริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือก้น
ส่วนการดูแลเจ้าตัวน้อยหากติดเชื้อ แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ และควรเช็ดตัวเด็กเป็นระยะๆ เพื่อลดไข้ ควรให้เด็กรับประทานอาหารอ่อน หรือเป็นอาหารที่เย็น เพราะความเย็นจะทำให้ไม่เจ็บปากขณะรับประทาน หากเป็นเด็กทารกอาจต้องป้อนนมแทนการให้ดูดจากขวด ปกติอาการของโรคมักหายเองใน 5-7 วัน มักไม่มีอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน ทั้งนี้อาการแบบไหนถึงเรียกว่ารุนแรงที่ควรพาไปพบแพทย์ทันที และหากมีอาการซึม ไม่ยอมทานอาหารหรือนํ้าดื่ม ปวดต้นคอ อาเจียนบ่อย หอบ แขน-ขาอ่อนแรง ชัก สะดุ้งผวา ตัวสั่น เขียวคล้ำที่บริเวณลำตัว มือ และเท้า ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดภาวะสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือนํ้าท่วมปอดได้ ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีน้อย แต่หากเป็นแล้วรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
สำหรับการป้องกันโรคนั้น มีคำแนะนำว่าผู้ปกครองควรสอนและฝึกวินัยเด็กให้ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำด้วยน้ำและสบู่ สอนเด็กให้ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอด ผ้าเช็ดหน้า หากรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นต้องใช้ช้อนกลาง ไม่ควรให้เด็กไปเล่นในบริเวณที่พบว่ามีการระบาดของโรค โดยตัวผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กเองต้องล้างมือทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังเตรียมอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังการขับถ่ายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อม และหลังการดูแลเด็กป่วย ส่วนคำแนะนำสำหรับโรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก ควรหมั่นดูแลรักษาสุขลักษณะของสถานที่และอุปกรณ์เครื่องใช้ ทำความสะอาดเครื่องเล่น ของเล่น และห้องน้ำอยู่เสมอ
หากพบเด็กที่ป่วยควรให้หยุดเรียน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โรคมือเท้าปากสามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบมากที่สุดในช่วงฤดูฝน ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและเฝ้าติดตามอาการของโรค ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเฝ้าระวังและศึกษาวิธีป้องกันภัยใกล้ตัวลูกน้อย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |