4 พ.ย.63- ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามการปฏิบัติงานหน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมพบปะผู้นำศาสนา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หารือรับฟังร่วมแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เกิดความยั่งยืน โดยมี พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ผู้ว่าราชการจังหวัด ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ตลอดจนหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง
พลเอก ณรงค์พันธ์ เผยว่า ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ลงมาในพื้นที่ จชต.ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ความตั้งใจคือมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และติดตามการปฏิบัติงาน ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เหตุการณ์ต่างๆ.ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา แนวทางการทำงานในขณะนี้ ถือว่าดีอยู่แล้ว แนวทางการทำงานยังคงเจตนารมณ์ที่จะสานต่อสิ่งที่ทำมาต่อไป จะเน้นย้ำเพิ่มเติมในสิ่งที่สำคัญให้หน่วยดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พื้นที่นี้กลับมาสงบร่มเย็นอีกครั้ง นอกจากนี้วันนี้ยังได้มาพบปะผู้นำศาสนาถือเป็นเรื่องที่ดียิ่ง ก็ได้ขอบคุณผู้นำศาสนาทุกจังหวัดที่ได้ให้คำแนะนำที่ดีกับเจ้าหน้าที่รัฐในการแก้ปัญหาพื้นที่ ทำให้สถานการณ์และการพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
จากการพูดคุยกันผู้นำศาสนาได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการทำงานเพื่อช่วยให้พื้นที่มีความสงบสุข สำหรับพื้นที่ จชต. นอกจากเรื่องความมั่นคงแล้ว เรื่องของการป้องกันภัยจากโรคระบาดเป็นอีกบทบาทสำคัญที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าต้องดูแล โดยเฉพาะกำลังป้องกันชายแดนถือเป็นหน้าด่านสำคัญที่จะช่วยป้องกันให้ภายในบ้านนั้นปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่เฉพาะทหาร ทั้งตำรวจ ปกครอง และประชาชนต้องช่วยกัน อีกทั้งในพื้นที่ภาคใต้ยังมีปัญหาเรื่องภัยแทรกซ้อน ทั้งปัญหาแรงงานต่างด้าว ยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ต้องเข้มงวดให้มากขึ้น และเป็นงานหนักที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแล กำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ
วันนี้จึงตั้งใจมาดูแลทุกข์สุขของกำลังพลในพื้นที่ด้วย ก็ให้ทุกคนได้บูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน ทั้งการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน และอยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จชต. ทุกคน ว่า พื้นที่ จชต. คือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ แม้จะมีปัญหาเรื่องความมั่นคง แต่จะเห็นได้ว่า เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้โดยตลอด ด้วยความเป็นคนไทยที่อยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม และยึดมั่นในความเป็นคนไทย ที่มีความรักในผืนแผ่นดินไทย รักบ้านเกิดของตน ซึ่งหากทุกคนร่วมมือกันในการรักษาความสงบ ความร่มเย็นเป็นสุขก็จะตามมา ความอยู่ดีกินดีก็จะตามมา เมื่อนั้นสันติสุขก็จะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
ด้าน ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า ผบ.ทบ.ลงมาพื้นที่และได้พบปะกับผู้นำศาสนาทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมาพูดคุยขอบคุณผู้นำศาสนาที่ได้ให้ความร่วมมือกับราชการด้วยดีเสมอมา จนทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ในพื้นที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งทางผู้นำศาสนาก็ขอให้กองทัพได้รักษาความสงบเช่นนี้ต่อไป ด้วยการดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ เรื่องการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ จากผลกระทบของโควิด 19 โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันไม่มีงานทำ
เรื่องต่อมาคือการพัฒนาความรู้ ที่นำไปสู่ความมั่นคง ความสมานฉันท์ในสังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมการศึกษาในพื้นที่ และเรื่องสุดท้ายคือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของพี่น้องต่างศาสนา ระหว่างไทยพุทธและไทยมุสลิม ให้เกิดความไว้เนื้อเชื้อใจรักใคร่สมัครสมานเข้าใจความแต่ต่างทางวัฒนธรรม ซึ่งกันและกันดังเช่นที่ผ่านมาในอดีต รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างราชการกับประชาชน ส่วนสถานการณ์ปัจจุบัน ถือว่าดีขึ้นเป็นลำดับ ด้วยเพราะใช้การเจรจาพูดคุยตามแนวทางสันติวิธี ซึ่งมาถูกทางแล้วในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |