ม็อบคึก!2กลุ่มบุกสถานทูตเยอรมัน


เพิ่มเพื่อน    


    ม็อบนอกสภาคึก "พุทธะอิสระ" นำ ศปปส.บุกรัฐสภายื่นคัดค้านตั้ง กมธ.ปฏิรูปสถาบัน  "ส.ส.ก้าวไกล" ดอดสังเกตการณ์เจอตะโกนโห่หนักแผ่นดิน ช่วงบ่าย "ทนายนกเขา" พามวลชนไปหน้าสถานทูตเยอรมนีส่งหนังสือแจงสถานการณ์การเมืองไทย ตกเย็นคิว "กลุ่มราษฎร" ยกพลกว่า 5 พันคนชุมนุมบ้าง "ศาลอาญา" ยกคำร้องขอประกันตัว "ไมค์-เพนกวิน-รุ้ง" ชี้ยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ส่วนศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้ปล่อยชั่วคราว "อานนท์ นำภา"
    ตลอดทั้งวันที่ 26 ต.ค.ซึ่งเป็นวันแรกในการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ที่รัฐบาลใช้เป็นช่องทางตามรัฐธรรมนูญเพื่อนำปัญหาการเมืองที่กำลังร้อนแรงในเวลานี้เข้าหารือในที่ประชุมนั้น ประชาชนกลุ่มต่างๆ ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
    โดยตั้งแต่เวลา 09.15 น. นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย  จ.นครปฐม เป็นตัวแทนของกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และภาคีเครือข่ายหลายกลุ่มเดินทางมาบริเวณด้านหน้าทางเข้าออกอาคารรัฐสภา ยื่นหนังสือคัดค้านการยื่นญัตติเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ผ่านนายสมบูรณ์  อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร
    พุทธะอิสระกล่าวว่า กลุ่มตนมายื่นหนังสือคัดค้านการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปสถาบัน  เพราะไม่ควรนำเรื่องสถาบันมากดดันในรัฐสภา เนื่องจากพระองค์ไม่สามารถแก้ต่างได้ และอยากให้นักการเมืองที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่ว่าประธานสภา​ รองประธานสภา หรือใครก็ได้มารับหนังสือเรื่องนี้ไปดำเนินการ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังยื่นหนังสือเสร็จผู้ชุมนุมได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับ อย่างไรก็ตามระหว่างผู้ชุมนุมกำลังทยอยเดินทางกลับมี ส.ส.พรรคก้าวไกล อาทิ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.เดินมาสังเกตการณ์ ทำให้มีผู้ชุมนุมบางส่วนตรงเข้าไปกล่าวโจมตีว่า "หนักแผ่นดิน" และบางส่วนตะโกนว่า "จาบจ้วงพระมหากษัตริย์" ซึ่งกลุ่ม ส.ส.พรรคก้าวไกลก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัวพร้อมกับยิ้มให้กลุ่มผู้ชุมนุม จนการ์ดของผู้ชุมนุมต้องมาล้อม ส.ส.กลุ่มดังกล่าวเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้ตัว ส.ส.
    ที่บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เวลา 13.00 น. กลุ่มประชาชนคนไทย​ นำโดยนายนิติธร​ ล้ำเหลือ ​หรือทนายนกเขา​ ได้เดินทางมารวมตัวกันและมีการชูป้ายรักและเคารพสถาบันกษัตริย์ มีรถติดเครื่องขยายเสียงมาจอดรอ เพื่อส่งหนังสือชี้แจงถึงสถานการณ์การเมืองไทย​
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลนำกำลังประมาณ 20 นายมายืนดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าประตูทางเข้าสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามมาตรการการดูแล ก่อนจะไปพูดคุยกับนายนิติธรเกี่ยวกับการชุมนุมบนท้องถนนว่าขออย่าให้กีดขวางการจราจร ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันว่าวันนี้เป็นเพียงการมายื่นหนังสือ ไม่ได้ต้องการทำให้ใครเดือดร้อน
2 กลุ่มบุกสถานทูตเยอรมนี
    จากนั้นเวลา ​14.00 น. ​นายนิติธรได้เข้าไปภายในสถานทูตเพื่อส่งหนังสือชี้แจงแก่เจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะออกมาอ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่ง​ว่า "ประชาชนคนไทยมีความกังวลอย่างยิ่งต่อการเรียกร้อง บางกลุ่มกำลังจะดึงสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเข้าสู่เวทีความขัดแย้งภายในประเทศไทย อันเกิดจากความพยายามต่อสู้ช่วงชิงอำนาจทางการเมือง​ เนื่องมาจากการกระทำที่ผิดกฎหมายของผู้นำของกลุ่ม  จึงพยายามสร้างสถานการณ์ที่เอื้อต่อประโยชน์ทางการเมืองของตน รวมทั้งการดึงเอาสถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างระบบสังคมแบบเดิมๆ 
    ขอตั้งข้อสันนิษฐานด้วยว่า มีกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุม แม้ไม่มีหลักฐาน แต่ดูจากปรากฏการณ์ที่เป็นจริงและสิ่งที่เห็นอยู่ที่ว่าจะยอมรับความจริงกันหรือไม่ ถ้าหากไม่นัดหมายการชุมนุม  เด็กๆ จะไปตามจุดถูกหรือไม่ จะรู้เส้นทางการเดินขบวนได้อย่างไร รวมถึงการทำป้ายข้อความต่างๆ" นายนิติธรกล่าว
    ขณะที่กลุ่มราษฎรซึ่งนัดรวมตัวกันที่แยกสามย่านในเวลา 17.00 น.เพื่อเดินทางต่อไปที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือต่อสถานทูตให้มีการตรวจสอบการใช้พระราชอำนาจนอกดินแดนเยอรมนีหรือไม่
    โดยเวลา 17.15 น.บริเวณแยกสามย่าน นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ แกนนำมวลชน ได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมลงถนนตั้งขบวนมุ่งหน้าสถานทูตเยอรมนี โดยใช้ถนนพระรามที่ 4 รวมทั้งเชิญชวนผู้ชุมนุมบางส่วนตะโกน "กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจนะ" ตลอดเส้นทาง และตะโกนขับไล่นายกฯ เช่นเดียวกัน
    ทั้งนี้ ก่อนผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปอ่านประกาศการชุมนุมผิดกฎหมายให้รับทราบ แต่ถูกโห่ไล่ให้ออกจากพื้นที่ไป
    เวลา 17.40 น.บริเวณหน้าวัดหัวลำโพง กลุ่มมวลชนได้หยุดขบวนและนั่งลงกับพื้นถนน โดยมีการสลับปราศรัยของแกนนำโดยใช้เครื่องขยายเสียงบนรถซาเล้ง นายอรรถพลบอกว่า เราไม่มีศักดินาจึงใช้รถเครื่องเสียงที่ต่ำ 
    "เราไม่คิดล้มเจ้า คนที่ล้มเจ้ามีอยู่ที่เดียวคือในบ่อน ล้มเจ้ามือไพ่ เจ้ามือไฮโล ยืนยันว่าไม่มีการล้มล้างสถาบัน แต่เป็นการปฏิรูปให้สถาบันอยู่ในร่องในรอย อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากนายกรัฐมนตรี" นายอรรถพลกล่าวกับผู้ชุมนุม 
    เวลา 17.50 น.ขณะแกนนำกำลังประกาศเพื่อเดินหน้าไปยังสถานทูตเยอรมนี หลังจากกล่าวโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหนัก ปรากฏว่าเครื่องขยายเสียงขัดข้องดับกลางคัน เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบว่าน้ำมันเครื่องปั่นไฟหมด กิจกรรมต้องหยุดไปหลายนาที
    อย่างไรก็ดี บริเวณหน้าทูต​เยอรมนี​ประจำประเทศไทย ​เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจัดตำรวจ 6 กองร้อยเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย พร้อมนำแผงกั้นมาวางบริเวณด้านหน้าสถานทูต และใช้รถบัสตำรวจจอดโดยรอบ
    เวลา 19.10 น.ขบวนผู้ชุมนุมกว่า 5 พันคนเดินทางมาถึงหน้าสถานทูตเยอรมนี ทำให้ต้องปิดการจราจรฝั่งสถานทูต และกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มกิจกรรมทันทีบริเวณถนนสาทร โดยมีการชูป้ายเขียนข้อความปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
    เวลา 19.40 น.กลุ่มมวลชนได้ส่งตัวแทนประกอบไปด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน, น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ เข้ายื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่สถานทูต
    จากนั้นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ 3 ภาษา ไทย อังกฤษ และเยอรมัน เนื้อหาโดยสรุปคือ "เนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันที่มีการแทรกแซงทางการเมือง ราษฎรทั่วหล้าได้ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอันมีข้อเรียกร้องให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพเผด็จการลาออกจากตำแหน่ง ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากราษฎร และปฏิรูปสถาบันให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง" 
ยกคำร้องประกันตัว 3 แกนนำ
    วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยุติธรรม) แถลงชี้แจงกรณีมีภาพขณะตนเองพูดคุยกับแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร 63 ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า  เข้าไปตรวจเยี่ยมในเรือนจำ และได้มีโอกาสสอบถามความเป็นอยู่และสารทุกข์สุกดิบของแกนนำทั้ง 3  คน คือ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ว่าได้รับความสะดวกสบายหรือไม่ ซึ่งได้รับการร้องขอกึ่งเล่าให้ฟังว่าอยากได้หนังสือและเป็นห่วงเรื่องการสอบ ตนจึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานงานกับมหาวิทยาลัยให้ส่งหนังสือมาให้
    ถามถึงกรณี น.ส.ปนัสยาถูกตัดผมและเปลี่ยนสีผม นายสมศักดิ์กล่าวว่า ผู้ต้องหาต้องมีการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ การซอยผมย้อมผมถือเป็นความห่วงใยของเจ้าหน้าที่ที่เห็นว่ามีความแตกต่าง โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำหญิงกลาง เพราะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว เมื่ออยู่คนเดียวเจ้าหน้าที่เรือนจำจึงห่วงใยเพราะไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเวลา เนื่องจากในห้องอยู่กัน 30 กว่าคนค่อนข้างคับแคบ อาจไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ด้านนอก 
    ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร​ กลุ่มคณาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางมาเยี่ยมพร้อมนำหนังสือเรียน เอกสารการเรียน​และหนังสือวิชาการต่างๆ มาให้นายพริษฐ์ที่ถูกคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กับ น.ส.ปนัสยาที่ถูกคุมตัวอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง พร้อมอ่านแถลงการณ์ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อนักศึกษา โดยดูแลสวัสดิภาพการดำเนินชีวิต และสามารถเข้าถึงหนังสือ ตำราเรียน และคำบรรยายที่เพื่อนและคณาจารย์ส่งมอบให้ตลอดเวลาที่อยู่ภายในเรือนจำ 2.ขอให้ศาลพิจารณาให้ได้รับการประกันตัว เนื่องจากนักศึกษามีภาระต้องเข้ารับการศึกษา  และ 3.ขอให้สังคมเคารพด้านการแสดงออกของนักศึกษา หยุดสร้างวาทกรรมเกลียดชัง และยุยงปลุกปั่นต่อการเคลื่อนไหวของนักศึกษา ซึ่งมีแนวโน้มจะนำไปสู่ความรุนแรง และขอให้สังคมเคารพสิทธิตามระบบประชาธิปไตย
    อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณาจารย์ยังไม่สามารถนำหนังสือมอบให้นายพริ​ษฐ​์​และ น.ส.ปนัสยา​ เนื่องจากเรือนจำยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม​ เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง​ 2 คนอยู่ระหว่างการกักตัวเฝ้าดูอาการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในเรือนจำ
    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง 3 ผู้ต้องหา แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มราษฎร 2563 ในคดีชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร ซึ่งนัดชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้ง 3 สำนวนประกอบด้วยสำนวนของนายภาณุพงศ์ 2 สำนวน คือสำนวนประเด็นชุมนุม ตามข้อหายุยงปลุกปั่นฯ กับข้อหาอื่นๆ และสำนวนปักหมุดคณะราษฎร 2563 บนพื้นสนามหลวง ตามข้อหาผิด  พ.ร.บ.โบราณสถานฯ กับอีกสำนวนของนายพริษฐ์และ น.ส.ปนัสยา ซึ่งเป็นการชุมนุมวันเดียวกัน  สำนวนเดียวกัน โดยศาลพิเคราะห์คำร้องปล่อยชั่วคราวแล้วเห็นว่า กรณียังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้องทั้ง 3 สำนวน
    นอกจากนี้ ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคำร้องขอปล่อยชั่วคราว คดีนายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือตัน ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง และนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิทธิเด็กและเยาวชน ซึ่งผู้ต้องหายื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ในความผิดฐานร่วมกันพยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 วรรคสอง และข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมโห่และชู 3 นิ้วใส่ขบวนเสด็จฯ
    ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ระบุว่าเมื่อพิจารณาประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวแล้ว ในชั้นนี้เห็นสมควรรอผลการสอบสวนก่อน  ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
    เช่นเดียวกับคดีนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงก์ ผู้ปราศรัยกลุ่มคณะราษฎร 2563 ในคดีชุมนุม "19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร" ซึ่งนัดชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.63 หลังศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันตัว ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว 
    มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.45 น. นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบคณะราษฎร ได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางเชียงใหม่แล้ว หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ทีมทนายความใช้หลักทรัพย์จำนวน 2 แสนบาทยื่นขอประกันตัว และขอปล่อยชั่วคราว
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร.ให้ดำเนินคดีกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา นายพิธาได้โพสต์เฟซบุ๊กมีภาพการจับกุมกลุ่มนักศึกษาที่ประเทศฮ่องกง และมีการสัมภาษณ์ทางทีวีมีการจับกุมผู้ชุมนุม 100-200 คน จริงหรือไม่อย่างไร แล้วมีการโพสต์ ขณะนั้นอยู่ระหว่างการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เป็นการเอาความเท็จมาโพสต์ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ยั่วยุปลุกปั่นทำให้เกิดการชุมนุมที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงมีความผิดทั้ง พ.ร.บ.คอมพ์ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 
    ส่วนที่บริเวณอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถ.ราชดำเนิน ครอบครัวญาติวีรชนฯ นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา'35 จัดกิจกรรมสักการะวีรชนพฤษภาทมิฬ ให้ดลบันดาลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากนายกรัฐมนตรี โดยมีพระภิกษุจากวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร 1  รูปประกอบพิธี.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"