กระจ่าง! ทำไม 'สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย' จึงมีคนจงรักภักดีมากกว่านายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง


เพิ่มเพื่อน    

4 พ.ย.63 - พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.)ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โโยมีรายละเอียดดังนี้

พระมหากษัตริย์ไทยในยุค ปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ภาคที่ 1

มีเรื่องหนึ่งที่ประเทศตะวันตก งงมากๆ และก็ไม่ชอบด้วย คือเรื่องที่ทำไม "สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย" จึงมีคนจงรักภักดีมากกว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะประทศตะวันตกเหล่านั้นเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรและจะเป็นตัวอย่างที่จะทำให้ประชาธิปไตยในระบอบประธานาธิบดีไม่มั่นคงมากขึ้นได้ 

อีกทั้งในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ระบอบประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี กำลังประสบความล้มเหลว ในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในหลายสิบประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศตะวันตกเอง ก็รู้จักพระมหากษัตริย์ไทยได้ดี ว่า พระมหากษัตริย์ของไทยนั้น ไม่เหมือนพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่นๆ เพราะทรงงานเพื่อประชาชนอยู่ ตลอดเวลา ทรงปรับพระองค์ไปตาม ความเจริญก้าวหน้าของยุคสมัยและเทคโนโลยี โดยเริ่มเห็นได้ชัดเจนมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา จนถึงรัชกาลปัจจุบัน

ประเทศไทยจึงรอดอยู่มาได้ทุกวันนี้ ดังนั้นประมุขของทุกประเทศประชาธิปไตยจึงให้ความนับถือพระองค์มาตลอด และไม่ได้มุ่งร้ายต่อสถาบันฯ จริงๆตามที่พวกเด็กๆบางคนคิดไว้ บางประเทศก็มุ่งหวังที่จะมีความสัมพันธ์กับประชาชนดังเช่นพระมหากษัตริย์ไทยบ้าง เท่านั้น

ส่วนประมุขในกลุ่มประเทศสังคมนิยม ยิ่งให้ความเคารพนับถือพระองค์มากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องที่ พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ทรงทำงานให้ประชาชน จนกลายเป็น "หน้าที่ของพระมหากษัตริย์" ไปแล้ว ซึ่งตรงกับหน้าที่ของประมุขประเทศในระบอบสังคมนิยม

เช่นกัน นายเติ้งเสียวผิง อดีตนายกรัฐมนตรีจีน ได้เข้ามาร่วม พิธีตอนที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงรับโปรดเกล้าฯเป็น "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช" 

เรื่องเหล่านี้เขียนไว้ เพื่อเตือนให้เข้าใจว่า อย่าเอาสถาบันกษัตริย์ไทยไปเปรียบเทียบกับกับประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่ประชาชนตกอยู่ในอิทธิพลของความเชื่อหลากหลายชนิด ทำให้มีการเปลี่ยนเป็นระบอบกลับไปกลับมา มากกว่า 5 ครั้ง ส่วนอังกฤษเปลี่ยนกลับมาครั้งเดียวก็ไม่ยอมเปลี่ยนกลับไปอีก

โบราณว่า:สนุกสนานตอนเด็กจะลำบากตอนโต ลำบากตอนเด็กจะสบายตอนเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นเพียงคำโบราณนะครับ ฟังไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม.. โบราณอีกแล้ว

พลโท นันทเดช ได้โพสต์ต่อว่า พระมหากษัตริย์ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ภาค 2

การเด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงเปลี่ยนเครื่องทรง ชุดฤดูหนาวให้พระแก้วมรกต ของในหลวงรัชกาลที่10 พระราชินี และเจ้าฟ้าอีก 2 พระองค์นั้น มีข้อน่าสังเกตุดังนี้

1.เป็นการเสด็จพระราชดำเนิน บนเส้นทางที่ยาวมาก บนถนน 6 เลนที่ถูกประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จ บีบจนเหลือเลนเดียว จากเดิมที่เข้าเฝ้าอยู่บนฟุตบาทเท่านั้น จำนวนผู้คนจึงเพิ่มมากขึ้นกว่า 4 เท่าตัว

2. เดิมประชาชนจะรับเสด็จอยู่แค่ในพระราชวังหรือบริเวณหน้ากำแพงพระราชวังเท่านั้น ปัจจุบัน เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่เสด็จพระราชดำเนินออกมานอกพระราชวัง

ครั้งล่าสุดนี้ยิ่งมีระยะยาวมากขึ้นอีก จากประตูวิเศษไชยศรี ตรงข้าม ม.ศิลปากร เสด็จพระราชดำเนิน เลี้ยวขวามาเรื่อยๆ ตรงมาทางศาลหลักเมือง ทรงทักทายกับประชาชน ทั้ง 2 ฝั่ง อย่างเท่าเทียมกัน เช่น เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาถึง กลุ่มภาคีพสกนิกรไทย (กลุ่มอาชีวะ ประชาชนชุดเดิม ที่มีชาวไทยมุสลิมรวมอยู่ด้วย ประมาณ 30 คน) และเป็นกลุ่มที่ช่วยเปิดทางให้รถพระที่นั่งของพระราชินีที่บริเวณสะพานชมัยมยุรเชษฐ เมื่อ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา พระองค์ได้พระราชดำเนินข้ามไปพบประชาชนอีกฝากหนึ่งแล้ว

เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าสิริวรรณวลีได้ไปทูลท่าน พระองค์ก็เสด็จย้อนหลังมาทักทายกลุ่มดังกล่าวอีก สร้างความตื่นเต้น ซาบซึ้งให้กับผู้คนในกลุ่มดังกล่าวอย่างมาก หลายคนถึงกับกั้นน้ำตาไม่อยู่

3.การเสด็จพระราชดำเนินสลับไปมาเช่นนี้ ทำให้ระยะทางการเสด็จพระราชดำเนิน เพิ่มมากขึ้นอีก เมื่อมาถึงศาลหลักเมืองได้มีพระราชปฎิสันฐานกับประชาชนอยู่นาน เพราะจุดนั้นประชาชนรวมตัวกันอยู่หนาแน่นมาก แล้วทรงเลี้ยวซ้ายมาทางศาลฎีกา ท่ามกลางเสียงร้องของประชาชนว่า"ทรงพระเจริญๆๆๆ"อย่างกึกก้อง

4.เมื่อใกล้มาสุดทางพ้นเขตศาลฏีกามาแล้วจึงทรงประทับรถยนต์พระราชดำเนินกลับ

การเสด็จพระราชดำเนินวิธีนี้ทำให้ประชาชนทุกกลุ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นกลางลงไปถึงชาวบ้าน และคนชายขอบเมืองได้มีโอกาศเข้าเฝ้าอย่างไกล้ชิด เท่าเทียมกันและพระเมตตาของพระองค์ในครั้งนี้ จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของประชาชนตราบนานเท่านาน

นี่คือพระมหากษัตริย์ ที่ทรงงาน อยู่ในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่4 ยุคที่เทคโนโลยีกำลังควบคุมมนุษย์มากขึ้นตามลำดับ

รากฐานทางวัฒนธรรม และ ประเพณี เท่านั้นที่จะพาประเทศ เดินหน้าไปได้อย่างถูกต้อง ไม่หลงทางเสียเวลา ครับ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"