เสื้อเหลืองพรึ่บสวนลุมฯ ประกาศปกป้องสถาบัน "วรงค์" จวกยับ "ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ" พร้อมแพลมแผนไคลแมกซ์ไปตึกไทยซัมมิท "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" นัด 1 พ.ย. ใส่เสื้อเหลือง-ชมพู หน้าวัดพระแก้ว แสดงพลังปกป้องสถาบัน
ช่วงเย็นวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ลานด้านหน้าพระบรมรูป ร.6 กลุ่ม "อนุชนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์" กว่า 1,000 คน นำโดย นางทยา ทีปสุวรรณ จัดกิจกรรม "รวมใจคนไทย ใส่เสื้อเหลือง ถือพระบรมรูปในหลวง ร.9 และ ร.10" โดยมีการชูพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมฉายาลักษณ์พระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมถือธงตราสัญลักษณ์ ว.ป.ร. ธงชาติ ที่มีการประดับด้วยริบบิ้นธงชาติ ที่คาดผมธงชาติ และร่มธงชาติ อีกทั้งมีป้ายคัดค้านการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ด้วย
ทั้งนี้ ประชาชนที่เดินทางมาต่างตะโกนว่า เรารักพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ เรามาด้วยใจ มาแสดงออกเพื่อปกป้องสถาบัน เราจะสู้ไปด้วยกัน ไม่ต้องการให้ใครมาจาบจ้วงสถาบัน หากอยากอยู่ประเทศไทยอย่าคิดล้มสถาบัน
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ให้สัมภาษณ์ว่า การชุมนุมวันนี้เป็นการเตือนสติเยาวชนไม่ให้ออกมาชุมนุม ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เกิดการเผชิญหน้า ปะทะกัน ขอให้น้องๆ กลับบ้าน ฟังเสียงคนไทยทั้งชาติที่ไม่ได้มีแต่น้องๆ เพียงกลุ่มเดียว การที่ออกมายื่นคำขาดเหมือนเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งควรจะไปยื่นกับพ่อแม่ที่บ้านตัวเอง การออกมาชุมนุมเรียกร้องแล้วบอกว่าตัวเองเป็นใหญ่ ถือว่าเป็นการเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง เพราะยังมีคนไทยที่รักชาติและในหลวงอยู่ทั่วประเทศ และมีมากกว่า 90%
"การที่เรียกร้องให้นายกฯ ลาออกคงไม่เป็นไร แต่ขออย่ามาย่ำยีหัวใจคนไทย โดยการใช้คำหยาบคายกับในหลวง หากอยากบอกอะไรท่าน ก็ให้ทำหนังสือไป เราเชื่อว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองท่านเข้าใจดี อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขอให้น้องๆ กลับบ้าน และไปค้นคว้าหาข้อมูล อย่าไปเชื่อนายสมศักดิ์และนายปวิน" นพ.ตุลย์ กล่าว
นายสาธิต เซกัล อดีตแกนนำ กกปส. กล่าวว่า การออกมาเรียกร้องโดยใช้คำหยาบคายเป็นสิ่งไม่เหมาะสมที่จะเรียกว่าปัญญาชน โดยเฉพาะสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้คือการจาบจ้วงสถาบัน ยืนยันว่าประชาชนส่วนใหญ่ในราชอาณาจักรไทยยังเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ ถ้ามีความขัดแย้งก็ว่ากันไป อย่าดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยว
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี กล่าวว่า การมารวมตัววันนี้ เพื่อให้รับรู้ว่ามีคนที่จงรักภักดีนี้มากที่สุดในประเทศ และเป็นการแสดงออกด้วยความสงบและสันติ เพื่อปกป้องและให้กำลังใจพระมหากษัตริย์ ไม่มีความคิดที่จะปะทะ สำหรับคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบเยาวชนที่เคลื่อนไหวขณะนี้คือ "สามสัส" คนแรกพ่อแม่เป็นจีนมาอยู่แผ่นดินไทย แต่ลูกคนพวกนี้คิดที่จะทำร้ายแผ่นดินไทย เมื่อก่อนเราเรียกคนพวกนี้ว่าผู้ชุมนุม แต่ต่อไปนี้ให้เรียกว่าพวกกบฏ
"ตอนนี้หมดมุกแล้ว เพราะขีดเส้นตายทุกวัน คนที่เก็บอาการไม่อยู่คือคนที่ชอบพูดว่าการปฏิรูปคือเปลี่ยนแปลงแบบพร้อมใจกัน แต่ปฏิวัติคือไม่ยินยอมต้องใช้กำลัง ในทางการเมืองเขาขู่ว่าถ้าไม่มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ก็ต้องมีการปฏิวัติแผ่นดินไทย คนนี้เป็นมีสะใภ้เป็นฝรั่ง แต่มาย่ำยีหัวใจคนไทย และยังบอกว่าคนใส่เสื้อสีเหลืองเหมือนสัตว์ที่ถูกบังคับ คนนี้คือปิยบุตร แสงกนกกุล"
นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า คนที่สองครอบครัวมาจากเมืองจีน ครอบครัวทำมาหากินแล้วร่ำรวยเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ปลุกเด็กให้คิดรุนแรงเพราะต้องการให้เกิดสงครามการเมือง คนนี้คือธนาธร ส่วนคนที่สามอีกำลังเจอคดีเมย์เดย์ เป็นโจทย์ฟ้องนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว แต่ไม่มาเบิกความ เพราะไมเกรนขึ้น อ้วกแตก อาจจะเครียดกับคดีเงินบริจาคที่กำลังเดินหน้า ทั้งนี้ ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี ประมาณ 9 โมงเช้า แถลงเหตุผลคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้ทุกคนไปร่วมชุมนุมเพื่อฟังในวันนั้น
จากนั้นเวลา 18.00 น. กลุ่มคนเสื้อเหลืองได้ยืนตรงร่วมกันร้องเพลงเคารพธงชาติ หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า “ข้าพุทธเจ้าทั้งหลาย เราพสกนิกรชาวไทย ขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะถวายความจงรักภักดี เทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้าด้วยชีวิต จะรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และจะไม่ยอมให้ผู้ใดละเมิดล่วงเกินต่อพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์เจ้าเป็นอันขาด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นได้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และยุติการทำกิจกรรมลงเมื่อเวลา 18.35 น. โดยแกนนำประกาศเป้าหมายต่อไปในการเดินทางไปสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นและฝรั่งเศส โดยรอประสานกับเจ้าหน้าที่ก่อน และขอให้รอไคลแมกซ์นัดหมายสำคัญที่ตึกไทยซัมมิท
วันเดียวกัน ช่วงเช้า ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย นางสาวหฤทัย ม่วงบุญศรี หรืออุ๊ หฤทัย นักร้อง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมด้วยนายศาสตรา โตอ่อน นักวิชาการอิสระ และนายศุภอรรถ จันทรสกุนต์ ทนายความ นำมวลชนสวมเสื้อสีเหลืองเดินทางมาที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยนำแผ่นป้ายกระดาษเขียนข้อความในการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องไม่ให้มีการแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย โดยระบุว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ Stop Hybrid War
นางสาวหฤทัยกล่าวว่า การมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ในครั้งนี้ ไม่ได้มีจดหมายมายื่นถึงตัวแทนสถานทูต แต่ต้องการแสดงออกเพื่อเรียกร้อง ไม่ได้มีการแทรกแซงกิจการภายในไทย โดยตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเด็ก เยาวชน และนักศึกษาในช่วงที่ผ่านมา พบมีการปล่อยข้อมูลที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งคล้ายกับกรณีที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เพื่อทำให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศนั้นๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับทำให้หลายประเทศได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจ เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในประเทศ
"ประกอบกับเอกอัครราชทูตไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี เพิ่งย้ายจากฮ่องกงมาประจำการในประเทศไทย จึงต้องการเรียกร้องให้เคารพกฎหมายไทย ไม่ก้าวล่วงหรือทำให้เกิดความแตกแยกภายในประเทศ"
นางสาวหฤทัยกล่าวอีกว่า มีหลักฐานชัดเจนแน่นอนว่ามีการบงการมาจากนอกประเทศ จะใช้ประเทศนี้ให้เป็นเหมือนฮ่องกง นอกจากนั้นยังมีการบิดเบือนว่าสถาบันอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่มีกลุ่มที่ต้องการดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้อง ก็เพื่อต้องการให้คนไทยแตกแยก ยืนยันว่าจะไม่มีการปะทะ
"เร็วๆ นี้เราจะรวมมวลชนจำนวนมากทั่วประเทศ ทั่วทั้งแผ่นดิน และขอประกาศว่าจะไม่มีการใช้ความรุนแรง และส่วนตัวเคารพความเห็นของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นการเมือง ทั้งเรื่องขอให้นายกรัฐมนตรีลาออก และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเองก็ไม่ขัดข้องหากเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ แต่ไม่ควรนำเรื่องสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวทางการเมือง" นางสาวหฤทัยระบุ
ขณะเดียวกัน ฝ่ายสื่อมวลชนและวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลของสหรัฐไม่ได้มีการสนับสนุนเงินทุน การประท้วง บุคคลหรือพรรคการเมือง แต่สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม และในฐานะมิตรประเทศ ก็จะสนับสนุนทุกฝ่าย ให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง มีส่วนร่วมในการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ถึงแนวทางที่ประเทศจะก้าวหน้าต่อไป
มีความเคลื่อนไหวของนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดง และอาสาสมัครเพื่อสังคม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กราบขอบคุณทุกๆ ท่านที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราชาวไทยทั้งประเทศ ผมไม่ได้สร้างความแตกแยก แต่อยากจะสร้างความรักที่มีต่อชาติ ศาสนา องค์พระมหากษัตริย์ ให้สืบต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
ถึงเวลาแล้วครับที่พวกเราต้องแสดงให้เขาเห็นว่า ยังมีคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพวกเขา เช่น ยกนิ้วกลางให้ขบวนเสด็จฯ ฉีกพระบรมฉายาลักษณ์ เอารูปพระมหากษัตริย์ไปแปะไว้ข้างบันได เขียนข้อความหยาบคาย ทำคลิปออกมาล้อเลียนพระมหากษัตริย์ จาบจ้วงด้วยถ้อยคำหยาบคายสกปรก
ถ้าขืนเราปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ให้พวกเขามาทำร้ายจิตใจเราต่อไปหรือครับ ผมคิดว่าวันข้างหน้าเราอาจจะไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ให้พวกเราได้รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศได้ ผมขอพลังอันเป็นมหาพลังของทุกคนชาวไทยที่ยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในหัวใจ ลุกขึ้นมาปกป้องและเป็นกำลังใจให้พระองค์ท่านด้วยนะครับ
ผมจะไปทุกที่ ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ถ้ามีการรวมพลังออกมาปกป้องสถาบัน ช่วยกันนะครับ ถึงเวลาแล้วครับที่ต้องให้เขารู้ถึงพลังของพวกเรา อย่ากลัวถ้าเราทำในสิ่งที่ถูก กราบท่านนายอำเภอ กราบท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด จัดให้พี่น้องประชาชนด้วยนะครับ ถ้าท่านไม่เริ่ม ก็คงจะยากที่พี่น้องจะออกมาครับ แล้วผมจะออกไปเดินเคียงข้างทุกๆ ท่านครับ วันที่ 1 พ.ย.2563 เวลา 16.00 น. เจอกันที่วัดพระแก้วนะครับ เสื้อเหลืองกับชมพูงามจับตาครับ
วันนี้มีเพจปลอมบอกว่าผมนัดให้ออกมา อย่าไปเชื่อนะครับ หน้าแฟนเพจ ของผมต้อง 9,500,000 คน ถ้าหลักหมื่นอย่าไปอ่าน อย่าไปสนใจครับ กราบขอบคุณทุกๆ ท่านครับผม"
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีนางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยา นัดรวมตัวคนเสื้อเหลืองแสดงพลังปกป้องสถาบัน ที่ลานพระบรมรูป ร.6 สวนลุมพินี ว่าภรรยาของตนไปในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และไปคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการไปจัดการอะไร แต่คนที่เขาติดตามทางโซเชียลที่มีอยู่พอสมควร เมื่อทราบจึงไปรวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืนปกป้องสถาบัน เสร็จแล้วก็สลายแยกย้ายกลับ ไม่ยืดเยื้อ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรน่ากังวล
เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องการเผชิญหน้าของผู้ชุมนุม 2 ฝ่าย นายณัฏฐพลกล่าวว่า ก็เห็นว่าหลบเลี่ยงกันอยู่ และเวลานี้สภาเป็นทางออกที่ดี เริ่มมีแนวทางชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนหน้านั้นก็เห็นชัดว่ามีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อเป็นทางออก ส่วนคนอื่นจะกดดันแค่ไหน ตนไม่ทราบ อยากให้มองไปที่จุดเริ่มต้นที่ฝ่ายเรียกร้องให้ปฏิรูปออกมาแสดงท่าที ก็อาจจะทำให้คนที่รักและไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงต้องออกมา เพื่อบอกจุดยืนเขาเช่นกัน
ทางด้านความเคลื่อนไหวของเครือข่ายม็อบ 3 นิ้วนั้น ที่ สน.หัวหมาก กลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องความเป็นธรรมจากการถูกทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.หัวหมาก ได้ลงมาพูดคุยพบปะกับกลุ่มนักศึกษา
พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ชี้แจงความคืบหน้าของคดีว่า เบื้องต้นได้สอบพยานฝั่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้ว 4 ปาก ส่วนประเด็นเรื่องกล้องวงจรปิด ทาง สน.หัวหมากได้ขอทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงไปจริง แต่เพิ่งขอไปวันนี้ ซึ่งก็ยังไม่ได้กล้องวงจรปิดจากทางมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ถ้ามวลชนหรือกลุ่มนักศึกษามีภาพหรือหลักฐาน ก็สามารถนำมาให้เจ้าหน้าที่เพื่อประกอบเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ พร้อมรับปากว่าจะให้ความเป็นธรรม และคดีจะชัดเจนภายใน 7 วัน อย่างไรก็ตาม ผกก.สน.หัวหมากได้เรียกตัวแทนของกลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยขึ้นไปพูดคุยชี้แจงถึงความคืบหน้าคดี พร้อมทั้งประสานงานแนวทางเรื่องการดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยหากมีการชุมนุมต่อไป
ด้าน น.ส.ธิติมา บุตรดี หรือ “น้องแบม” วัย 19 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกลำโพงทุ่มใส่จนเอ็นเท้าซ้ายฉีกต้องใส่เฝือกในวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า รู้สึกโกรธและเสียใจมากที่ไม่ได้รับความยุติธรรม พร้อมทั้งรู้สึกสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน รวมถึงจิตตกลงเรื่อยๆ หนำซ้ำยังถูกเพิกเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเป็นอย่างมาก จึงอยากฝากถึงตำรวจ สน.หัวหมาก ว่าให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และอย่าอ้างว่าหลักฐานไม่เพียงพอ เนื่องจากหลักฐานทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งภาพข่าวจากโซเชียลและผลใบรับรองแพทย์ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานถึง 7 วันแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |