"บิ๊กตู่" เปรยผิดเองที่มาอยู่ตรงนี้ และไม่สามารถทำตามคำเรียกร้องได้ พร้อมรับทราบเหตุปาระเบิดประทัดใส่ม็อบราษฎรที่ท่าพระ รอง ผบช.น.เผยตรวจกล้องวงจรปิดกว่า 20 ตัวยังไม่พบผู้ต้องสงสัย กมธ.ตำรวจหวั่นม็อบชนม็อบเรียก ผบ.ตร.-ผบช.น.แจงมาตรการเตรียมรับมือ "สิระ" จี้ถาม รมว.ยุติธรรมทำไมปล่อยให้แกนนำม็อบได้อภิสิทธิ์เลือก รพ.ได้ตามอำเภอใจ เครือข่ายสิทธิมนุษยชนจี้ ผบ.ตร.ทบทวนการบังคับใช้กฎหมายกลั่นแกล้งผู้ชุมนุม
ที่โรงแรมสแปลช บีช รีสอร์ท ไม้ขาว ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พยักหน้ารับทราบเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีได้รับรายงานเหตุการณ์คนร้ายโยนระเบิดประทัดใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรที่เอ็มอาร์ที สถานีท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.หรือไม่
มีรายงานว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้เปรยขึ้นมาว่า "ผมผิดเองที่มาอยู่ตรงนี้ และผิดที่ไม่สามารถทำตามคำเรียกร้องได้"
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตรวจสอบเหตุการณ์คนร้ายโยนระเบิดประทัดใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรที่เอ็มอาร์ทีสถานีท่าพระเมื่อค่ำวันที่ 2 พ.ย.ว่า ยังไม่ได้รับรายงาน กำลังตรวจสอบอยู่ เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ไม่อยากให้มี ตนขอฝากไปถึงคนที่ทำด้วย เมื่อถามว่าจะมีการสั่งการอะไรหรือไม่พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า จะมีการสั่งการอะไร
ด้าน พล.ต.ต.จิรภัทร ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เบื้องต้นวัตถุพยานที่หลงเหลือในที่เกิดเหตุ 1 ชิ้น มีลักษณะเป็นทรงกลม จากการตรวจสอบพบเป็นประทัดที่มีขายตามร้านค้าทั่วไป ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีท่าพระ และเกิดเสียงดังขึ้นในเวลา 17.57 น. ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนสถานีรถไฟฟ้าจำนวนกว่า 20 ตัว และได้ประสานตรวจสอบกล้องวงจรปิดใต้สถานีรถไฟฟ้าด้วย เพื่อดูเส้นทางการหลบหนีของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นการขอดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังก่อนเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย ตำรวจในพื้นที่ได้รับคดีนี้เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแล้วในฐานความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 370 ผู้ใดทำให้เสียงดังประชาชาชนตื่นตกใจ ซึ่งเป็นความผิดฐานลหุโทษ
ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ กล่าวว่า ตามที่ได้ปรากฏว่ามีการชุมนุมของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร กมธ.การตำรวจมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลและควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมภายใต้กรอบและมาตรการตามกฎหมาย จึงได้กำหนดจะพิจารณาเรื่องมาตรการและแนวปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อควบคุมการชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่อื่น วันที่ 5 พ.ย.เวลา 10.00 น. จะเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มาชี้แจงใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ขั้นตอนในการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดในการดูแลและควบคุมการชุมนุมสาธารณะ 2.มาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยกรณีเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม 3.ขั้นตอนการดำเนินการของจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุมในระหว่างการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และเรื่องการฉีดน้ำผสมสี รวมถึงเรื่องเบี้ยเลี้ยงของข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ปรากฏออกมาตามสื่อต่างๆ
ม็อบอภิสิทธิ์ชนเลือกรพ.เองได้
“กมธ.การตำรวจมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่มีม็อบชนม็อบ หรือมีการทำร้ายบุคคลที่ไปเดินในม็อบฝั่งตรงข้าม อาทิ สีเสื้อ หรือการเข้าไปแสดงสัญลักษณ์ จึงอยากถามว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีมาตรการเตรียมรับมือในเรื่องนี้อย่างไร เพราะถ้ามีการทำร้ายร่างกายแม้แต่คนเดียว ก็เกรงว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวทำให้สถานการณ์บานปลายได้ ซึ่งทางตำรวจหรือสายสืบ ควรระวังจุดนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเสี่ยงอันตรายมาก” นายณัฏฐ์ชนนกล่าว
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ต้องหาที่มีหมายศาล ถามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ว่าได้เห็น ได้ทราบหรือไม่ว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้มีการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลพระราม 9 มีการเข้าเยี่ยมเหมือนการจัดปาร์ตี้ กรณีนี้มีความเหลื่อมล้ำต่อผู้ต้องขังรายอื่นหรือไม่ ถ้าเป็นผู้ต้องขังคดีทางการเมืองสามารถทำได้ใช่หรือไม่ เลือกโรงพยาบาลอะไรก็ได้ที่ตัวเองคิดว่าให้การสนับสนุนบุคคลเหล่านี้ ไม่มีกฎระเบียบในการเยี่ยม ไม่ต้องขังตามสถานที่ตามกฎหมาย เลือกโรงพยาบาลตามอำเภอใจได้อย่างไร บ้านเมืองนี้ไม่มีกฎระเบียบอะไรทั้งสิ้นใช่หรือไม่ เราไม่ยึดหลักนิติธรรมนิติรัฐ การเสมอภาค ระเบียบของกระทรวงยุติธรรมกันแล้วใช่ไหม ให้ท่านตรวจสอบผู้ต้องขังเหล่านี้ว่าได้รับอภิสิทธิ์อะไร
"ถามกลับไปยังโรงพยาบาลพระราม 9 ว่ากรณีนี้มีการออกค่าใช้จ่ายเองหรือไม่ หรือมีคนออกค่าใช้จ่ายให้กับผู้ต้องขังเหล่านี้ และผู้ต้องขังเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนในการชุมนุมจากคนเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งดูจากบัญชีผู้ถือหุ้นแล้ว พบว่ามีตระกูลดังตระกูลหนึ่งถือหุ้นใหญ่ และคนในตระกูลบางส่วนหลบหนีคดีออกนอกประเทศไปแล้ว จากการทำลายประเทศก่อการร้าย โกงภาษีประชาชนและยังมีการกราบ ซึ่งเรียกว่าเป็นการกราบสะท้านฟ้า เป็นการกราบด้วยความจงรักภักดี แต่เป็นการสร้างละครหรือไม่ ทำไมต้องเปิดโรงพยาบาลที่ท่านมีหุ้นส่วนไปดูแลผู้กระทำความปิดคดีอาญาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็ถือว่าท่านยังจงรักภักดีกับสถาบันจริงๆ หรือหลอกลวง"
นายสิระกล่าวด้วยว่า วันที่ 4 พ.ย. จะนำเรื่องของผู้ต้องขังที่ไปรับการรักษาตัวที่ รพ.พระราม 9 เข้าที่ประชุม เพื่อขอมติเชิญ รมว.ยุติธรรมเข้ามาชี้แจงว่ามีกฎระเบียบอะไรรองรับ ปล่อยให้กระทำแบบนี้ได้อย่างไร คนเหล่านั้นได้รับอภิสิทธิ์อะไร แล้วโรงพยาบาลในกรมราชทัณฑ์ไม่สามารถรักษา 3 คนนี้ได้แล้วหรือ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.ส.คอรีเยาะ มานุเเช นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน พร้อมเครือข่ายองค์กรและทนายความด้านสิทธิมนุษยชน นำหนังสือยื่นต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ถึงการใช้กฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักศึกษา ประชาชนที่มีความเห็นต่างทางด้านการเมือง โดยมี พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รองผู้บังคับการกองอัตรากำลัง เป็นตัวเเทนรับหนังสือ
โดย น.ส.คอรีเยาะกล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายของตำรวจ เป็นการกลั่นเเกล้งเเกนนำเเละผู้ชุมนุม เพราะกระบวนการสอบสวนเเละเเจ้งข้อกล่าวหาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการชุมนุมนี้ เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ส่วนข้อหาที่แจ้งต่อผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 110 และมาตรา116 นั้น มองว่าเกินกว่าเหตุ ผู้ชุมนุมไม่ได้มีพฤติการณ์ที่ส่อไปในความผิดดังกล่าว ทั้งที่หน้าที่ของตำรวจนั้นไม่เพียงแต่พิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหา แต่ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วย เเต่ทำไมจึงบังคับใช้กฎหมายเพื่อลิดรอนสิทธิ์ และไม่ให้ทุกคนกล้าออกมาแสดงความเห็น วิธีการบังคับใช้กฎหมายด้วยการนำหมายจับเเละหมายเรียกเข้าอายัดตัวต่อเนื่อง ตำรวจเเละเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมักใช้กับคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายเเดนภาคใต้มาตั้งเเต่ปี 2549
ใช้ กม.กลั่นแกล้งผู้ชุมนุม
ที่ สน.ชนะสงคราม นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบูลส์, นายอรรถพล บัวพัฒน์ ครูใหญ่ขอนแก่นพอกันที, น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่ จ.นนทบุรี พร้อมพวกรวม 11 คน และ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหากรณีการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง ระหว่างวันที่ 19-20 กันยายนที่ผ่านมา
นายอรรถพลกล่าวว่า เมื่อเช้านี้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกที่ สน.สำราญราษฎร์ ซึ่งได้จัดการเรียบร้อย และยังทราบว่ามีหมายจับ สน.ปทุมวัน ขอบอกเจ้าหน้าที่ว่าไม่ต้องมาจับ ตนจะไปหาเอง ยืนยันไม่หลบหนี และจะไปมอบตัวทุกโรงพักที่ถูกดำเนินคดี ทั้งนี้ หากจับกุมขณะที่ตนเองมีเจตนาจะมาแสดงตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หมายความว่าเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้กระบวนการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นไปได้ยากขึ้น ยืนยันว่าเราต่อสู้ตามหลักสิทธิประชาธิปไตยในกรอบรัฐธรรมนูญ ไม่มีข้อกังวลใจใดๆ เราจะไม่หยุดแม้จะมีอะไรมากั้น
น.ส.ศศินันท์กล่าวว่า เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกหมายเรียกต่างกรรมต่างวาระในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.บ.ควบคุมโรค, พ.ร.บ.การโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียง, พ.ร.บ.จราจร, พ.ร.บ.โบราณสถานฯ และกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกรวมทั้งหมด 17 คน แต่วันนี้ติดต่อได้เพียง 11 คน จึงเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน 11 ผู้ชุมนุม กิจกรรมทวงอำนาจคืนราษฎร 19-20 ก.ย. เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียก สน.ชนะสงคราม หนึ่งในนั้นคือ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก "ภูเก็ตปลดแอก" เผยแพร่การยิงแสงเลเซอร์ไปยังตึกต่างๆ หลายพื้นที่บนเมืองภูเก็ต อาทิ ย่านเมืองเก่า ถนนถลาง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่หลังประชุม ครม.เสร็จสิ้น ด้วยข้อความโจมตีการลงพื้นที่ประชุม ครม.นอกสถานที่ อาทิ "ครม.สัญจร ผักชีโรยหน้า" พร้อมลงข้อความว่า "การฉายเลเซอร์ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติวิธีที่พวกเราเลือกใช้ การเดินทางมาจังหวัดภูเก็ตของ ครม.รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ระหว่างวันที่ 2-3 นี้ เปรียบเสมือน #ผักชีโรยหน้า ที่เหล่าข้าราชการในพื้นที่ร่วมใจกันมอบให้กับนายใหญ่ และพร้อมใจกันไม่เห็นหัวประชาชน โกหก ทรยศ คนภูเก็ตซ้ำแล้วซ้ำอีก กับการที่บอกว่าจะรับเรื่องไปแล้วแก้ปัญหา แต่สุดท้ายคุณภาพชีวิตคนภูเก็ตก็เหมือนเดิม พวกเราชาวภูเก็ต (ไม่ทน) ไม่ต้องการคำหลอกลวงพวกนั้นอีกแล้ว ข้อเสนอของเราต่อคณะรัฐบาลในตอนนี้ก็คือ#นายกต้องลาออกเท่านั้น !!!! #ครมผักชี".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |