บก.ปทส.ได้ฤกษ์สั่งฟ้อง 4 ข้อหา "ปารีณา" รุกป่าราชบุรี ส่งสำนวนให้อัยการ 5 พ.ย.นี้ "ทวี-บิดา" โดนคดีรุกป่าสวนผึ้งกว่า 1 พันไร่ด้วย เจ้าตัวไม่กังวลยังทำงานตามปกติ โยนให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการ
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. ประชุมคณะพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ประกอบด้วย พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.ธีระพงษ์ วงศ์มุนีวร ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ปทส., พ.ต.ท.คำนวณ จันทร์อนันต์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.5 บก.ปทส. และคณะทำงาน เพื่อตรวจสำนวนคดีพร้อมสรุปสำนวนคดี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีครอบครองที่ดินใน ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
จากนั้น พล.ต.ต.พิทักษ์เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน บก.ปทส.ได้ตรวจรายละเอียดสำนวนคดีดังกล่าว โดยเบื้องต้นมีความเห็นสั่งฟ้องตามความเห็นของคณะพนักงานสอบสวน ทั้งนี้อยู่ระหว่างการเตรียมส่งสำนวนคดีดังกล่าวให้พนักงานอัยการ จ.ราชบุรีสั่งฟ้องคดี โดย น.ส.ปารีณาได้แจ้งนัดหมายกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 5 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. สำหรับสำนวนที่ บก.ปทส.สรุปเพื่อสั่งฟ้องให้อัยการจังหวัดราชบุรี มีทั้งหมด 6 แฟ้ม จำนวนกว่า 2,408 หน้า และได้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมตามที่ น.ส.ปารีณาร้องขอ 3 ปาก ซึ่งเป็นพยานที่ดินข้างเคียง
จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า น.ส.ปารีณาเข้าข่ายการกระทำความผิดใน 4 ข้อหา ประกอบด้วย ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14 และ ม.31 "ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่โดยไม่ได้รับอนุญาต", ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 "ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่"
ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน "ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า กระทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้ามในราชกิจจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่าห้าสิบไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต" และความผิดตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2520 "ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาล ในเขตน้ำบาดาลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดิน ในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต" ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดจำคุก 4-20 ปี ปรับ 200,000-2,000,000 บาท ซึ่งในส่วนของ น.ส.ปารีณาจะถูกดำเนินคดีในฐานะบุคคลและนิติบุคคลด้วย
นอกจากนี้ บก.ปทส.ได้เรียกนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับ น.ส.ปารีณาในวันที่ 23 พ.ย.นี้ หลังถูกร้องเรียนว่าบุกรุกที่ดินรัฐกว่า 1 พันไร่ บริเวณหมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
ด้าน น.ส.ปารีณาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องดังกล่าวตนประสงค์ที่จะให้นายทศพล เพ็งส้ม ในฐานะทนายส่วนตัว เป็นผู้ตอบคำถามทั้งหมดในขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย
เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ น.ส.ปารีณากล่าวว่าขอให้ทนายเป็นผู้ตอบ ส่วนในเวลานี้ตนยังทำงานตามปกติ
ด้านนายทศพลกล่าวว่า เวลานี้ยังไม่ได้รับแจ้งกรณีที่มีข่าวเรื่องการส่งฟ้อง และหากมีการส่งเอกสารมาก็ต้องดูว่าเนื้อหาในเอกสารเป็นอย่างไร และ น.ส.ปารีณาจำเป็นต้องไปให้รายละเอียดหรือไม่ ซึ่งในเวลานี้ยังตอบอะไรไม่ได้เพราะยังไม่เห็นเอกสารของตำรวจ ส่วน น.ส.ปารีณาไม่ได้กังวล เพราะขณะนี้อยู่ในระหว่างการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก่อนหน้านั้นตนได้ส่งหนังสือไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบแล้ว ทั้งนี้ก็ต้องดูว่ากระบวนการสอบข้อเท็จจริงและการดำเนินคดีจะเป็นอย่างไร.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |