2 พ.ย.63  - ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการรับสมัครสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ปทุมธานี และสังเกตการณ์การจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก

นายอิทธิพร กล่าวถึงการรับสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นวันแรกว่า เห็นความคึกคัก ความตื่นตัวของผู้สมัครและผู้สนับสนุน ซึ่งเป็นภาพที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงการตื่นตัวของประชาชนต่อการเลือกตั้งท้องถิ่น  ที่เริ่มจากการเลือกตั้ง อบจ. ที่จะมีขึ้นวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ส่วนการรับสมัครจะมีจนถึงวันศุกร์ที่ 6 พ.ย.นี้ ขั้นตอนจากนั้นจะมีการประกาศรายชื่อผู้สมัครอีก 3 วันนับจากนั้น ส่วนเรื่องการหาเสียงการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น จะต้องดูมาตรา 65 ของ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 เป็นหลัก ซึ่งจะมีการห้ามหาเสียงในลักษณะคล้ายกับการหาเสียง ส.ส. 

อาทิ ห้ามซื้อเสียง ห้ามแสดงมหรสพ ก็แนะนำว่ามาตรา 65 ผู้สมัครและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ส่วนมาตรา 34 ที่ทำให้นักการเมืองกังวลนั้น มาตรา 34 เกี่ยวกับการห้ามไม่ให้ข้าราชการการเมือง ส.ส. ส.ว. ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกท้องถิ่น กระทำการโดยมิชอบด้วยหน้าที่และอำนาจ เป็นการกลั่นแกล้งผู้สมัคร หรือดำเนินการใด ๆ ที่จะให้คุณให้โทษแก่ผู้สมัคร เป็นการห้ามกลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่ให้ทำเช่นนั้น แต่ไม่ได้ห้ามคนอื่น

เมื่อถามว่าฝ่ายการเมืองมองว่าการที่กฎหมายเขียนแบบนี้เป็นการบั่นทอนสถาบันพรรคการเมืองหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกัน เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่น การสมัครก็เป็นการสมัครในนามตัวเอง พรรคการเมืองสามารถให้การสนับสนุนได้ ไม่ได้มีใครห้าม ไม่ได้มีการบั่นทอน

ถามว่าสามารถเอาโลโก้พรรคการเมืองติดป้ายหาเสียงผู้สมัครได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ได้ครับ เข้าใจว่าทำได้ แต่จะเอาไปตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องได้รับความยินยอมจากพรรคให้ใช้โลโก้พรรค

เมื่อถามว่าหากมีการเอาภาพ ส.ส. หรือรัฐมนตรีใส่ป้ายหาเสียงได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ในความเห็นเบื้องต้นไม่น่าจะเกี่ยวกัน หากไม่กระทบจริง ๆ ก็ไม่ได้ห้าม ส่วนจะได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับที่เรามองว่าผู้สมัครท่านนั้นมีใครเป็นผู้สนับสนุนแล้วจะได้เปรียบผู้สมัครรายอื่น แต่จริง ๆ ไม่ได้ห้าม ทั้งนี้ต้องย้อนกลับไปที่มาตรา 34 เรื่องบทบาทของผู้ที่เกี่ยวข้องในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้เราเห็นว่ามีความสำคัญและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงขอความเห็นจากคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย กกต. และ กกต.จะมีการพิจารณาในวันที่ 3 พ.ย.นี้ เพื่อให้ความชัดเจน และตอบคำถามพรรคภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อไทยที่ทำข้อซักถามมายัง กกต. ซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลาที่ กกต.จะต้องตอบคำถามพรรคการเมืองไม่เกิน 30 วัน