พี่ศรีสวนปิยบุตร พวก'ขี้แพ้ชวนตี' เสก'นิติสงคราม'


เพิ่มเพื่อน    


    “ศรีสุวรรณ” ตามบี้เรียกเงินเดือน ส.ส.“ธัญญ์วาริน”  คืนหลังศาลรัฐธรรมนูญชี้สิ้นสภาพ “ธนาธร-ปิยบุตร” งอแง โยงนิติสงครามทำให้เกิดม็อบ พี่ศรีอัดกลับ แค่การประดิดประดอยเล่นลิ้น ทั้งที่จริงฝ่าฝืนกฎหมาย
    เมื่อวันพฤหัสบดี ยังคงมีความต่อเนื่องกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส. จากการถือครองหุ้นสื่อ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวว่า พรรคสูญเสีย ส.ส.น้ำดีที่สู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมหลากหลายทางเพศ และถือเป็นประวัติศาสตร์ที่เป็น ส.ส.ข้ามเพศคนแรกของสภา แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกหวั่นไหว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกับ ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ตนเองไม่ควรต้องหลุดจาก ส.ส.กรณีบริษัทที่ถือหุ้นหยุดกิจการแล้ว และจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครหักล้างข้อมูลเรื่องการขายหุ้นได้ ไม่มีใครบอกได้ว่ามีเจตนาถือหุ้นสื่อเพื่อที่จะให้ข่าวที่เป็นคุณต่อตัวเอง แต่ ส.ส.ฝั่งรัฐบาลคนหนึ่งถือหุ้นสื่อ บริษัทยังดำเนินการอยู่ด้วยซ้ำ 
    “สิ่งที่เกิดกับธัญญ์วาริน ผม และน้องนิสิตนักศึกษา นักเรียน ประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องความเป็นธรรมในสังคม คือนิติสงคราม ใช้กฎหมายให้พวกเราหวาดกลัวต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคม พวกเรากำลังใจดี เรียนรัฐบาลว่าการคิดแบบนี้ คิดว่าถ้าเด็ดหัวแกนนำได้ เอาแกนนำเข้าคุกได้ เรื่องจะจบ เอาผม นายพิธา นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช เข้าคุกได้เรื่องจะจบ อันนี้คิดผิด เพราะตั้งโจทย์ผิด” นายธนาธรกล่าว  
    ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า กลายเป็น 2 ศาลตัดสินไม่เหมือนกัน คดีนายภูเบศวร์ เห็นหลอด อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ศาลฎีกาดูบริคณห์สนธิ เขียนผลิตสื่อ ทำสื่อโดนหมด โดยไม่ดูว่าประกอบกิจการสื่อจริงหรือไม่ แต่แนวศาลรัฐธรรมนูญดูว่าประกอบกิจการสื่อจริงหรือไม่ด้วย ซึ่งปัญหาการตัดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของนายภูเบศวร์จะคืนความเป็นธรรมอย่างไร ส.ส.หลายคน เรื่องไม่ควรไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่แรก สุดท้ายต้องการเล่นงานนายธนาธรคนเดียวใช่หรือไม่เลยเกิดปัญหา ใครจะเยียวยาความเสียหายของนายภูเบศวร์ อีกทั้งตอนนายธนาธร ศาลรัฐธรรมนูญบอกบริษัทปิด แต่ไม่ได้ปิดถาวร อาจกลับมาเปิดใหม่ก็ได้ แต่ของ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ปิดเหมือนกัน แต่ยกคำร้อง สุดท้ายแนวทางคำวินิจฉัยของศาลจะเป็นแบบไหนกันแน่ 
    นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องคัดคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นก็ตั้งเรื่องให้คณะทำงานพิจารณาเพื่อเอาผิดทางอาญา เพราะถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน เหมือนกรณีของนายธนาธร โดยต้องเอาผิดกับหัวหน้าพรรคด้วย เพราะแม้พรรคยุบไปแล้ว แต่ตัวตนยังอยู่ ส่วนเงินเดือน ส.ส.และรายได้อื่นๆ ที่นายธัญญ์วารินได้รับ 2 ปีที่ผ่านมาประมาณ 2 ล้านบาทเศษ ก็ต้องส่งคืนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แต่คงไม่มีดอกเบี้ย โดยเป็นหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องทำหนังสือเรียกเงิน    
    นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กถึงคดีนี้ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ ส.ส.อดีตพรรค อนค.ไปเล่นงาน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลก่อน จึงถูก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เล่นงานกลับเป็นการเอาคืนบ้าง ถ้า ส.ส.อดีตพรรค อนค.ไม่ไปเล่นงาน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลก่อน ก็คงไม่ถูก ส.ส.พรรค พปชร.เล่นงานกลับ อันเป็นเหตุนายธัญญ์วารินถูกศาลวินิจฉัยให้ขาดสมาชิกภาพ ส.ส. ดังนั้นผู้ที่ทำให้นายธัญญ์วารินต้องพ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส. ก็คือเพื่อนของนายธัญญ์วารินที่อยู่ในพรรคเดียวกันนั่นเอง หาใช่ใครอื่นไม่ เพื่อนเราเผาเรือน?
    วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณได้เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้เร่งดำเนินคดีอาญากับนายธนาธร และอดีตกรรมการบริหารพรรค อนค. 15 คน โดยเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไปตั้งแต่เมื่อ ก.พ.2563 และ กกต.ก็มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลดังกล่าวจึงควรรีบดำเนินการ ส่วนในเรื่องการเรียกเงินจำนวน 191.2 ล้านบาทเข้าเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ที่แม้ขณะนี้ กกต.ยังไม่มีข้อยุตินั้น สมาคมยืนยันว่า กกต.มีอำนาจเรียกเงินดังกล่าว แม้ขณะนี้ไม่มีพรรคอนาคตใหม่แล้ว เพราะพระราชบัญญัติประกอบ​รัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.) ​ว่าด้วยการพรรคการเมืองระบุว่า แม้พรรคจะถูกยุบแล้ว แต่อำนาจของกรรมการบริหารพรรคยังคงมีอยู่ ซึ่งต้องดำเนินการชำระบัญชีของพรรคให้เสร็จสิ้น 
    “เมื่อเสนอเรื่องไปยังศาลอาญาแล้วก็ต้องพ่วงค่าสินไหมทางแพ่งไปด้วย เพื่อให้ศาลได้วินิจฉัย เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ เพราะนอกจากคำพิพากษาโทษทางอาญาแล้ว คำสั่งของศาลสามารถดำเนินการได้ หากศาลสั่งให้คืนเงิน 191.2 ล้านบาท กกต.ก็นำคำสั่งศาลมีให้สำนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉบับที่ 30 พ.ศ. 2560” นายศรีสุวรรณกล่าว และว่า หาก กกต.ไม่ดำเนินคดีกับนายธนาธรในฐานบริจาคเงินให้พรรคการเมืองเกินกว่า 10 ล้าน กกต.ก็มีความผิด และก็จะร้อง ป.ป.ช.ให้ดำเนินการต่อไป
    นายศรีสุวรรณยังกล่าวถึงคำนิติสงครามที่นายปิยบุตรพยายามโยงว่า การกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใคร นักการเมือง นักธุรกิจ หรือผู้มีชื่อเสียง หากฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ส่วนที่ตัวเองเพลี่ยงพล้ำแล้วมาใส่ไคล้ว่ากระบวนการยุติธรรมที่มีเจตนาแอบแฝงในลักษณะที่เป็นนิติสงครามเพื่อทำลายกลุ่มตรงข้าม หากไปคิดอย่างนั้น สังคมจะอยู่กันได้อย่างไร หากไม่ยึดหลักกฎหมาย 
    “เมื่อศาลเอาผิดลงโทษ ก็มาโทษมาใส่ไคล้ว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วไปปลุกระดมกระทำการในลักษณะฝ่าฝืนกฎหมาย ปลุกระดมเด็กเยาวชน และพวกเดียวกันกับฝ่ายตัวเองให้มาก่อม็อบ นักการเมืองที่ดีต้องรอเป็น เมื่อหมดวาระของผู้ที่ชนะการเลือกตั้งไปแล้ว 4 ปี ก็กลับมาต่อสู้กันด้วยการลงเลือกตั้ง  ไม่ใช่พลาดพลั้งไม่ได้เป็นผู้ถืออำนาจก็กลับมาใช้วิธีการอื่นที่นอกกฎหมาย แล้วมาประดิดประดอยถ้อยคำว่าเป็นนิติสงคราม เพื่อเล่นลิ้นสร้างความฮึกเหิมให้กับฝ่ายเดียวกันขึ้นมา” นายศรีสุวรรณระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"