โวย!สมาชิกลดฮวบ คำสั่งหัวหน้าคสช.พ่นพิษทั่วหน้า/ปชป.เหลือ 8หมื่นจาก2.5ล.


เพิ่มเพื่อน    

      “ประวิตร” โวพลังดูดไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ลั่นพร้อมสนับสนุน “ลุงตู่” สมชัยโผล่แนะไม่ควรเลือกคนโดนดูด “มาร์ค” ซัดวัฒนธรรมบิดเบี้ยวก็ควรเลิกหากคิดปฏิรูป “นิพิฏฐ์” แรงซัดทฤษฎีใช้โจรปราบโจรสุดท้ายได้โจรมาปกครอง เจ้าของบ้านซวยแน่ ไม่เกินคาดยืนยันสมาชิกพรรคเก่าแต่ละค่ายยอดลดฮวบ “ปชป.” เหลือ 8 หมื่น โวยกฎหมายอัปยศมุ่งทำลาย ปชป.ให้อ่อนกำลังลง พท.แตะๆ หมื่นคน เชื่อหลังปลดล็อกตัวเลขน่าจะกระเตื้องขึ้น
      เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกถึงกรณี ส.ส.จากกลุ่มการเมืองวิพากษ์วิจารณ์การดูด ส.ส.ว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็น และที่นักการเมืองวิจารณ์ว่าการกระทำดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญนั้นคิดว่าไม่เกี่ยว 
      ถามย้ำว่ามองอย่างไรที่นักการเมืองรุมวิพากษ์วิจารณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเป็นเรื่องฝ่ายการเมืองที่มารุม คสช.เอง แต่ คสช.ก็ทำงานไป ส่วนที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า คสช.เสนอว่าจะช่วยเหลือคดีความให้นั้น ก็ให้พูดไป เพราะไม่ทราบ และเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.
       ถามอีกว่ายืนยันหรือไม่ คสช.ไม่ได้ดูด ส.ส.อย่างที่นักการเมืองกล่าวหา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าตนเองไม่ได้ทำ จะให้มายืนยันได้อย่างไร และคนอื่นใน คสช.ก็ไม่ได้ทำ ส่วนที่นักการเมืองพูดนั้นก็ให้ไปถามนักการเมืองสิ มาถามตนเองได้อย่างไรเพราะไม่รู้ 
      ส่วนที่นายกฯ แสดงท่าทีว่าจะตั้งพรรคการเมืองจนเป็นสาเหตุว่าต้องดูด ส.ส.นั้น พล.อ.ประวิตรย้ำว่าไม่ทราบ ส่วนกรณีโหรวารินทร์ออกมาทำนายว่าลุงตู่จะเป็นนายกฯ อีกสมัย และจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น เป็นเรื่องของลุงตู่ ไม่ใช่เรื่องของลุงป้อม โดยพร้อมสนับสนุนท่าน แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำงานร่วมกัน
       ถามย้ำว่าจะทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ในยุค คสช.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า "อายุเยอะแล้ว"
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยอมรับว่านายกฯ ระบุว่าพูดแบบนั้นมันไม่ถูก และถ้าจะเรียกว่าดูด มันดูดได้หลายวิธี ทั้งสร้างความเข้าใจ สร้างแรงจูงใจ เพียงแต่เราสมมุติคำว่าดูดเพื่อเป็นวาทกรรมให้สะใจ แต่ความจริงอาจเป็นการชักชวนเข้ามาร่วมอุดมการณ์ ส่วนที่มองว่าขัดครรลองประชาธิปไตยนั้นคงไม่ขอตอบ เพราะวันนี้มันกลายเป็นวาทกรรมทางการเมืองที่กล่าวหากัน และยังตอบกันไม่ถูกว่ามันคืออะไร
      นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกระแสข่าวการใช้คดีเป็นเงื่อนไขต่อรองเพื่อดึงดูดให้ ส.ส.มาร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ว่า เขาคงกังวลต่อคดีที่มีอยู่มากกว่า แต่ต้องไปต่อสู้กันในศาล ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมคงไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และจะยังอยู่ในกระบวนการอีกหลายปี รัฐบาลสั่งเรื่องพวกนี้ไม่ได้ 
    เมื่อถามว่า บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีชื่อว่ารัฐบาลเข้าไปพูดคุยด้วยนั้น ส่วนใหญ่เป็นเจ้าพ่อและผู้มีอิทธิพล นายปณิธานกล่าวว่าไม่ทราบ แต่หากพูดถึงระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มันมีเรื่องที่ต้องทำงานในพื้นที่ นายกฯ เป็นห่วงว่าเมื่อลงทุนแล้วชาวบ้านจะไม่เข้าใจ คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคือกลุ่มคนที่ทำงานการเมืองอยู่แล้ว นี่เป็นเหตุผลสำคัญว่าเหตุใดจึงเลือกเจ้าของพื้นที่คนที่ทำงานการเมืองมาดูในโครงการเหล่านี้
แนะอย่าเลือกคนถูกดูด
    ต่อข้อถามว่า หากตั้งเป้าเช่นนั้นเหตุใดไม่ดึงคนเหล่านี้มาทำงานช่วงก่อนหน้านี้ แต่กลับดึงมาในเวลานี้ใกล้ช่วงการเลือกตั้ง นายปณิธานกล่าวว่าก่อนหน้านี้เป็นช่วงพิจารณากฎหมาย ถ้าดึงมาช่วงนั้นอาจมีคำถามว่าเข้ามาเพื่อกำหนดโครงสร้างอะไรหรือไม่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เหลือขั้นตอนที่จะนำทุกอย่างไปสู่ชาวบ้าน เพื่อพิจารณาว่าผลกระทบจริงๆ ถ้าไม่ให้เขามีภาระหน้าที่มีตำแหน่ง เขาอาจไม่ค่อยทำก็ได้ 
       นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เฟซบุ๊กไลฟ์เรื่องนี้ว่า เข้าใจว่าเป็นการเตรียมไปสู่การเลือกตั้งของแต่ละฝ่าย ซึ่งใครก็ตามที่ถูกดูดได้ เราไม่น่าจะเลือกเขา แปลว่าเขาไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่แน่นอน และไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อการเมืองไทย
      ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายกฯ พูดว่าการดูดเป็นวัฒนธรรมที่เคยทำมาว่า คำว่าวัฒนธรรมคือเรื่องเจริญงอกงาม แต่อะไรที่เคยๆ ทำมาแล้วเรียกว่าวัฒนธรรมก็ควรเปลี่ยนแปลง จะเอาทั้งสองอย่างไม่ได้ วันหนึ่งบอกว่าอยากให้การเมืองดีก้าวหน้า ถึงเวลาแล้วมาบอกว่าเรื่องที่ทำกันมาเป็นวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยก็ต้องทำอย่างนี้ต่อไป ถ้าคิดจะอนุรักษ์แบบเดิมก็ต้องยอมรับสภาพว่าทุกอย่างก็จะเป็นแบบเดิม แต่ถ้าอยากได้ของใหม่ก็ต้องกล้าบอกว่าบางเรื่องที่เคยทำมาต้องเลิกทำแล้ว ก็จะช่วยลดความขัดแย้ง 
“ของเก่าแบบเดิมเราเคยเห็นกันมากแล้ว ถ้ายังจะเอาแบบเดิมๆ อีกเราเข็ดหรือยัง ถามว่าจะมีคนที่ทำแบบเก่าๆ หรือไม่ ก็มีแน่ เดิมก็มีนักการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่ทำอย่างนั้น วันนี้ถ้าจะมาสร้างการเมืองใหม่ หรือเคยพูดเอาไว้ว่ามีหน้าที่สร้างการเมืองใหม่ มาทำเองก็เป็นการเมืองเก่า ฉะนั้นวันนี้ก็ต้องให้สังคมเป็นคนตัดสินต่อไปว่าจะเอาการเมืองเก่าหรือการเมืองใหม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว
    นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป.กล่าวว่า ตอนนี้ต้องระวังโรคระบาดที่อุบัติขึ้นใหม่ คือ โรคไข้เลือดออก เนื่องจากยุงชุมเพราะน้ำเน่า และคนที่ทำให้น้ำเน่าคือ คสช.และรัฐบาล เพราะเคยบอกแล้วว่าติดกระดุมเม็ดแรกผิด ไม่สนใจที่มา ต้องการแต่มือที่จะได้ ไม่ใช่แนวทางปฏิรูป เป็นตรรกะที่ผิด  ทำให้ไม่ได้คำตอบที่ถูกต้อง สวนทางกับการปฏิรูป จะอ้างว่าเป็นวัฒนธรรมที่เขาทำกันมานานแล้วคงไม่ได้ เพราะถ้าต้องการปฏิรูปก็ต้องเปลี่ยนแปลงไม่ทำเหมือนเดิม แต่ตอนนี้กำลังเอาน้ำเน่ามาไล่น้ำเน่า ก็จะได้น้ำเน่าเหมือนเดิม 
“มีบางคนบอกว่าต้องเอาโจรปราบโจร ผมขอบอกว่าถ้าทำอย่างนั้นโจรก็ชนะ เราก็จะได้โจรมาปกครอง คนที่เป็นเจ้าของบ้านก็เตรียมตัวถูกปล้นได้เลย ทฤษฎีโจรปราบโจรจึงไม่ควรนำมาใช้ แต่ควรให้ความรู้ประชาชนเพื่อให้เลือกคนดีมาปกครอง ไม่ใช่ทำตัวเป็นโจรเพื่อไปปราบโจร” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
    นายกู้ชาติ ชายเกตุ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย และรักษาการประธาน นปช.จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองเวลานี้ไม่ต่างจากปี 2499 ที่ดึงอดีต ส.ส.และพรรคการเมืองเข้าร่วมกันสนับสนุน แต่ขอฟันธงไปเลยว่าผลการเลือกตั้งรอบนี้ พท.จะเข้ามามากที่สุดประมาณ 200 เสียง ส่วนที่เหลือ 300 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รอบนี้เอาไป 100 เสียง และอาจเหลือ 85 เสียง ส่วนภูมิใจไทย 40 เสียง นอกนั้นมี 30 เสียง และ 2-3 เสียง
    สำหรับการยืนยันความเป็นสมาชิกซึ่งวันที่ 30 เม.ย.ถือเป็นวันสุดท้ายนั้น นายสมชัยประเมินว่า คาดว่าอีก 1-2 วันจะทราบตัวเลขสมาชิกของแต่ละพรรคการเมือง เช่น ปชป.เดิมมีสมาชิกกว่า 2 ล้านคนจะเหลือจำนวนเท่าใด พรรคมหาชน สมาชิก 1 ล้านคนจะเหลือเท่าใด พรรคเพื่อไทยสมาชิก 2 แสนคนจะเหลือเท่าใด และเมื่อมีการยืนยันการเป็นสมาชิกแล้วจำนวนก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจำนวนจะชัดเจนก็ต่อเมื่อ คสช.ปลดล็อกทางการเมือง ที่จะมีการสมัครสมาชิกพรรคได้อีกครั้ง
'ปชป.' ยอดเหลือ 8 หมื่น
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้า ปชป.กล่าวว่า มีสมาชิกมายืนยันอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นคน  จากสมาชิกที่มีอยู่ 2.5 ล้านคน ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ โดยอุปสรรคที่ทำให้สมาชิกมายืนยันจำนวนน้อย  คือ 1.ปัญหาการปฏิบัติได้ยาก 2.เรื่องการชำระค่าสมาชิก 3.ปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง 4.มีจำนวนหนึ่งแจ้งว่าไม่ยืนยันการเป็นสมาชิกเพราะไม่ยอมรับคำสั่งเผด็จการ และ 5.มายืนยันแต่ไม่จ่ายค่าบำรุงพรรค
     นายนิพิฏฐ์กล่าวคาดว่าน่าจะมีผู้มายืนยันไม่ถึงหนึ่งแสนคนจาก 2.5 ล้านคน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้สมาชิกมายืนยันน้อยมาจาก 3 ปัจจัย คือ 1.มีขั้นตอนยุ่งยาก 2.คสช.ไม่อนุญาตให้พรรคทำการประชาสัมพันธ์ และ 3.สมาชิกจำนวนมากไม่พร้อมจ่ายค่าบำรุงพรรคตามที่กำหนด แต่ทุกคนก็ยืนยันว่ายังคงสนับสนุนและเลือกพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป 
    นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี ปชป.และอดีตแกนนำ กปปส.โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่สมาชิก ปชป. 2.5 ล้านคนจะมีโอกาสได้แสดงตนยืนยันการเป็นสมาชิก ปชป.ต่อไป ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2561 โดยให้เวลาสมาชิกแสดงตนยืนยันเพียง 30 วัน (1-30 เม.ย.61) พวกเราชาว ปชป.ทั่วประเทศระดมกันออกไปพบสมาชิกเพื่อขอคำยืนยันการเป็นสมาชิกต่อ จนจะสิ้นสุดวันสุดท้ายคือวันนี้ คงจะได้รายชื่อสมาชิกที่ยืนยันทั้งที่ชำระค่าบำรุงพรรคทันที และขอชำระในภายหลังรวมกันคงไม่เกินแสนคน
    "หลังจากวันนี้ไปสมาชิกของเรา 2.4 ล้านคนจะถูกกฎหมายเผด็จการทหารชุดนี้ปิดปากตัดสิทธิ์ให้ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรค ปชป.ทันที ด้วยเขามุ่งหวังทำลายพรรคประชาธิปัตย์ให้อ่อนกำลังลง  ขอบอกว่าไม่มีทางครับ แม้จะขาดจากสมาชิก ปชป.เพราะกฎหมายอัปยศของ คสช. แต่จิตใจและวิญญาณของมวลสมาชิกยังเป็น ปชป.เหมือนเดิม โปรดรู้ด้วยว่า 'Democrat Party never die' " นายอิสสระ ระบุ
    ด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงจำนวนตัวเลขสมาชิกพรรคที่มายืนยันว่า เดิมพรรคมีสมาชิกประมาณ 1.3 แสนคน จนถึงวันที่ 26 เม.ย. มีสมาชิกมายืนยันความเป็นสมาชิกแล้ว 6,000 คน แต่ตัวเลขสรุปในวันที่ 30 เม.ย.เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ คาดว่าจะมีผู้มายืนยันความเป็นสมาชิกประมาณ 10,000 คน เหตุที่คนมายืนยันความเป็นสมาชิกน้อย เป็นเพราะไม่เห็นด้วยกับการจ่ายเงินค่าสมาชิก
      นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการ พท.กล่าวเช่นกันว่า ตัวเลขคร่าวๆ ประมาณ 10,000  คนบวกลบ ซึ่งแม้สมาชิกตอนนี้จะลดลงแต่ไม่สามารถทำลายความนิยมของพรรค และต่อไปเมื่อปลดล็อกคนใหม่ก็สามารถมาสมัครได้ทันที  
    นายซูการ์โน มะทา อดีต ส.ส.ยะลา พรรคเพื่อไทย และเป็นหลานนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า ตนเอง นายวันมูหะมัดนอร์ และกลุ่มวาดะห์ชัดเจนแล้วว่าจะไม่ไปยืนยันการเป็นสมาชิก พท. เพราะตัดสินใจกันแล้วว่าจะย้ายไปอยู่พรรคประชาชาติ 
    ขณะที่นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า เบื้องต้นมียอดยืนยัน  2,500 คนจากสมาชิกที่มี 24,710 คน ซึ่งไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ต้องจำใจยอมรับ และหลังจากนี้คงต้องหาวิธีเพื่ออธิบายผู้ที่เคยเป็นสมาชิกอีกครั้งผ่านทางจดหมาย เพื่อให้บุคคลที่ไม่ยืนยันกลับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคอีกครั้ง หลังจากที่ คสช.ปลดล็อกคำสั่งที่ห้ามพรรคทำกิจกรรมทางการเมือง
     “เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อระบบการเมืองแน่นอน โดยเฉพาะการทำระบบเลือกตั้งขั้นต้นหรือไพรมารีโหวต ที่กำหนดให้ต้องใช้สมาชิกพรรคเป็นเกณฑ์กำหนด จึงอยากให้ทบทวนการทำไพรมารีโหวต ให้นำไปใช้ในการเลือกตั้งรอบหน้าจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นทั้งพรรคเก่าในระบบกับพรรคการเมืองเกิดใหม่จะลำบากมาก” นายนิกรกล่าว
ชาติพัฒนาปลื้มตัวเลข
    นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวว่า มีสมาชิกพรรคมายืนยันทั้งสิ้น  5,583 คน จากสมาชิกที่มีอยู่เดิม 18,163 คน คิดเป็น 30.7% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และเมื่อมีการปลดล็อกทางการเมืองแล้ว พรรคจะดำเนินการจัดหาสมาชิกเพิ่มเติมต่อไปอีก ให้ได้ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าอย่างน้อยต้อง 10,000 คนขึ้นไป 
    รายงานข่าวจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แจ้งว่า มีสมาชิกมาแสดงตนประมาณ 1,700 คน จากเดิม  1.2 แสนคน ซึ่งปัญหาเกิดจาก 4 สาเหตุหลัก คือ 1.ความยุ่งยากและอุปสรรคในเรื่องเอกสาร 2.ประชาชนห่างหายจากการเมืองไปนานตั้งแต่รัฐประหาร 3.สมาชิกส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดและมีภูมิลำเนาที่แตกต่างกัน หากต้องการได้สมาชิกเป็นจำนวนมากต้องใช้บุคลากรจำนวนมากลงไปเคาะประตูบ้าน ซึ่งพรรคมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และ 4.สมาชิกส่วนใหญ่เดิมเป็นของอดีต ส.ส.ในกลุ่มมัชฌิมาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต ส.ส.สุโขทัย ที่เป็นคนก่อตั้ง ภท. ก่อนแยกตัวออกไปทำกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ 
    รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่ออดีต ส.ส.ที่ไม่มายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค คือ นายสมมุติ  เบ็ญจลักษณ์ อดีต ส.ส.ปัตตานี ที่มีกระแสข่าวว่าย้ายไปอยู่ ปชป. ขณะที่กลุ่มบ้านริมน้ำของนายสุชาติ  ตันเจริญ อดีต รมช.มหาดไทย ที่มีกระแสข่าวจะไปอยู่กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นั้น ในส่วนนายสุชาติไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จึงยังมาสมัครไม่ได้ แต่นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ พี่ชาย และนายณัชพล ตันเจริญ หลานชายของนายสุชาติ ได้มายืนยันการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว นอกจากนี้หาก คสช.เปิดรับสมาชิกใหม่ก็จะมีอดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนามาร่วมแน่นอน อาทิ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์  อดีต รมช.พาณิชย์ ลูกชาย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รวมไปถึงพื้นที่ จ.นราธิวาส ที่มีนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ. และนายกูเฮง ยาวอหะซัน อดีต ส.ส.นราธิวาส ชาติไทยพัฒนา ลูกชายนายกูเซ็ง
    วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่องวิธีรายงานทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง ที่ประสงค์ยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต่อไป (ฉบับที่ 2)  พ.ศ.2561 โดยระบุให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งรายละเอียดและจำนวนสมาชิกพรรคที่ประสงค์ยืนยัน เป็นสมาชิกพรรคการเมืองต่อไปให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายในวันที่ 30 พ.ค.61 โดยบันทึกข้อมูลของสมาชิกพรรคการเมืองที่ประสงค์ยืนยันเป็นสมาชิกพรรคตามแบบฟอร์มในรูปแบบโปรแกรมไมโครซอฟต์ ออฟฟิศ แอกเซส หรือเอ็กซ์เซล ลงในแผ่นดีวีดี/ซีดีรอม จำนวน 1 แผ่น และบันทึกไฟล์ข้อมูลตามแบบฟอร์มในรูปแบบไฟล์พีดีเอฟ ลงในแผ่นดีวีดี/ซีดีรอม อีกจำนวน 1 แผ่น โดยให้หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคที่ได้รับมอบหมายลงลายมือชื่อบนแผ่นดีวีดี/ซีดีรอมทั้ง 2 แผ่น ที่บันทึกข้อมูลดังกล่าวไว้ด้วย.      


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"