เปิด 2 รูปแบบคณะกรรมการปรองดองฯ 'ชวน' ทาบ 3 อดีตนายกฯ-อดีตประธานรัฐสภา


เพิ่มเพื่อน    

2 พ.ย.63  - ที่สถาบันพระปกเกล้า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการหารือเพื่อออกแบบโครงสร้างและวิธีการทำงานของคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ร่วมกับนายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ว่าจากที่ได้ให้เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ศึกษารูปแบบองค์ประกอบของงาน ที่จะต้องทำในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยขอให้สถาบันติดตามงานจากนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ว่ารูปแบบที่เสนอมานั้นเป็นอย่างไร  

เลขาฯสถาบันพระปกเกล้า  ได้เสนอรูปแบบการแก้ไขปัญหาเป็น 2 รูปแบบ โดยรูปแบบที่ 1 เป็นไปตามที่นายจุรินทร์ เสนอคือมีผู้แทนจากฝ่ายต่างๆ รวม 7 ฝ่าย  เช่นส.ส. ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ตัวแทนของฝ่ายรัฐบาล ตัวแทนของวุฒิสภา และตัวแทนขององค์กรอื่น แต่ก็มีจุดด้อย คือหากฝ่ายใดปฏิเสธไม่ร่วมองค์ประชุมก็จะไม่ครบ   หรือการหารือพูดคุยกันก็อาจจะล่มได้ หรืออาจจะเสร็จเร็วได้ รวมทั้งถ้ามองผิวเผิน จะมีแค่ฝ่ายรัฐบาลกับวุฒิสภา ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ถือว่าน่ากังวล

รูปแบบที่ 2 มีคนกลางที่มาจากการเสนอของฝ่ายต่างๆ หรือประธานรัฐสภาเป็นผู้สรรหา หรือแต่งตั้งคณะกรรมการ ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่ากรรมการที่เราไปทาบทามจะรับหรือไม่ เพราะด้วยเป้าหมายของงานต้องดูปัญหาที่จะเข้ามานั้นคือเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามจะเอา 2 รูปแบบนี้ไปประสานกับฝ่ายต่างๆ ตามรูปแบบที่ 1  ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็จะมาในรูปแบบที่ 2 หรือดึงรูปแบบที่ 1 กับ 2 มาประสานกัน ในส่วนของตัวบุคคล  โดยอาจต้องไปถามตัวแทนของฝ่ายต่างๆ ว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ หรือคนนอกจะมาร่วมด้วยหรือไม่ เพราะต้องไปคัดคนให้ได้จำนวนไม่มากแต่มีประสิทธิภาพ เข้าใจปัญหา  ในวันพรุ่งนี้เป็นไปได้ตนก็จะไปพูดคุยกับผู้นำฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลเป็นการภายใน

 นายชวน กล่าวอีกว่า ส่วนตัวได้ประสานกับอดีตผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน เช่นอดีตนายกรัฐมนตรี 3 คน อดีตประธานรัฐสภา  ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ก็พร้อมจะร่วมด้วยถ้ามีโอกาส ทั้งนี้ไม่อยากให้สื่อไปตั้งเป้าหมายว่า อย่าไปคิดว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่สำเร็จทุกอย่าง เริ่มต้นจากการที่คนส่วนใหญ่ในประเทศอยากเห็นบ้านเมืองสงบ วิธีไหนทำให้บ้านเมืองสงบได้เราก็จะพยายาม

เมื่อถามว่า จะเป็นประธานคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเองหรือไม่ นายชวนกล่าวว่าจะหารือกับอดีตนายกฯ และประธานสภา  รวมถึงบุคคลต่างๆ เพื่อดูว่าจะมีใครสนใจในเรื่องนี้บ้าง และจะเชิญมาร่วม ซึ่งอดีตนายก 3 คนที่ได้พูดคุยต่างก็ห่วงบ้านเมือง และพร้อมให้ความเห็น  ส่วนจะเห็นคณะกรรมการฯเกิดเมื่อใด นายชวน ระบุว่าอย่าเพิ่งกำหนดเวลา เพราะต้องใช้เวลาในการประสานในแต่ละคน ซึ่งตนจะพยายามไปคุยส่วนตัว  และหลายท่านก็ยังบอกว่าไม่สะดวก 

ส่วนตัวแทนของผู้ชุมนุมถ้าเข้าร่วมด้วยก็จะเป็นประโยชน์มาก จึงได้ให้ทางเลขาฯสถาบันพระปกเกล้าไปประสาน  ซึ่งไม่อยากให้สื่อตั้งเงื่อนไขว่าผู้ชุมุนมจะเข้าร่วมหรือไม่ เอาเป็นว่าเราเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปเชิญชวนให้เขามาร่วมแก้ไขปัญหาส่วนรวม โดยการหารือวันนี้ พูดคุยกันเฉพาะเรื่องของโครงสร้างคณะกรรมการฯ ไม่ได้มีการพูดคุยถึงข้อเรียกร้องต่างๆรวมถึงข้อเรียกร้อง 3 ข้อของผู้ชุมนุม หรือที่ทางพรรคก้าวไกลระบุว่า ต้องมีการคุยในประเด็นปฏิรูปสถาบัน จึงจะเข้าร่วมเพราะเห็นว่า ใครจะตั้งธงอย่างไรก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการว่าจะหารือพูดคุยในเรื่องอะไรบ้าง

ประธานสภาฯ กล่าวด้วยว่าการเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อลดความกังวลของประชาชน ซึ่งข้อเรียกร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประธานวุฒิสภาได้มามีส่วนร่วมโดยมองว่าเมื่อมีสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีในการประชุมครั้งล่าสุด ถือเป็นครั้งแรกที่นายกฯให้การสนับสนุน ซึ่งก็ถือเป็นสัญญาณแรกที่จะลดความรู้สึกของผู้ที่อยากจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ  และมีแนวโน้มว่าจะมีการแก้  ส่วนการอภิปรายที่จะมีขึ้นนั้น ได้วางแนวว่าไม่อยากให้นำเรื่องสถาบันมาเป็นเงื่อนไข โดยถือหลักตามรัฐธรรมนูญว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ ฉะนั้นเราพยายามจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นเงื่อนไขที่ 2 ฝ่ายทะเลาะหรือเผชิญหน้ากัน

ส่วนเรื่องการชุมนุม แม้เป็นภารกิจที่รัฐบาลดูแลอยู่  แต่ถ้ามีส่วนใดที่สภาสามารถช่วยบรรเทาปัญหาได้บ้างก็ยินดี โดยได้มอบภารกิจให้เลขาฯสถาบันพระปกเกล้า ที่มีหน่วยงาน มีบุคลากรเรื่องความปรองดอง ก็ให้มาร่วมในการทำงานด้วย ไม่ได้กำหนดเรื่องระยะเวลาแต่คิดว่าวิธีการที่เราพยายามแก้ปัญหาส่วนรวมก็คือพยายามคุยกัน อย่างน้อยที่สุดก็จะลดความขัดแย้ง รุนแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันพระปกเกล้าได้เผยแพร่เอกสารระบุถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่าจำนวนกรรมการที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 7-9 คน โดยรูปแบบที่ 1 ผู้แทนจากฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งในรูปแบบนี้ มีข้อห่วงกังวล คือ 1.ตัวแทน 7 ฝ่าย อาจมีองค์ประกอบที่ไม่สมดุล น้ำหนักเอนเอียงเข้าข้างรัฐบาล ทำให้มีกรรมการจะไม่ได้รับรับความไว้วางใจ 

2.ต้องระมัดระวังในการจัดหาผู้เอื้อกระบวนการ ซึ่งควรเป็นคณะทำงานจากหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วน ไม่ควรผูกขาด, การจัดวาระการประชุมและการยอมรับในตัวประธานคณะกรรมการ 

3.โอกาสที่พรรคฝ่ายค้านไม่ร่วมมีสูง และ 4.การหาตัวแทนฝ่ายผู้ชุมนุมเป็นไปได้ยาก 

ส่วนรูปแบบที่ 2 การมีคนกลางนั้น มีข้อดีคือ ทำให้รัฐสภาเป็นพื้นที่ของการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ ส่วนข้อห่วงกังวลคือการยอมรับในตัวประธานคณะกรรมการและกรรมการ.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"