25 ต.ค.63 - เฟซบุ๊กเพจ "คณะร่านฯ" ที่มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับม็อบ 3 นิ้ว ได้โพสต์ตอบโต้ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)โดยมีรายละเอียดดังนี้
ได้เปนโปรเฟสเซอร์ทางด้านฮิสทรีมาได้อย่างไรกัน ?
จึงแยกแยะระหว่าง การหมอบคลาน อันเปนธรรมเนียมเก่ามาแต่โบราณ
ที่ว่า เหล่าขุนน้ำขุนนาง ไพร่ ทาส จักต้องเดินด้วยเข่ามาตั้งแต่ทางเดินหรือประตู เพื่อที่จะเตรียมหมอบกราบ มือทั้งสองกุมไว้บริเวณน่องซ้ายมือ เพื่อเปนการเคารพเจ้านาย ศีรษะก็ต้องกมเปนตลอดเวลา เพ่อสำแดงความเรสเปคต่อเจ้านาย
ธรรมเนียมนี้ ในหลวง ร.๕ สั่งให้งดเลิกเสีย เพราะกระทำด้วยความยากลำบาก
และเมื่อยกเลิกแล้ว เวลาเสด็จออกว่าขุนนาง ขุนนางจึ่งสามารถนั่งโต๊ะออฟฟิศ ประชุมเสนาบดีแบบที่ฝรั่งเขาทำกันได้
นั่นคือรูปแบบของ การหมอบคลาน หรือ หมอบกราบ
ส่วนการถวายบังคม คือการสำแดงความเคารพ ในฐานะผู้น้อยต่อผู้ใหญ่ หรือผู้มีตำแหน่งสูงกว่า
ผู้ถวายบังคมไม่จำต้องนั่งหมอบตลอดเวลา สำคัญแค่นั่งเข่าตอนยกมือเหนือเกล้าถวายบังคม เพื่อสำแดงความเคารพเสร็จสิ้นก็ยืนขึ้นตามปกติ
ส่วนการทำความเคารพพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ เปนการ "กราบ" และ นั่งพับเพียบแบบเดียวกับกราบพระกราบเจ้า
เปนเรื่องทำความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่การสำแดงออกถึงการกดขี่ใด ๆ
ดังนั้น ถ้ายังแยกแยะการหมอบคลานไม่ออก กับการกราบ หรือการถวายบังคัม
ก็หยั่มมาเสนอหน้า ทำตัวว่ารู้ เช่นนี้แล้วพ่อเรียกว่าเปนการ "เสร่อ" มาสอน
เปนครูบาอาจารย์ ถ้าพลาดก็ถือว่าบาป ถ้าจงใจบิดเบือนก็ถือว่าบาปหนัก
นิสสัยเช่นนี้เห็นควรเลิกเสีย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |