'ไทยภักดี'พรึ่บสวนลุมฯ 'วรงค์'ห้ามแตะสถาบัน


เพิ่มเพื่อน    


    กลุ่มไทยภักดีพรึ่บ! สวนลุมฯ "หมอวรงค์" อ่านแถลงการณ์ค้านแก้ รธน.60 แจง 14 เหตุผล  แม้ไม่แตะหมวด 1-2 ก็ไม่ยอมรับ ห่วงพวกจ้องล้มล้างสถาบัน เชื่อประเทศมีทางออกโดยไม่ต้องปฏิวัติ   ด้าน "อุ๊" แฉมียุทธศาสตร์​ปิดฟ้าข้ามทะเลล้างสมองเยาวชนไทย ลั่น! สู้ถึงที่สุดไม่คิดยอมแพ้
    เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม เวลา 17.00 น. ที่สวนลุมพินี​ กลุ่มไทยภักดีนัดรวมพลสวมเสื้อสีเหลืองแสดงจุดยืนปกป้องสถาบัน พร้อมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นางสาวหฤทัย ม่วงบุญศรี หรืออุ๊ เป็นแกนนำ ก่อนที่ในเวลา 18.00 น.จะร่วมเคารพธงชาติพร้อมกันและยุติการชุมนุม ไม่ปักหลักค้างคืน 
    ทั้งนี้ นพ.วรงค์ได้อ่านแถลงการณ์คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่างใหม่โดยตั้ง ส.ส.ร. โดยยก  14 เหตุผลไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญ หลักๆ คือเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติเสียงข้างมาก 16.8  ล้านเสียง มีพรรคการเมืองบางพรรคจ้องอาศัยล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การล้มล้างสถาบันและแบ่งแยกประเทศ โดยอาศัยม็อบมากดดัน 
    นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ยังมีจุดเด่นเรื่องของการปราบโกง ตัดสิทธิ์ ส.ส.ตลอดชีวิตในคดีทุจริต ซึ่งนักการเมืองไม่ชอบ ขณะเดียวกันยังใช้ระบบเลือกตั้งแบบใบเดียว ทำลายระบบตระกูลนักการเมือง เจ้าพ่อนักเลง และหาก ส.ว.ชุดนี้สิ้นสุดลงตามบทเฉพาะกาลจะมีความอิสระ เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งจากประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ นอกจากนี้การที่จะต้องร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญรวม 11 ฉบับ มีโอกาสที่จะนำเรื่องของการนิรโทษกรรมมายัดใส่   
    ประธานกลุ่มไทยภักดียังกล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่กลุ่มไทยภักดีกังวลมี 2 ประเด็นใหญ่ คือกังวลว่าจะล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเมื่อเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญปี 2560 กับรัฐธรรมนูญที่ผ่านๆ มา จะพบว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ปกป้องประชาชนและประเทศชาติได้มากกว่า 
    ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมและ LGBT มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้สร้างความเหลื่อมล้ำให้กับเพศทางเลือกนั้น เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ ซึ่งกลุ่มไทยภักดีใจกว้างมากเพราะมี LGBT ค่อนข้างมาก อีกทั้งยืนยันว่าคำแถลงการณ์ 14 ข้อ คือสิ่งที่วิเคราะห์กันแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ 
    ส่วนประเด็นที่มีการเสนอให้นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อาจจะมาแก้ไขวิกฤติ ทางการเมืองโดยการเป็นนายกฯ คนนอกนั้น นพ.วรงค์ระบุว่าไม่มีปัญหา เพียงแต่ขอให้ฟังเสียงให้รอบด้าน  
    สำหรับกรณีท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่มีการผ่อนปรนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ประธานกลุ่มไทยภักดีบอกว่า ฝ่ายที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญพูดถึงปัญหาเรื่องสมาชิกวุฒิสภา หรือในมาตรา 272 ในการที่ ส.ว.ใช้สิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรี หากจะมีการอ้างมาตรานี้ก็ต้องแก้ไขเฉพาะมาตรานี้เท่านั้น  แต่ถ้าหากอ้างมาตรานี้แล้วก็ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะเหมือนกับหลังคารั่วก็ต้องแก้ที่หลังคา แต่ถ้าหลังคารั่วแล้วรื้อทั้งหลังก็จะไม่สามารถไปด้วยกันได้ 
    ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่าให้มีการปฏิวัติ เพื่อเปิดทางไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ  นพ.วรงค์กล่าวว่า ยังมีแนวทางที่ดีกว่านี้ เพราะสังเกตว่าช่วงหลังมานี้มีนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมน้อยลง จึงขอขอบคุณที่เข้าใจสถานการณ์ในการไตร่ตรองสถานการณ์รอบด้าน เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์จะค่อยๆ คลี่คลาย 
    กรณีที่นักศึกษาเชื่อว่าเมื่อมีการตั้ง ส.ส.ร.ทั่วประเทศ จะทำให้รัฐธรรมนูญเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายนั้น  นพ.วรงค์กล่าวว่า เรื่องนี้กลุ่มนักศึกษาเข้าใจผิด เพราะประสบการณ์ที่ตนคลุกคลีกับพรรคการเมืองมาก่อน เชื่อว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า และไม่เชื่อว่าการตั้ง ส.ส.ร.จะทำให้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความโปร่งใส
    "มีข้อสังเกตว่ารัฐบาลและฝ่ายค้านจ้องที่จะล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ แต่มีผลประโยชน์คนละมุม พรรคการเมืองบางกลุ่มจ้องที่จะทำลายสถาบัน และอีกพรรคการเมืองซึ่งเป็นส่วนใหญ่ ต้องการผลประโยชน์ของพรรคการเมืองและนักการเมือง ไม่ได้มีผลประโยชน์ของประชาชน  แม้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ผมเองก็รับไม่ได้ อยากให้ชี้แจงว่ารัฐธรรมนูญปี  2560 มีอะไรไม่ดี เพราะลดอำนาจกลุ่มทุน เพิ่มอำนาจให้ประชาชน"
    นพ.วรงค์ยืนยันว่า การออกแถลงการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มีความคิดที่จะให้เกิดม็อบชนม็อบหรือเกิดการเผชิญหน้าแต่อย่างใด
    ด้าน น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี หรืออุ๊ ระบุว่า การชุมนุมวันนี้เพื่อต้องการใช้ข้อมูล ใช้ข้อเท็จจริงอีกด้านผ่านวิกฤติ​ และภาวนาให้ไม่มีเหตุบานปลายเกิดขึ้นในประเทศของเรา และห่วงว่าจะเกิดมิคสัญญี เกิดความรุนแรงในประเทศไทย
    น.ส.หฤทัย​ยังแฉยุทธศาสตร์​ "ปิดฟ้าข้ามทะเล" ของฝ่ายตรงข้าม เพื่อปิดหูปิดตาปิดการรับรู้ข่าวสาร ทำลายความเชื่อของเยาวชน ไม่ให้เชื่อถือพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ รวมถึงสื่อที่เสนอความจริงอีกด้านหนึ่ง พร้อมสร้างความเกลียดชังกับคนที่เห็นต่างว่าด้อยค่า ด้วยชุดถ้อยคำเช่น สลิ่มโง่, ล้าหลัง ดังนั้นเด็กที่ถูกใส่ชุดความคิดเหล่านี้จึงถูกล้างสมองให้มีความเกลียดชังต่อสถาบัน และทำให้ชาติของเราอ่อนแอ ซึ่งผู้ที่ต้องการให้เป็นเช่นนี้ก็เพื่อต้องการแทรกแซง ​หรือใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของไทย  เพื่อเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานที่มั่นช่วงชิงอำนาจ เพราะเราเป็นยุทธศาสตร์​สำคัญในเอเชียอาคเนย์​ จนทำให้เราอาจสูญเสียอธิปไต​ยและความเป็นทาสที่แท้จริงจะเกิดขึ้น ตนจึงขอประกาศจะไม่ยอมแพ้และจะต่อสู้กับความคิดเหล่านี้
    น.ส.หฤทัย​ยังโจมตีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีต​นายกรัฐมนตรี​ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าขอให้นายกฯ ​ฟังเสียงของประชาชนว่า ลืมไปแล้วหรือว่าท่านขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี​ด้วยการแต่งตั้งจากพระบาท​สมเด็จ​พระเจ้าอยู่หัว​ ก็เนื่องจากประเทศชาติเกิดมิคสัญญี มีคนออกมาต่อต้านเผด็จการทหาร และขออย่าลืมว่ากระบวนการ​ล้มสถาบันมีอยู่จริง ซึ่งมาในรูปพรรคการเมืองที่จ้องแก้กฎหมาย​ในหมวดของสถาบัน โดยมีนักวิชาการมหาวิทยาลัยที่ใส่ชุดความคิดให้นิสิตนักศึกษา​ และองค์กรเอ็นจีโอ รวมถึงสื่อโซเชียล​มีเดีย​ซึ่งให้ข้อมูลเป็นเท็จ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นในเวลา 18.00 น. กลุ่มไทยภักดีได้เชิญชวนผู้ร่วมชุมนุมรวมถึงผู้ที่อยู่ในละแวกสวนลุมพินียืนตรงเคารพธงชาติ ก่อนยุติการชุมนุม ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 
    วันเดียวกันนี้ ที่ถนนด้านหลังสถานีรถไฟชะอวด ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายพฤนท์ ปานจีน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลชะอวด นำชาวอำเภอชะอวดพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลือง  พร้อมนำพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมป้ายไวนิลพิมพ์ข้อความต่างๆ เกี่ยวกับการปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ธงชาติไทยและธงพระปรมาภิไธย วปร.มารวมตัวกันแสดงเจตนารมณ์ปกป้องสถาบันชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์
    จากนั้นได้ตั้งริ้วขบวนเดินเทิดทูนและปกป้องสถาบันไปตามถนน ผ่านย่านชุมชนตลาดอำเภอชะอวด ไปเลี้ยวกลับบริเวณเชิงสะพานท่าประจะ ระยะทางเกือบ 1 กม. ก่อนจะกลับมายังจุดเดิมหลังสถานีรถไฟชะอวดแล้วร่วมกันร้องเพลงชาติไทย เสร็จแล้วนายพฤนท์ นายกเทศมนตรีตำบลชะอวด ได้นำอ่านแถลงการณ์ปฏิญาณตนในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมประณามผู้ที่ล่วงละเมิดจาบจ้วงสถาบันทุกกรณี และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องตลาดชะอวด ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความสงบเรียบร้อย
    นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แสดงให้เห็นว่าสถาบันยังเป็นที่เคารพและเทิดทูนของพี่น้องประชาชนคนไทยอยู่เสมอ และอยากให้คนไทยทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันที่อยู่เคียงคู่กับประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน จะต้องรักษาไว้ให้อยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป และจะต้องเทิดทูนไว้เหนือหัว เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องทำให้สถาบันอยู่เหนือการเมือง และต้องไม่ยอมให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแอบอ้างนำสถาบันมาเป็นประโยชน์ทางการเมืองให้ฝ่ายของตัวเอง
    จากข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันของกลุ่มคณะราษฎร 2563 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญ และจัดเวทีพูดคุยทำความเข้าใจระหว่างกลุ่มคณะราษฎร 2563 กับฝ่ายรัฐบาล เพื่อไม่ให้ข้อขัดแย้งลุกลามขยายตัวไปมากกว่านี้ และต้องหาทางออกให้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้จงได้เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง 
    "ผมมั่นใจว่าประชาชนคนไทยทุกคนยังคงรักสถาบันอยู่มิเสื่อมคลาย แต่อยากจะให้รักสถาบันกันอย่างมีสติ และต้องแยกสถาบันออกจากปัญหาทางการเมืองของรัฐบาลให้ได้ จากข้อเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับข้อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการจัดตั้ง  ส.ส.ร. ต้องไม่เกี่ยวข้องกับสถาบัน มิฉะนั้นจะเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความสับสนและความแตกแยกในหมู่ประชาชนคนไทยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด" นายเทพไทกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"