2 พ.ย. 63 - นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เปิดเผยว่า ได้อภิปรายในที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ได้เสนอทางออกของประเทศในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองขั้นรุนแรงของไทย เสนอให้ใช้การออกเสียงประชามติถามประชาชนทั้งประเทศแทนการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ เพราะเห็นว่าการยุบสภาจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีปัญหามากขึ้น และการยุบสภาไม่สามารถยุติความขัดแย้งจากการชุมนุมทางการเมืองได้ จึงขอเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หากจะหาทางออกของประเทศให้ได้ผล ต้องให้ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนร่วมใช้อำนาจอธิปไตยตัดสินปัญหาสำคัญนี้
โดยหากเป็นไปได้ ขอเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้คณะรัฐมนตรีมีมติจัดให้มีการออกเสียงประชามติ โดยประชาชนทุกคนทั้งประเทศ ซึ่งมีสิทธิ์ออกเสียงประชามติ 52 ล้านคนให้มีส่วนร่วมโดยตรงตัดสินปัญหาสำคัญของชาติในครั้งนี้ เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยทางตรงให้ได้ข้อยุติว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการจัดชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความสงบเรียบร้อยของสังคมไทย
แต่ยังมีปัญหาข้อกฎหมายว่าจะตั้งคำถามอย่างไรจึงจะไม่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 166 ซึ่งบัญญัติว่า “ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร คณะรัฐมนตรีจะขอให้มีการออกเสียงประชามติในเรื่องใดอันมิใช่เรื่องที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือเรื่องที่เกี่ยวกับตัวบุคคลหรือคณะบุคคลใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ”ดังนั้นขอเสนอให้ตั้งคำถามประชามติที่เป็นไปรัฐธรรมนูญมาตรา 166 ดังนี้
“ท่านเห็นอย่างไร หากรัฐบาลใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด ห้ามไม่ให้มีการจัดชุมนุมทางการเมืองที่ฝ่าฝืนกฎหมายชุมนุมสาธารณะ มีการกระทำก้าวล่วงรัฐธรรมนูญมาตรา 6 อันเป็นเหตุให้กระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และมีผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่มีผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะจากความขัดแย้งของคนในชาติ และให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนสามารถดำเนินการได้ลุล่วง รัฐบาลจึงจะใช้มาตรการทางกฏหมายขั้นเด็ดขาดห้ามชุมนุมการเมืองดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2 ปีนับจากวันออกเสียงประชามติ”
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ทางออกของประเทศโดยการให้ประชาชนที่มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งประเทศ 52 ล้านคน ออกเสียงประชามติ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคำถามประชามตินั้นให้มีผลเป็นข้อยุติ หากผลการออกเสียงประชามติเสียงข้างมากเห็นด้วยกับรัฐบาล เมื่อเป็นมติของประชาชนเสียงข้างมากทั้งประเทศ ให้รัฐบาลสามารถใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด ห้ามชุมนุมการเมืองดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2 ปีนับจากวันออกเสียงประชามติ จะทำให้ยุติปัญหาที่เกิดจากการชุมนุมการเมืองไประยะเวลาหนึ่ง เพียงพอที่รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจช่วยเหลือเยียวยาประชาชนพ้นวิกฤติผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 แต่หากประชาชนเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยกับมาตราการของรัฐบาลตามคำถามประชามติ รัฐบาลก็ไม่ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายใดๆขัดแย้งกับมติเสียงข้างมากของประชาชน
ทั้งนี้เพื่อให้การออกเสียงประชามติซึ่งเป็นทางออกของประเทศ ทำได้รวดเร็วและประหยัดงบประมาณแผ่นดิน จึงเสนอให้การออกเสียงประชามติทำพ่วงไปพร้อมกับการเลือกตั้ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และนายก อบจ. ทั้ง 76 จังหวัดในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ กำหนดเพิ่มเขตกรุงเทพมหานคร ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดออกเสียงประชามติเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้ใช้งบประมาณทำประชามติจำนวนไม่มาก
และการหาทางออกของประเทศด้วยการจัดให้ออกเสียงประชามติ เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 173 ตราเป็นพระราชกำหนดว่าด้วยการออกเสียงประชามติขึ้นใช้เฉพาะครั้งนี้ เนื่องจากเป็นกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ และคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน ที่มีความจําเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
"เชื่อว่าหลังจากมีออกเสียงประชามติแล้ว จะทำให้ประชาชนทุกคนทั้งประเทศมีส่วนร่วมใช้อำนาจอธิปไตยโดยตรง แก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งกำลังเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฏร 63 มีปัญหากับกลุ่มประชาชนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคณะราษฏร 63 กำลังทวีความขัดแย้งขยายวงกว้างขึ้น อาจจะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นมาในอีกไม่นาน ซึ่งไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้น จึงควรหาทางออกของประเทศโดยสันติวิธี ด้วยการขออำนาจอธิปไตยของประชาชนทุกคนทั้งประเทศผ่านการออกเสียงประชามติตัดสินปัญหาสำคัญให้ได้ข้อยุติ จึงจะสามารถหยุดยั้งปัญหาความขัดแย้งครั้งใหญ่ของไทยได้" นายไพบูลย์ ระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |