"บิ๊กตู่" ขอม็อบอย่าทำให้เหตุการณ์บานปลาย หลัง "ไผ่ ดาวดิน" ประกาศยกระดับปิดถนนมิตรภาพ "สุวัฒน์" สั่ง ตร.เกาะติดบิ๊กเซอร์ไพรส์ 31 ต.ค. "สุชาติ" บุกหน้าเรือนจำให้กำลังใจคณะราษฎรถูกขังคุก "3 นิ้ว" ชุมนุมเซ็นทรัลเวสต์เกต-เดอะมอลล์บางกะปิ "ศาล" ยกคำร้องฝากขังปล่อยตัว "เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์" แต่เฮเก้อ โดนอายัดไปดำเนินคดีต่อที่ สภ.นนทบุรีและอุบลราชธานี ส่วน "อานนท์" นอนคุกต่อไม่ได้ประกัน "ปิยบุตร" เต้น! เจอหมายเรียกคดีผิด ม.116 "บิณฑ์" นัด 1 พ.ย. ไปวัดพระแก้วเฝ้าฯ รับเสด็จ "ในหลวง-พระราชินี" กลุ่มอาชีวะ 30 สถาบันออกปกป้องสถาบัน
มีความเคลื่อนไหวการชุมนุมทางการเมืองที่น่าจับตา หลังจากช่วงค่ำวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา บริเวณศูนย์อาหารและบริการ 1 คอมเพล็กซ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กลุ่มดาวดินและกลุ่มขอนแก่นพอกันที ได้จัดชุมนุมภายใต้ชื่อ “ราษฎรทั้งหลาย พึงรู้เถิดว่า โทรโข่งนี้เป็นของประชาชนทุกคน” โดยมีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” และกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ ซึ่งถูกจับกุมและถูกปล่อยตัวออกมาอีก 6 คนร่วมด้วยเป็นแกนนำ
โดยตอนหนึ่งนายจตุภัทร์ระบุว่า "สำหรับการยกระดับปิดถนนมิตรภาพ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขนาดนายกรัฐมนตรียังไม่ลาออก การเคลื่อนไหวก็มีการยกระดับขึ้นไปเรื่อยๆ และจะเพิ่มขึ้นมากอีก รอดูแล้วกันต่อไปว่าจะปิดหรือไม่ปิดถนนมิตรภาพ"
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการยกระดับปิดถนนมิตรภาพเพื่อชัตดาวน์ กทม.ว่า ทำได้ก็ทำไป แต่อยากให้สังคมช่วยกันดูแลตรงนี้ คนที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่ตน แต่เป็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการจราจรและการขนส่งสินค้า ถ้าเป็นคนที่ดีก็ไม่ควรกระทำในพื้นที่ที่เป็นสาธารณะ เพราะทำให้เกิดปัญหา และทำให้เกิดความขัดแย้งต่อไปเรื่อยๆ
"ผมก็เข้าใจว่าการชุมนุมก็จะต้องทำเช่นนี้ ทุกคนต้องระมัดระวังซึ่งกันและกัน รวมถึงเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จะมาบอกว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมไม่ได้ หากไม่กระทำความผิดก็ไม่ถูกบังคับใช้ตามกฎหมาย ผมขอร้องว่าอย่าทำให้เหตุการณ์บานปลาย ไม่ส่งผลดีกับใครแม้แต่คนเดียว มีแต่กระพือข่าวได้มากขึ้น แต่ประเทศชาติพังไปเรื่อยๆ ก็แล้วแต่จะคิดก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้กำชับสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลติดตามสถานการณ์และดูแลการชุมนุมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรระบุจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันมีแผนรับมือเรื่องการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและผู้ชุมนุมอยู่แล้ว โดยตำรวจมีการติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ทั้งในทางการข่าวและโซเชียลฯ หากมีการเคลื่อนไหวกรณีพิเศษ กำลังที่จะเสริมก็พร้อมตลอดเวลา
ถามว่า ในการชุมนุมวันที่ 31 ธ.ค. หลายฝ่ายเกรงจะเกิดความรุนแรงและบานปลายระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุม 2 ฝ่าย โฆษก ตร.กล่าวว่า ตำรวจมีความพร้อมในการรับมือในทุกสถานการณ์ เชื่อว่าสามารถปรับแผนเข้าดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง ผบ.ตร.ลงไปดูแลและช่วยวางแนวทางร่วมกับ บช.น. เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะทำหน้าที่รักษากฎหมายและรักษาความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุมได้เป็นอย่างดี
3นิ้วชุมนุมหน้า2ห้างดัง
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ บางเขน และทัณฑสถานหญิงกลาง คณะนักเขียนบรรณาธิการ ตลอดจนพี่น้องผองเพื่อนผู้เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ นำโดยนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ จัดกิจกรรมเยี่ยมเยียนให้กำลังใจนิสิต นักศึกษา และนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ยังคงถูกจับกุมคุมขัง โดยมีการอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้อง และอ่านบทกวีให้กำลังใจ แสดงจุดยืนการแสดงออกของนักประชาธิปไตย
นายสุชาติได้อ่านแถลงการณ์ระบุข้อเรียกร้องดังนี้คือ 1.ขอให้รัฐหยุดคุกคามประชาชน 2.ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก เพราะเป็นเสมือนสารตั้งต้นทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง 3.ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และ 4.ปล่อยแกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวโดยไม่มีเงื่อนไข
สำหรับที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรถูกคุมขังทั้งหมด 6 คน คือ 1.นายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ 2.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน 3.นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข 4.นายภาณุพงศ์ จาดนอก 5.นายเอกชัย หงส์กังวาน 6.นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ส่วน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และนายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือตัน ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำบางขวาง รวมทั้งหมดถูกควบคุมตัว 8 คน
ทั้งนี้ กลุ่มคณะกวีไม่ได้เข้าเยี่ยมแกนนำ เนื่องจากทั้งหมดอยู่ในช่วงระหว่างการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ในเรือนจำ
ส่วนที่เซ็นทรัลเวสต์เกต เวลา 17.00 น. เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี จัดชุมนุมหน้าห้างเซ็นทรัลเวสต์เกต โดยคนมาร่วมชุมนุมส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา แต่เป็นไปอย่างบางตา เนื้อหาการปราศรัยโจมตีระบบการศึกษา และยังมีประเด็นหมิ่นเหม่ต่อสถาบันเบื้องสูง กระทั่งเวลา 18.00 น. ผู้มาร่วมชุมนุมได้ร่วมกันนั่งฟังเพลงชาติและชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว
ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางกะปิ กลุ่มนักเรียนนักศึกษาบางกะปิจัดการชุมนุมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนัดชุมนุมตั้งแต่เวลา 16.30 น. มีการนำป้ายสีขาวมาวางไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่เข้าร่วมได้เขียนข้อความแสดงความคิดเห็นความรู้สึกต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่อมาเวลา 18.00 น. ได้ร่วมกันยืนตรงเคารพธงชาติ พร้อมชู 3 นิ้ว และเริ่มการปราศรัย โดยมีผู้ชุมนุมเข้าร่วมประมาณหลักร้อย
วันเดียวกัน ศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอฝากขัง ที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขังกลุ่มแกนนำและผู้ปราศรัยคณะราษฎร 2563 ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงก์ ในคดีชุมนุม "19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร" ซึ่งนัดชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.2563
ศาลพิจารณาในส่วนของไผ่ 2 สำนวน กรณีชุมนุม 19-20 ก.ย. และชุมนุม 13 ต.ค.2563 กับของหมอลำแบงก์ โดยมีคำสั่งยกคำร้อง ให้เหตุผลว่า ไม่ปรากฏว่าพยานที่จะสอบสวนเป็นใคร มีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์การกระทำผิดอย่างไร ที่อ้างว่ารอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรนั้น ไม่มีเหตุผลแสดงการสอบสวนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร การฝากขังต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ เมื่อไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องฝากขังต่อไป ให้ยกคำร้อง
ขณะที่ในส่วนของไมค์ หลังพนักงานสอบสวนยื่นฝากขังครั้งที่ 3 ศาลเห็นว่ามีการฝากขังไป 2 ครั้ง 10 วัน เพียงพอที่จะสอบสวนพยานบุคคลที่อ้างว่าสอบทั้งหมด 6 ปาก การรอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรนั้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใดว่ามีความยุ่งยากที่จะต้องฝากขังต่อ ศาลต้องคำนึงถึงสิทธิผู้ต้องหาไม่ให้ขาดเกินกว่าความจำเป็น กระทบต่อสิทธิเสรีภาพ หากการสอบสวนเสร็จสิ้น ก็สามารถนำตัวมาฟ้องได้ ไม่จำเป็นต้องขังระหว่างสอบสวน ยกคำร้อง
เก้อ'เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์'คุกต่อ
ส่วนของเพนกวินและรุ้ง ศาลยกคำร้องฝากขังด้วยเหตุผลเดียวกัน โดยเพิ่มเติมว่า ศาลต้องคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาทั้งสองที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐอันเป็นประการสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ไผ่ได้รับการประกันตัวจากศาลอุทธรณ์ และได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปแล้ว ในส่วนของเพนกวิน, รุ้ง, ไมค์ และหมอลำแบงก์ ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว แต่เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องการฝากขังแล้วทั้ง 4 คน จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
ช่วงค่ำ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมอลำแบงก์ได้รับการปล่อยตัวตามคำสั่งศาล แต่ในส่วนของเพนกวิน, รุ้ง และไมค์ แม้ศาลจะให้ปล่อยตัวในคดีนี้ แต่ก็ยังถูกอายัดตัวอีกครั้ง เรื่องจากพนักงานสอบสวน สภ.นนทบุรี และ สภ.พระนครศรีอยุธยา ประสานอายัดตัวทั้ง 3 ราย โดยเพนกวินมีคดีเพิ่มจากตำรวจที่ จ.อุบลราชธานีอีกต่างหาก ซึ่งทั้งหมดเป็นคดีเกี่ยวกับการชุมนุม ดังนั้นจึงถูกนำตัวไปที่ สน.ประชาชื่น เพื่อลงบันทึกประจำวัน และถูกส่งตัวต่อไปที่ สภ.นนทบุรีและ สภ.อยุธยา รวมทั้งคดีที่ จ.อุบลราชธานีของเพนกวิน เพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหาและถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป
ที่ศาลอาญา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามได้ยื่นฝากขังครั้งแรก นายอานนท์ นำภา อายุ 37 ปี แกนนำคณะราษฎร 2563 ผู้ต้องหาคดีชุมนุมจัดกิจกรรมปักหมุดคณะราษฎรที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวแล้ว ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้น
ต่อมาทนายความของนายอานนท์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลอุทธรณ์ ล่าสุดศาลอุทธรณ์มีคำสั่งลงวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมาให้ยกคำร้อง ซึ่งปัจจุบันนายอานนท์ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยจะครบกำหนดฝากขังครั้งแรกวันที่ 1 พ.ย.นี้
ด้านสถานีตำรวจนครบาลพญาไท มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้ออกหมายเรียกเลขที่ 4/742 ให้นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน”
โดยให้นายปิยบุตรมาพบพนักงานสอบสวนที่ สน.พญาไท ในวันที่ 5 พ.ย.2563 ในเวลา 10.00 น. โดยหมายเรียกได้ปั๊มตัวหนังสือสีแดงมุมขาวบนหนังสือ ระบุว่า หมายเหตุหากไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก อาจเป็นเหตุให้ท่านถูกออกหมายจับได้
นายปิยบุตรโพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul หลังทราบตำรวจ สน.พญาไท ออกหมายเรียกว่า ไม่ทราบว่าตำรวจอ้างการกระทำใดของผมที่เป็นความผิดตามมาตรา 116 เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วได้ไปบรรยายให้กับ กมธ.ความมั่นคงฯ ของสภาผู้แทนราษฎร เรื่องความผิดตามมาตรา 116 ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาใช้เป็นเครื่องมือกำจัดเสรีภาพกันมากในยุคสมัยนี้
"วันนี้มีประสบการณ์ใหม่อีกแล้ว โดนกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยุยง ปลุกปั่น” เป็นครั้งแรก สมัยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ใช้เสรีภาพแสดงออกเต็มที่ ไม่โดนคดีความใดๆ พอมาเป็นนักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ตรงข้ามกับคนมีอำนาจในระบอบนี้ ไม่ว่าจะใช้เสรีภาพแสดงออกในเรื่องใด ก็มีโอกาสที่จะถูกดำเนินคดีเสมอ"
ท้ายโพสต์นายปิยบุตรกล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะเดินทางไป สน.พญาไท ตามหมายเรียก และจะขออนุญาตถามตำรวจ พนักงานสอบสวน และผู้บังคับบัญชาของเขาด้วยว่า "เราต่างก็เรียนกฎหมายอาญากันมา ตำราเล่มเดียวกัน ทำไมพอมาเป็นตำรวจแล้วจงใจลืมไปหมด”
'บิณฑ์'นัด1พ.ย.เฝ้าฯรับเสด็จ
ด้านนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ขอชี้แจงเรื่องเฝ้าฯ รับเสด็จ ในหลวงและพระราชินี ในโอกาสที่เสด็จฯ ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนเป็นเครื่องทรงฤดูหนาว ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย.2563 เวลา 15.00 น. พระองค์ท่านจะเสด็จฯ เวลา 17.00 น. พวกเราจะได้มาเจอกันก่อนมาพูดคุยถึงวัตถุประสงค์ ระเบียบในการเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ
ที่ห้องประชุมเตาปูนแมนชั่น บางซื่อ กทม. นายอภิชิต เสมศรี ตัวแทนกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน และศิษย์เก่าสถาบันอาชีวะ รวมกว่า 30 สถาบัน ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ 7 ข้อ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
นายอภิชิตกล่าวว่า เหตุที่ต้องมีการรวมตัวเคลื่อนไหวแสดงจุดยืน เนื่องจากกลุ่มศิษย์เก่าได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่ากำลังมีกลุ่มคนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ให้ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนข้อเท็จจริง อีกทั้งยังพบว่ามีผู้ที่กำลังพยายามล่อลวงให้เกิดการใช้ความรุนแรงขึ้น ทางกลุ่มศิษย์เก่าจึงตัดสินใจรวมตัวเพื่อออกมาปกป้อง โดยเน้นไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมออกมาเรียกร้อง ก็เคารพความคิดเห็น และไม่ขัดขวางหากต้องการแสดงออก แต่ที่สำคัญต้องยึดหลักสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญของกลุ่ม
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเตือนสติคนรุ่นใหม่ที่แสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นสถาบัน ตอนหนึ่งระบุว่า พฤติการณ์การแสดงออกหลายอย่างในแต่ละค่ำคืนที่น้องรวมตัวกัน ผมคิดว่าน้องกำลังทำสิ่งที่เรียกว่าปฏิปักษ์มากกว่าปฏิรูป
"เมื่อน้องได้ส่งต่อความสะใจที่ไร้ความรับผิดชอบออกไปยิ่งไกลมากเท่าไหร่ น้องจงทำใจว่าน้องจะยิ่งเข้าใกล้ความเจ็บใจของคนที่เริ่มทนไม่ไหว ที่ทยอยเข้ามาหาเราสักวันหนึ่ง เพราะมันยังคงมีความรู้สึกที่ไม่อาจลบเลือนในใจของคนที่ถูกกระทำ แม้ไม่ใช่พ่อแม่เขาโดนตรง แต่เขารู้สึกไม่ต่างกัน สุขที่สะใจจะนำมาซึ่งทุกข์ที่ยิ่งใหญ่เสมอ" นายแทนคุณระบุ
ด้านพุทธะอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "เมื่อห้าวนัก งั้นก็จัดให้!" ระบุตอนหนึ่งว่า จากภาพข่าวที่เผยแพร่ในสังคมออนไลน์ “ติ๊กต๊อก” ชื่อคลิป “เชี่ย เอ้ย เชียร์” ในคลิปมีภาพเยาวชนหญิง-ชาย แต่งชุดนักเรียนในโรงเรียนพรตพิทยพยัต แขวง/เขตลาดกระบัง กทม. ตามภาพที่ปรากฏเยาวชนหญิง-ชายทั้ง 5 คนนี้ได้ทำกิจกรรมเชียร์อยู่ตรงหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ด้วยกิริยาท่าทางเข้าข่ายความผิดละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 6 มาตรา 50(1) และละเมิดกฎหมายอาญา มาตรา 116(3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
"วันนี้พุทธะอิสระเลยให้ทนายไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ณ สน.จรเข้น้อย เมื่อห้าวกันนัก งั้นก็จัดไป! ส่วน ผอ.โรงเรียน เดี๋ยวจะจัดให้ทีหลัง โทษฐานปล่อยปละละเลย ให้เด็กนักเรียนมาย่ำยีหัวใจคนไทยให้เจ็บปวด".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |