จากคาบสมุทรเกาหลีถึงประเทศไทย


เพิ่มเพื่อน    

วันนี้คงต้องเปลี่ยนบรรยากาศจากเรื่องการดูดไป-ดูดมา...มาลอง ตามแห่ เรื่องราวของ สงครามและสันติภาพ ในคาบสมุทรเกาหลีกะเขาดูมั่ง เพราะใครต่อใครในบ้านเรา ดูจะตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ มิใช่น้อย ถึงขั้นแม้แต่ ฝ่ายเหลือง-ฝ่ายแดง ทำท่าว่าอยากแปลงกายเป็น คิมน้อย กับ มุน  แจอิน คิดจะจับมือ ถือแขน โดดข้ามพรมแดน ข้าม ทักษิณ และ บิ๊กตู่ กันมั่งแล้ว...

                                                                  ----------------------------------------------

                คือคงต้องยอมรับว่า...เหตุการณ์ความเป็นไปในคาบสมุทรเกาหลีหลังๆ นี้ ออกจะ ไปเร็ว และ ไปแรง เอามากๆ ใครก็ตามที่ ไล่ตามไม่ทัน มีสิทธิ์ หลงทาง เอาง่ายๆ เพราะใครจะไปคิดว่า...แวบเดียวเท่านั้น ดาวร้าย อย่าง คิมน้อย จะพลิกบทกลับมาเล่นเป็น พระเอก เอาง่ายๆ จากที่เคยยิงขีปนาวุธข้ามหัวกบาลใครต่อใครนัดแล้ว นัดเล่า กลับมาพับเพียบเรียบร้อย ล้อมวงรับประทาน บะหมี่เย็น สูตรอาหารจานเด็ดจากเกาหลีเหนือ ชนิดเย็นวูบไปทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลี...

                                                                  ----------------------------------------------

                ส่งผลให้เกิด คำถาม ตามมาติดๆ...ว่าถ้าหาก หลีเหนือกับหลีใต้ เค้าไม่คิดจะรบกันอีกต่อไปแล้ว ทหารอเมริกันเหยียบๆ 30,000 นาย ในเกาหลีใต้จะยังมัวนั่งรับประทาน กิมจิ เป็นอาหารเช้า อาหารว่าง ต่อไปทำไม ควรที่จะต้อง แยงกี้โกโฮม กลับบ้าน กลับช่อง ไปเลยหรือไม่ แถมอาจต้องรื้อระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกล พิสัยใกล้ โดยเฉพาะระบบป้องกันขีปนาวุธบนพิกัดตำแหน่งสูง (THADD) ออกไปจากเกาหลีใต้อีกด้วยหรือเปล่า และถ้าหากไปไกลกันถึงระดับนั้น ภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออก หรือแม้กระทั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะถูกปรับเปลี่ยนไปในแบบไหน อย่างไร กันอีกต่อไป...

                                                                 -------------------------------------------------

                นี่...มันไปเร็ว ไปแรง และไปไกลกันถึงขั้นนี้ แต่จะเร็วแค่ไหน แรงแค่ไหน หรือไกลแค่ไหน คงต้องรอไปดูช่วงจังหวะ คิมน้อย กับ ทรัมป์บ้า เขาพูดคุย เจรจา กันอีกที ดูว่าใครจะเป็นฝ่ายสะบัดตูด ไม่สะบัดตูด ใครจะวอล์กเอาต์ ลุกจากโต๊ะเจรจา หรือล้มเลิกการเจรจากันก่อนกลางคันหรือไม่ หรือถ้าหากยังคงคิดเจรจากันต่อไป จะหาทางตอบ คำถาม ที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เขาได้ตั้งเอาไว้เป็น โจทย์ สำหรับอนาคตของคาบสมุทรเกาหลี ที่จะไม่มีนิวเคลียร์ ไม่มีสงคราม ไม่มีความเป็นปรปักษ์ใดๆ อีกต่อไป มีแต่สันติภาพ และการร่วมพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยมีจีนและรัสเซียเป็นฐานรองรับโครงการต่างๆ ที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ชนิดเริ่มก่อรูป ก่อร่างขึ้นมาบ้างแล้ว...

                                                                ----------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่า คำตอบ มันจะออกมาในแบบไหน อย่างไร บรรดาประเทศในเอเชียที่ย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าในทางหนึ่ง ทางใด คงหนีไม่พ้นต้องหาทาง เดาคำตอบ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าสุดท้ายแล้ว...โฉมหน้าของคาบสมุทรเกาหลี หรือโฉมหน้าของเอเชียทั้งเอเชีย มันน่าจะออกไปในรูปไหน รูปที่ทำให้ความพยายาม ปักหมุดในเอเชีย ของคุณพ่ออเมริกาตั้งแต่ยุคโอมาบ้าโน่นเลย ต้องกลายเป็นการ เสียบหล่นๆ อย่างชนิดหาจุดปักกันไม่เจอ อิทธิพลของอเมริกาในภูมิภาคนี้ จะค่อยๆจางหายไปแบบครั้งหลัง สงครามเวียดนาม กันอีกหรือเปล่า การรับมือกับอิทธิพลของจีนที่อาจแผ่ซ่านเข้ามาแทนที่ ควรจะเป็นไปในรูปไหน ลักษณะไหน...???

                                                                 -----------------------------------------------------

                สำหรับประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮานั้น...ไม่ว่าจะพยายาม เดาคำตอบ เอาไว้ก่อนล่วงหน้าหรือไม่ ประการใด แต่มาถึง ณ จุดจุดนี้ ดูเหมือนว่าด้วย ความเป็นไทยๆ นั่นเอง ที่ทำให้ไม่ว่าอเมริกาหรือจีน ค่อนข้างจะ มึนซ์ซ์ซ์ กับความเป็นไทยอยู่พอสมควร คือเราไม่ได้ถึงกับ จีนจ๋า แบบเพื่อนบ้านอย่างเขมร หรือแม้กระทั่งลาว และก็ไม่ได้ อเมริกาจ๋า เหมือนอย่างสิงคโปร์ แต่ก็ไม่ได้ออกอาการ เป็นตัวของตัวเอง เหมือนอย่างฟิลิปปินส์ ยุค ดูเตร์เต มากมายซักเท่าไหร่ คือยังไม่ถึงกับกล้าลุกขึ้นมาด่าคุณพ่ออเมริกาแบบตรงไป-ตรงมา และก็ไม่ได้ถึงกับหันไปจูบปากกับจีน แม้จะเปลี่ยนไปใช้ยาสีฟัน ใกล้ชิด หลอดใหม่แล้วก็ตาม...

                                                                    ----------------------------------------------------

                แต่ของเรานั้น...นอกจากไม่เคยคิดจะแตะคุณพ่ออเมริกา ไม่ว่าถูกโขกสับซักปานไหน อีกทั้งไม่ถึงกับหันไปจูบปากกับจีนแบบดูดๆ ดื่มๆ แค่ออกไปทางหอมแก้ม หอมคาง พอให้ แจ็ก หม่า ยอมเข้ามากว้านซื้อทุเรียนคราวละหมื่นๆ ลูก อะไรประมาณนั้น แต่การหันไป ซื้อเรือดำน้ำ จากจีน ในขณะที่กลับหันมาจัดให้มีการ ซ้อมรบทำลายเรือดำน้ำ” กับอเมริกา อย่างที่กำลังซ้อมๆ ในช่วงวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา เข็นเอาเรือรบจักรีนฤเบศร เรือนเรศวร ฯลฯ ออกไปร่วมแลกเปลี่ยนปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี กับเรือพิฆาตต่อต้านเรือดำน้ำ USS Halsey และเรือ P-8 Poseidon ในทะเลอันดามัน ทั้งในแง่ข้อมูล ข่าวสาร เทคนิค และบุคลากร ฯลฯ อันนี้...ต้องเรียกว่า ก่อให้เกิดความ งงเต๊ก สำหรับใครต่อใครกันไปมิใช่น้อย...

                                                                      -------------------------------------------------------

                คือแทบเดาไม่ออก บอกไม่ถูก จะเรียกว่า เป็นตัวของตัวเอง แบบฟิลิปปินส์ก็คงไม่ใช่ แต่หนักไปทาง มะกอก 3 ตะกร้าปาไม่ถูก ซะมากกว่า ออกไปทางลื่นๆ ไหลๆ แบบไม่ได้คิดจะอาศัยการคาดเดา การประเมินสถานการณ์ใดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้าอาศัยเพียงแค่ สัญชาตญาณ ล้วนๆ ซึ่งจะถูก-ไม่ถูก ดี-ไม่ดี เหมาะ-ไม่เหมาะ คงยากซ์ซ์ซ์ที่จะหาข้อสรุปได้ชัดเจน เพราะเท่าที่เคยเป็นมาในอดีต สัญชาตญาณแบบไทยๆ นั้น สามารถก่อให้เกิดอาการ รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี มาโดยตลอด ชนิดเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับญี่ปุ่น ร่วมอยู่ใน วงไพบูลย์เอเชีย เมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พอญี่ปุ่นแพ้...ไทยกลับชนะเฉยเลย!!!

                                                                      ------------------------------------------------------

                ก็เอาเถอะ...สัญชาตญาณแบบไทยๆ เช่นนี้ จะช่วยให้สามารถ เอาตัวรอด ได้อีกหรือไม่ในอนาคตข้างหน้า คงต้องคอยติดตามกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...โลกทุกวันนี้มันไปเร็ว ไปแรง และไปไกลเอามากๆ เพียงแค่ สัญชาตญาณเอาตัวรอด อย่างเดียวล้วนๆ อาจไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นหลักประกันความมั่นคง ปลอดภัย ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในบางช่วง บางจังหวะ ที่คงต้องแสดง ความเป็นตัวของตัวเอง เอาไว้มั่ง โดยเฉพาะการแสดงให้เห็นว่า ความเป็นไทย กับ ความเป็นธรรม เป็นสิ่งที่ไปด้วยกันได้ ไม่ใช่แค่การลื่นๆ ไหลๆ เอาตัวรอดไปวันๆ อันนี้นี่แหละ...ที่จะทำให้ความมั่นคง ปลอดภัย เป็นไปอย่างยั่งยืนถาวรได้จริงๆ จังๆ...

                                                                    -----------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้... จาก Lycurgus of Sparta (อีกครั้ง)... Close alliances with despots are never safe for the free states.-เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับรัฐที่วางอำนาจกดขี่ ไม่เคยเป็นความปลอดภัยสำหรับเสรีรัฐทั้งหลาย...

                                                                    ------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"