29 ต.ค. 2563 นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมได้สั่งการให้หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ เสนอกรอบวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาภายใน ต.ค. 2563 นั้น ในขณะนี้ ทล. อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของแต่ละโครงการต่างๆ ที่มีความพร้อมในการดำเนินการ ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี รวมถึงสามารถเชื่อมกับโครงการเดิมที่ได้ดำเนินการมาแล้ว หรืออยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อให้การใช้งบประมาณมีความคุ้มค่า และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับกรอบวงเงินปีงบประมาณ 2565 นั้น ในเบื้องต้น ทล. จะเสนอขอรับการจัดสรรงบฯ วงเงินประมาณ 3 แสนล้านบาท ที่ในปี 2564 ทล. ได้เสนอขอรับการจัดสรรงบฯ วงเงิน 2.6 แสนล้านบาท และได้รับการจัดสรรงบฯ วงเงิน 1.25 แสนล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 5.68 พันล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 1.20 แสนล้านบาท ทั้งนี้ โครงการในปี 2565 จะมีทั้งงานผูกพัน งานปีเดียว โครงการปรับปรุงและซ่อมบำรุงทาง รวมถึงโครงการใหม่ 3 โครงการ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน
ในส่วนของ 3 โครงการใหม่ดังกล่าว ประกอบด้วย 1.โครงการป้องกันอุบัติเหตุแยกวัดใจ บริเวณถนนทางหลวงที่ตัดกับถนนของหน่วยงานอื่น เช่น กรมทางหลวงชนบท (ทช.) องค์บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ถนนเลียบคลองชลประทานของกรมชลประทาน องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เป็นต้น ที่มีประมาณ 100 กว่าแห่งทั่วประเทศ และมักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานของ ทล.ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่า แยกวัดใจใดที่มีความอันตรายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงยังมีจุดใดเพิ่มเติม เพื่อที่จะดำเนินการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง ติดตั้งป้ายแจ้งเตือน รวมถึงสัญญาณไปจราจร และอื่นๆ ด้วย
2.โครงการป้องกันเหตุดินสไลด์ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ เนื่องจากถนนของ ทล. ในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนใหญ่แล้วจะตัดผ่านภูเขา โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่อาจจะทำให้ 2 ข้างทางเกิดดินสไลด์ได้ เช่น บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 1095 สายหนองโค้ง–แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นทางหลวงแผ่นดินระหว่างอ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และอ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน วงเงินประมาณ 400 ล้านบาท, ถนนทางหลวงหมายเลข 1081 สายท่าวังผา-ทุ่งช้าง จ.น่าน รวมถึงเส้นทางเชื่อมแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อาทิ เขาค้อ ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ และพื้นที่ภาคใต้ จ.ชุมพร-จ.ระนอง เป็นต้น ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ทีมธรณีวิทยา เขตทางหลวง แขวงทางหลวง ไปดำเนินการสำรวจและตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดดินสไลด์ตลอดเส้นทาง รวมทั้งพื้นที่เกิดปัญหาขึ้นบ่อยและซ้ำซาก เพื่อหาแนวทางมาตรการป้องกันปัญหาดินสไลด์ โดยมุ่งเน้นพื้นที่เสี่ยงเป็นลำดับแรกก่อน
และ 3.โครงการก่อสร้างจุดจอดพักรถขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัย และลดปัญหาอุบัติเหตุจอดรถไหล่ทางได้ โดยการดำเนินการนี้จะช่วยเสริมแผนดำเนินการโครงการก่อสร้างจุดจอดพักรถบรรทุก (TRUCK REST AREA) 36 แห่งทั่วประเทศของ ทล. โดยในปัจจุบัน ทล.อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ การก่อสร้างจุดจอดพักรถขนาดเล็กและขนาดกลางจะทยอยดำเนินการโดยพิจารณาจากงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปี
นายสราวุธ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับงบประมาณปี 2564 ทล.ได้รับการจัดสรรงบฯ ทั้งสิ้น 125,946.9253 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน 120,258.39 ล้านบาท หรือคิดเป็น 95.48% จำนวน 5,286 รายการ และงบรายจ่ายประจำ 5,688.53 ล้านบาท หรือ 4.52% ทั้งนี้ ในส่วนของรายจ่ายลงทุน 120,258.39 ล้านบาทนั้น ประกอบด้วย 1.รายการใหม่ วงเงิน 57,668.3124 ล้านบาท จำนวน 4,603 รายการ คิดเป็น 47.95% ในส่วนนี้จะมีงานปีเดียว 4,282 รายการ 46,058.112 ล้านบาท คิดเป็น 79.87%
ทั้งนี้ในส่วนของงานผูกพันใหม่ 89 รายการ 10,850.40 ล้านบาท คิดเป็น 18.81% ถัดมาเป็นงานจ้างที่ปรึกษา 67 รายการ 490.3648 ล้านบาท คิดเป็น 0.85% และงานครุภัณฑ์ 165 รายการ 269.4356 ล้านบาท คิดเป็น 0.47% 2.รายการผูกพันเดิม 48,233.49 ล้านบาท 332 รายการ 8คิดเป็น 40.11% 3.งานดำเนินการเอง 9,752.92 ล้านบาท 299 รายการ คิดเป็น 8.11% 4.ค่าที่ดิน 3,532.88 ล้านบาท 19 รายการ คิดเป็น 2.94% และ 5.รายการที่เบิกลักษณะงบประจำ 1,070.79 ล้านบาท 33 รายการ คิดเป็น 0.89%
อย่างไรก็ตามขณะที่โครงการใหม่ในปี 2564 มีจำนวน 4,603 รายการ อาทิ โครงการก่อสร้างจุดจอดพักรถบรรทุก (TRUCK REST AREA) 6 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีโครงการขนาดใหญ่ จำนวน 81 โครงการ ซึ่งในปีงบ 2564 นั้น งานโครงการขนาดใหญ่น้อยกว่าปีงบ 2563 เนื่องจากมีความจำเป็นในงานซ่อมบำรุง และอำนวยความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายเอกชัย-บ้านแพ้ว 16 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 21,687 ล้านบาท โดยจะใช้งบประมาณจากกองทุนมอเตอร์เวย์มาดำเนินการ
ทั้งนี้ คาดว่าทุกโครงการจะสามารถลงนามสัญญากับผู้รับจ้างได้ทั้งหมดในช่วงไตรมาส 1/2563 หรือภายใน ธ.ค. 2563 เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) หลังจากนั้นจะใช้เวลาประกวดราคาแค่ 1 เดือน โดยในเบื้องต้นได้มีการทยอยเปิดประกาศเชิญชวนแล้ว สำหรับโครงการที่ใช้ระยะเวลาดำเนินการนาน อาทิ งานก่อสร้างอาคาร งานปรับปรุงย่านชุมชนใช้เวลา 10 เดือน ซึ่งจัดอยู่ในแผนงานปีเดียว ดังนั้น จึงต้องรีบลงนามให้เร็วที่สุด
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |