เสื้อเหลืองพรึ่บ! ทั่วประเทศ พปชร.มีมติให้ ส.ส.  จัดกิจกรรมปกป้องสถาบันทุกพื้นที่ แสดงพลังให้ม็อบเด็กเห็น โวเสื้อเหลืองมีประสบการณ์ เชื่อไม่เกิดการปะทะ เว้นแต่มีผู้จงใจให้เกิดเรื่อง พร้อมสนับสนุนให้ "บิ๊กตู่" ทำงานต่อไป “พรเพชร” นำ ส.ว.-ขรก.วุฒิสภา แสดงจุดยืนปกป้องพิทักษ์สถาบัน
         เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น.ส. ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ และนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมพรรค
    โดย น.ส.ไพลินกล่าวว่า ที่ประชุม พปชร. มีมติยึดมั่น 3 ข้อ 1. ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.มีความมุ่งมั่นให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 3.สนับสนุนการแก้ รธน.ผ่านกระบวนการรัฐสภา และจะต้องไม่กระทบหมวด 1 และ 2   
    "ส.ส.และสมาชิกพรรคจะยืนหยัดเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้ทำงานรับใช้ประชาชนคนไทยทุกคน และพวกเราเป็นกำลังใจให้ฟันฝ่าวิกฤติตรงนี้ไปได้"
    ด้านนายสัณหพจน์กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้สมาชิกและ ส.ส.ทุกคนปกป้องสถาบัน และสามารถจัดกิจกรรมในพื้นที่เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี อาทิ การใส่เสื้อเหลืองออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนเช่นในหลายพื้นที่ที่จัดก่อนหน้านี้ เช่น จังหวัดชลบุรี นราธิวาส เป็นต้น เพื่อให้ผู้มีความเห็นต่างอีกฝ่ายได้เห็นว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่รักและพร้อมจะปกป้องสถาบัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่มีกลุ่มมวลชนมาปะทะกันอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองเป็นคนวัยทำงาน และผ่านการชุมนุมมาหลายครั้ง เว้นแต่จะมีคนที่ต้องการสร้างสถานการณ์
    ที่อาคารสุขประพฤติ ถ.ประชาชื่น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วย พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 แสดงจุดยืนในการปกป้องพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักสำคัญของชาติ ที่ด้านหน้าอาคารสุขประพฤติ พร้อมกล่าวปฏิญาณตนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีจอมราชา
     จากนั้น ประธานวุฒิสภาได้แถลงจุดยืนในการปกป้องพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยย้ำถึงบทบาทของวุฒิสภาว่า เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจทางนิติบัญญัติ และเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจอธิปไตย วันนี้มีความเข้าใจที่สับสน จึงอยากแสดงเจตนารมณ์ให้ ส.ว. ประชาชน และสื่อมวลชน ทำความเข้าใจให้ได้ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ว. จะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือเราต้องใช้อำนาจอธิปไตย โดยเฉพาะอำนาจนิติบัญญัติ ให้เป็นไปตามหลักการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องเตือนใจของ ส.ว.ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญ
    ที่หน้าศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ มีประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมรวมพลังพิทักษ์ราชัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีพร้อมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ บริเวณด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการกล่าวคำปฏิญาณที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ด้วยชีวิต และร่วมร้องเพลงชาติ เพลงสดุดีมหาราชา เพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมทั้งตะโกนว่าลุงตู่สู้ๆ ไชโยๆ  
    อย่างไรก็ตาม การรวมตัวในครั้งนี้ไม่มีการปราศรัยและชุมนุมค้างคืน จนกระทั่งเวลา 18.10 น. นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ นัดหมายให้ร่วมทำกิจกรรมที่ลานพระบรมรูป ร.6 สวนลุมพินี ในช่วงเย็นวันที่ 27 ต.ค.นี้ เวลา 15.00 น.
    ทั้งนี้ นพ.เหรียญทองเผยว่า วันนี้เป็นการทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่คนที่รู้สึกอึดอัดมาร่วมกันทำกิจกรรม โดยยังไม่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการชุมนุม คนเสื้อเหลืองเป็นแค่สัญลักษณ์ที่แสดงถึงความจงรักภักดี มุ่งจะรักษาความสงบ อดทน อดกลั้น ส่วนทิศทางการชุมนุมจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คนเสื้อเหลืองไม่ได้เป็นผู้กำหนดสถานการณ์ แต่หากมีเหตุการณ์ที่มีการล่วงละเมิดจนทนไม่ได้ ตนและประชาชนที่จงรักภักดีจะออกมารวมตัวกันอีก
    ส่วนกลุ่มไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แถลงการณ์เรื่อง "นายกต้องอยู่ต่อ" โดยระบุว่า ขอยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์  ยังมีความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยมีเหตุผลดังนี้
    1.ท่านเป็นนายกฯ ที่มาตามระบอบประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้ง และรวบรวมเสียงข้างมากได้ ตามหลักของรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนลงประชามติมา 16.8 ล้านเสียง    2.ฝ่ายต่อต้านยังไม่สามารถหาเหตุผลใดๆ รวมทั้งการทุจริตคอร์รัปชัน ที่แสดงว่าท่านทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างร้ายแรง มานำเสนอต่อประชาชน มีเพียงข้อกล่าวว่าเผด็จการ 3.ยืนยันว่าท่านไม่ใช่เผด็จการ ตามที่ฝ่ายต่อต้านกล่าวหา
    4.การเรียกร้องให้ท่านนายกฯ ลาออก ก็เพียงเพื่อเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายผู้ชุมนุมรุกต่อ เพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ 5.การเรียกร้องของผู้ชุมนุม ไม่ได้เป็นไปตามเหตุตามผลที่เกิดขึ้น เพียงแต่ใช้โซเชียลฯ สร้างวาทกรรมกล่าวหา
    ดังนั้น กลุ่มไทยภักดี จึงขอเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไป ไม่เพียงแต่ในเรื่องความชอบธรรมของท่าน แต่หมายถึงการดำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการชุมนุม มีชายวัยกลางคนสวมเหลืองถือป้ายที่มีข้อความเชิงต่อต้านนายกรัฐมนตรีเพื่อเข้ามาอยู่ในกลุ่ม ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจและด่าทอ มีการปะทะกันเล็กน้อย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำตัวชายคนดังกล่าวออกไป
    นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลายจังหวัด ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา กลุ่มคนโคราชปกป้องสถาบัน มีป้ายข้อความว่า "รวมพลคนรักสถาบัน กองทัพประชาชนปกป้อง จังหวัดนครราชสีมา รวมพลหน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี"  จำนวนกว่า 500 คน โดยนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.สามพราน จ.นครปฐม เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ และยืนเคียงข้างกลุ่มคนโคราชปกป้องสถาบัน
    ทั้งนี้ ประชาชนพร้อมใจกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" 3 ครั้งอยู่ตลอด เพื่อแสดงพลังปกป้องสถาบัน พร้อมมีการโบกสะบัดธงชาติกระดาษ ก่อนเดินไปรวมตัวกันที่หน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีจนแน่นพื้นที่ ร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา, เพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญๆๆ ไชโยๆๆ" ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ก่อนที่กลุ่มมวลชนทั้งหมดจะสลายตัวไปโดยไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงแต่อย่างใด
    ที่หน้ามุขศาลากลางจังหวัดหนองคาย ได้มีชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจาก 9 อำเภอของจังหวัดหนองคาย โดยมีตัวแทนจาก 5 อำเภอ คือ อ.เมืองหนองคาย อ.ท่าบ่อ, อ.ศรีเชียงใหม่, อ.สระใคร และ อ.โพนพิสัย ประมาณ 300 คน มาร่วมกันแสดงพลังปกป้องสถาบัน ยื่นหนังสือต่อนายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เพื่อให้ส่งต่อถึงนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้มีการอ่านแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์ กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตน และร้องเพลงชาติร่วมกัน
       กลุ่มประชาชนผู้รักและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จำนวนประมาณ 2,500 คน ได้ร่วมชุมนุมที่บริเวณลานรัฐพิธีศาลากลาง จังหวัดเพชรบุรี โดย พ.ต.อ.ธีระ สิงประเสริฐ อ่านคำแถลงการณ์แสดงเจตนารมณ์ มีข้อความว่า ตามที่ได้มีกลุ่มบุคคลออกมากระทำการในลักษณะจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีเจตนาที่จะบ่อนทำลายและล้มล้างสถาบันอันเป็นที่รักและเทิดทูนยิ่งของปวงชนชาวไทยนั้น พวกเราประชาชนชาวจังหวัดเพชรบุรี ในฐานะราษฎรซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ขอแสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดและเป็นพลังในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และแสดงออกถึงความจงรักภักดี เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ และขอเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวยุติการกระทำอันไม่สมควรโดยเร็ว
    ที่พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ นายสมควร ในทอง ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อำเภอเมืองอำนาจเจริญ พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ประมาณ 1,000 คน ร่วมกันแสดงพลังเพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาติ พร้อมทั้งอ่านแถลงการณ์ของชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการรวมพลังปกป้องสถาบันหลักของชาติ
    ที่ จ.สงขลา มีประชาชนออกมาแสดงพลังปกป้องสถาบันกันอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์บ้านเมืองค่อนข้างตึงเครียด และมีการจาบจ้วงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยล่าสุดที่ อ.เทพา ซึ่งเป็นพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา และเป็นพื้นที่ความมั่นคง ได้มีข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนชาวเทพา กว่า 2,000 คน พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อเหลืองเดินทางมารวมตัวกันที่อาคารอเนกประสงค์หน้าที่ว่าการอำเภอเทพา เพื่อรวมพลังแสดงความจงรักภักดี และแสดงจุดยืนในการร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนที่จะร่วมกันร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมกับชูพระบรมฉายาลักษณ์และโบกสะบัดธงชาติไทย และมีตัวแทนขึ้นกล่าวแสดงจุดยืนของชาว อ.เทพา ที่จะจงรักภักดี และร่วมกันปกป้องสถาบันอย่างถึงที่สุด เพราะหากไร้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ก็ไร้ซึ่งแผ่นดินไทย
    ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอตะกั่วทุ่ง จ.พังงา มีประชาชนจากทุกตำบลในอำเภอตะกั่วทุ่งกว่า 500 คน นำโดยนายณรงค์ แสงคง ประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านอำเภอตะกั่วทุ่ง สวมใส่เสื้อเหลืองยืนตรงเคารพธงชาติ และร่วมกันประกาศว่า "พวกเราจะรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" เป็นจำนวน 3 ครั้ง จากนั้นได้ยื่นหนังสือให้นายอำเภอตะกั่วทุ่ง เพื่อแสดงจุดยืนแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะที่อำเภอเมืองพังงา มีชาวเมืองพังงาใส่เสื้อเหลืองมาแสดงพลังกันกว่า 300 คน.