"อ๋อย" งานเข้า "ศรีสุวรรณ" ร้อง ปอท.-"ปารีณา" แจ้งความเอาผิดปล่อยเฟกนิวส์กรณีอายัด "รุ้ง-ไมค์-เพนกวิน" หาว่าโดนซ้อม ผบช.น.แจงดำเนินคดี 80 คดีคาบเกี่ยวหลายพื้นที่ ศาลยกคำร้องฝากขัง "เอกชัย-อานนท์-สมยศ-สุรนาถ" ก่อนปล่อยตัว สั่งปรับ "อานนท์" 600 บาท คดีฉายโฮโลแกรมอ่านประกาศคณะราษฎร ป่วน! มือมืดโยนระเบิดปิงปองใส่ผู้ชุมนุมบริเวณสถานี MRT ท่าพระ ไร้บาดเจ็บ
ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ศูนย์ราชการฯ วันที่ 2 พฤศจิกายน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ บก.ปอท.เนื่องจากพบว่ามีการโพสต์และแชร์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กของนายจาตุรนต์ ฉายแสง "Chaturon Chaisang" เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ในลักษณะตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการอายัดตัวผู้ถูกกล่าวหา คือ ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง ไปยัง สน.ประชาชื่น เพื่อลงบันทึกการจับกุมหลังได้รับการปล่อยตัว กรณีศาลยกคำร้องฝากขังซึ่งอาจเข้าข่ายนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จนั้น
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวมีเนื้อหาสาระที่ส่อไปในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายรวม 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ใช้หมายจับที่หมดสภาพแล้วไปจับกุมคนโดยพลการ 2.ระหว่างเคลื่อนย้ายซ้อมเขาจนสลบ 3.มันป่าเถื่อนมาก 4.ใครสั่งใครบงการย่อมเป็นที่เกลียดชัง และ 5.ระบบยุติธรรมก็เสื่อมเสียน่าอับอายไปทั่วโลก ซึ่งข้อความต่างๆ เหล่านี้น่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งยังก้าวล่วงตำหนิหรือให้ร้ายต่อกระบวนการยุติธรรม (ซึ่งประกอบไปด้วย ตำรวจ อัยการ ศาล) ว่าเสื่อมเสียน่าอับอายไปทั่วโลก เป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือของชาติ อันบ่งชี้โดยเจตนาว่าต้องการสื่อถึงอะไร
นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า แม้เพจดังกล่าวได้มีการแก้ไขข้อความใหม่ด้วยการลบคำว่า "ซ้อม" ออกไป โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อน แต่ทว่าโพสต์ดังกล่าวได้มีการก๊อปปี้ข้อความและแชร์ข้อความดังกล่าวออกไปเป็นจำนวนมากแล้ว ถึงอย่างไรก็เข้าข่าย "ความผิดสำเร็จ" ไปแล้วตามประมวลกฎหมายอาญา ม.63 ประกอบ ม.80 จึงนำความมาร้องเรียนกล่าวโทษต่อ ปอท.เพื่อเรียกเจ้าของเพจดังกล่าวมาสอบสวนเอาผิดตามครรลองของกฎหมาย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างของการใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ผิดต่อไป
ขณะเดียวกัน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "#แจ้งความจาตุรนต์ ฉายแสง เลิกงานแล้วปารีณามาดำเนินคดี กล่าวโทษ จาตุรนต์ ฉายแสง ข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ตามที่นายจาตุรนต์ได้ดูหมิ่น ใส่ร้าย เจ้าหน้าที่ ว่าได้ซ้อมนายภาณุพงศ์ จาดนอก จนสลบ และถึงแม้ว่าจะมีการแก้ไขข้อความแล้วแต่ความผิดสำเร็จ แคปไว้หมดแล้วทั้งของเก่าของใหม่ ดิ้นไม่หลุด"
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงกรณีมีการเปิดเผยข้อมูลว่าจะมีการดำเนินคดี 80 คดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า แต่ละหมายแต่ละคดีเป็นการรวบรวมการกระทำความผิดในพื้นที่ต่างๆ และที่มีผู้เสียหาย ทั้งที่เห็นหลักฐานการกระทำความผิดทางโซเชียลมีเดีย หรือ เห็นด้วยตนเอง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจ ทำให้เมื่อรวมกันแล้วจึงมีคดีความมากถึง 80 คดี บางคดีเกิดขึ้นในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล บางคดีเกิดขึ้นคาบเกี่ยวหลายพื้นที่
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องในคดีที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังนายเอกชัย หงส์กังวาน, นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง (ได้ประกันตัวไปก่อนนี้แล้ว) และนายสุรนาถ หรือตัน แป้นประเสริฐ ผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 พยายามประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินีฯ จากกรณีผู้ชุมนุมกับขบวนเสด็จฯ โดยศาลเห็นว่าผู้ร้องไม่ได้มีเหตุผลเพียงพอในการขอฝากขังต่อไป จึงยกคำร้อง
นอกจากนี้ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องในคดีที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายอานนท์ นำภา กลุ่มคณะราษฎร 2563 คดียุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ กรณีชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง วันที่ 19-20 ก.ย.63 โดยให้เหตุผลว่าคำร้องยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะขอฝากขังครั้งต่อไป มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฝากขังและออกหมายปล่อย ซึ่งคาดจะมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้ประกันตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1314/2563 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายกรกช แสงเย็นพันธ์, นายอานันท์ ลุ่มจันทร์, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, นายเอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิ และนายปิยรัฐ จงเทพ กลุ่มแกนนำและผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดต่อ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง, พ.ร.บ.จราจรทางบก, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง ลหุโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.63 จำเลยที่ 1-7 ร่วมกันกางจอภาพสีขาว มีเสาด้านข้างวางหมุดคณะราษฎรลงบนทางเดินรถ วางเครื่องฉายโฮโลแกรมบนทางเท้า ถ.ราชดำเนินกลาง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วฉายโฮโลแกรมอ่านประกาศของคณะราษฎรลงบนจอภาพดังกล่าว "ลบยังไง ก็ไม่ลืม"
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันตั้ง วาง กองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันตั้งวางกองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,000 บาท ฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 200 บาท รวมปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,200 บาท
จำเลยที่ 2-7 มีความผิดฐานร่วมกันตั้ง วาง กองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันตั้งวางกองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ปรับจำเลยที่ 2-7 คนละ 1,000 บาท จำเลยทั้งเจ็ดให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 600 บาท คงปรับจำเลยที่ 2-7 คนละ 500 บาท
ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งร้านอาหารศรแดง เครือข่ายเยาวชนช่วยชาติโดยนายคชโยธี เฉียบแหลม แถลงการณ์แสดงจุดยืนปกป้องคนดี ปกป้องบ้านเมือง ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
โดยระบุว่า หากใครคิดล้มล้างสถาบันจะต้องมีอันเป็นไป นายคชโยธียังได้ระบุถึงจดหมายอีก 3 ข้อ คือ จะปกป้องคนดี ปกป้องชาติบ้านเมือง ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐบาลจะต้องไม่ยุบสภา เพราะรัฐบาลชุดนี้ดี ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เคยทำผิด ไม่เคยโกงใคร และไม่ใช้ภาษีประชาชนในทางที่ผิด รัฐบาลชุดนี้ไม่มีข้อติที่จะต้องให้ลาออก รวมถึงจะต้องไม่เข้าข้างคนชั่วที่คิดล้มล้างสถาบัน
ที่สถานีรถไฟฟ้าท่าพระ เวลา 16.00 น. มีมวลชนกลุ่มราษฎรฝั่งธนบุรีทยอยเข้าร่วมการชุมนุม หลังนัดหมายผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยังคงจัดกิจกรรมในลักษณะไม่มีแกนนำ กระทั่งเวลา 17.00 น. มีผู้คัดค้านการจัดกิจกรรมได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในพื้นที่ชุมนุม พร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9 และผ้าโพกหัวเรารักในหลวง ก่อนตะโกนว่า "อยู่อย่างจงรักตายอย่างภักดี" ก่อนที่การ์ดดูแลความเรียบร้อยจะเข้ามาขอให้ออกจากพื้นที่ โดยชายดังกล่าวได้ยอมขี่รถออกไป เหตุการณ์จึงสงบลง
เวลาประมาณ 18.00 น.มีเสียงดังคล้ายประทัดขึ้น ทำให้เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย แต่แกนนำได้ประกาศให้มวลชนอยู่ในความสงบ ขณะที่ทีมการ์ดได้วิ่งขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้าท่าพระเพื่อทำการตรวจสอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขึ้นไปตรวจสอบเช่นกัน แต่ก็ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุ แต่ทีมการ์ดได้เจรจาเพื่อขอให้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้าด้วย โดยเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าบริเวณที่เกิดเสียงระเบิดจะต้องมีการซื้อตั๋วของรถไฟฟ้าเข้าไปเท่านั้นถึงจะโยนลงไปจุดนั้นได้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ประจำจุดด้านล่างสถานียืนยันว่าได้ยินเสียงที่บริเวณพื้น จึงเดินไปดูพบว่าเป็นวัตถุทรงกลม และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่เห็นผู้ก่อเหตุ ส่วนวัตถุที่พบมีลักษณะเป็นลูกสีฟ้าๆ ห่อด้วยสก็อตเทปใส และมีลักษณะคล้ายชนวนอยู่ตรงกลาง ซึ่งหัวมีรอยสีดำเป็นลอยเผาไหม้ด้วย ซึ่งทีมการ์ดระบุว่าวัตถุที่พบไม่จุดระเบิด ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการโยนลงมา 2 ลูก โดย 1 ลูกทำงาน แต่อีก 1 ลูกยังไม่ทำงาน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |