กกต.จับมือ มท.ติวเข้มเตรียมพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่น   การันตีมีม็อบ-ยุบสภาไม่กระทบเลือก อบจ. "อิทธิพร" ยันเพิกถอน "สุรพล" ทำตามหน้าที่ไม่บกพร่อง สั่งคืนเงิน พท. 9 ล้านบาท แย้มจ่อลงมติฟันอาญา "ธนาธร" กับ 15 อดีต กก.บห.อนาคตใหม่

    ที่โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทารา ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดประชุมชี้แจงการเตรียมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น โดยมีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไท, นายปกรณ์ มหรรณพ, นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการ กกต. โดยมีปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศและกรุงเทพมหานคร รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
    นายอิทธิพรกล่าวว่า ยืนยัน กกต.เตรียมพร้อมจัดการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น โดยมีการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง ประกาศระเบียบต่างๆ จัดอบรมเจ้าหน้าที่ เตรียมจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ตั้งคณะกรรมการไต่สวนเมื่อปรากฏเหตุหรือมีการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้ง และการจัดการเลือกตั้งโดยเคร่งครัดในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ คาดว่าในการเลือกตั้ง อบจ.ในครั้งนี้ จะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 47 ล้านคน โดย กกต.ได้เปิดสายด่วน 1444  เว็บไซต์สำนักงาน กกต. และแอปพลิเคชันสมาร์ทโหวต พร้อมให้ข้อมูลกับผู้สมัครและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
        ทั้งนี้ ขอให้ปลัด อบจ.ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่จะลงสมัครทราบถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เพราะถ้าหากไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามแล้วมายื่นสมัครกฎหมายกำหนดให้มีความผิดทางอาญา ขณะเดียวกันเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาใช้สิทธิและร่วมตรวจสอบการเลือกตั้งเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต ซึ่งตามกฎหมายมีมาตรการในการคุ้มครองพยาน รวมทั้งมีรางวัลให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสทุจริต
         ด้านนายสันติธร ยิ้มละมัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า มหาดไทยพร้อมสนับสนุนภารกิจการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นของ กกต. ก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือแจ้งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้ทำการศึกษากฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นตั้งแต่ยังร่างกฎหมาย และขณะนี้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 7,848 แห่ง ไม่รวมเมืองพัทยา และกรุงเทพมหานคร ได้รายงานมาครบถ้วนว่าได้จัดเตรียมงบค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไว้พร้อมแล้ว และมี 70 จังหวัด ได้ออกประกาศข้อบัญญัติเรียบร้อย อีก 6 จังหวัดกำชับว่าถ้ามีปัญหาไม่สามารถประกาศข้อบัญญัติได้ ให้ประกาศใช้งบประมาณจัดการเลือกตั้งที่เดิมตั้งไว้ในปีงบประมาณ 63 ไปก่อน และเมื่อ กกต.ประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีผลให้นายกฯ และสมาชิก อบจ.ที่ปฏิบัติอยู่พ้นจากตำแหน่งทันที ก็ได้แจ้งให้ปลัด อบจ.ปฏิบัติหน้าที่แทนเท่าที่จำเป็นตามที่กฎหมายกำหนด เรื่องใดไม่จำเป็นให้รอหลังการเลือกตั้ง
    นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำปลัด อบจ.ในการจัดทำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การจัดพิมพ์และควบคุมการจัดส่งบัตรเลือกตั้ง โดยส่วนใหญ่จะใช้โรงพิมพ์อาสารักษาดินแดนเป็นที่จัดพิมพ์ มีบางพื้นที่เท่านั้นที่จะใช้โรงพิมพ์จุฬา รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งเวียนไปยังผู้ว่าฯ ปลัดอบจ.และนายอำเภอให้เตรียมเป็นผู้รับแจ้งเหตุการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ตามที่ กกต.ได้มีหนังสือมอบหมายก่อนหน้านี้ รวมถึงการรับแจ้งเหตุผู้สมัครใช้เงินเกินกฎหมายกำหนด ซึ่งกฎหมายกำหนดให้อำนาจผู้ว่าฯ นายอำเภอเพียงแค่มีเหตุอันควรสงสัยว่าใช้เงินเกินก็ดำเนินการได้
    ภายหลังการประชุม ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นว่า กระบวนการหลังจากนี้ ในวันที่ 26 ต.ค. กกต.จะออกประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้ง อบจ. ส่วนเรื่องอื่นๆ อาทิ การประกาศค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ขณะนี้แต่ละจังหวัดได้มีการประกาศครบถ้วนแล้ว ขณะที่การแต่งตั้ง กกต.ท้องถิ่น ทาง กกต.ได้เห็นชอบทั้ง 76 จังหวัดเรียบร้อยแล้วเช่นนี้ โดยกระบวนการทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามขั้นตอน โดยหลังจากนี้จะมีการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งให้เข้มข้นมากขึ้นด้วย
    เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภาเกิดขึ้น การเลือกตั้งจะดำเนินต่อไปหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะเป็นคนละส่วนกัน เมื่อถามย้ำว่าการชุมนุมและความวุ่นวายต่างๆ จะมีผลกระทบหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า หวังว่าจะไม่มีผลกระทบ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการจัดการเลือกตั้งและให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิ์ ไม่น่าจะกระทบ โดยเตรียมพร้อมให้การเลือกตั้งมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงนี้ยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  ซึ่งที่ผ่านมาเราจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในช่วงโควิด-19 ถึง 2 ครั้ง ทั้งลำปางและสมุทรปราการ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ไม่มีการแพร่ระบาดแต่อย่างใด
    ประธาน กกต.ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย ทวงความรับผิดชอบ กกต. และขอให้คืนสิทธิ ส.ส.หลังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้องกรณี กกต.เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ยืนยันว่า กกต.พิจารณาตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายทุกประการ ซึ่งในคำพิพากษาของศาล การดำเนินการและขั้นตอนของ กกต.ไม่พบว่ามีอะไรบกพร่อง จึงไม่มีเรื่องที่ต้องทำต่อ เพียงแต่มีประเด็นในเรื่องของเงินอุดหนุนพรรคการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ กกต.ได้หักเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจากพรรคเพื่อไทย เมื่อศาลพิพากษายกคำร้องจำเป็นต้องคืนเงินที่กันเอาไว้จำนวน 9 ล้านบาทให้กับพรรคเพื่อไทย
    อย่างไรก็ตาม ประเด็นของการคืนสิทธิ ส.ส.และข้อสงสัยต่างๆ จะมอบหมายให้สำนักงาน กกต.เป็นผู้ชี้แจง ขอย้ำว่า กกต.ได้พยายามทำทุกอย่างตามกรอบอำนาจหน้าที่ หากจะมีการยื่นฟ้องร้องต่อ กกต.เป็นการตัดสินใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อมีการเห็นต่างเป็นสิทธิเสรีภาพที่จะดำเนินการ เราจะไม่โต้ตอบ เพราะต้องน้อมรับความเห็นต่าง
    นายอิทธิพรเปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาการดำเนินคดีอาญากับอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคว่า สำนวนคดีเงินกู้ได้มาถึง กกต.เรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างพิจารณา คาดว่าจะสามารถลงมติในเร็วๆ นี้ หรือถ้าสัปดาห์หน้าสามารถลงมติได้จะลงมติ ซึ่งการพิจารณาจำเป็นต้องใช้เวลา เนื่องจากต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีต่อไปหรือไม่ หรือดำเนินคดีในด้านใด และใครบ้าง ทั้งนี้ ยืนยันว่าพยานหลักฐานทางเจ้าหน้าที่ของ กกต.ที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว
    เมื่อถามว่า หาก กกต.ลงมติแล้วกระบวนการหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายอิทธิพรกล่าวว่า กระบวนการจะเป็นการดำเนินคดีอาญา โดยที่ผ่านมาหลัง กกต.มีมติจะให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    สำหรับอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ มีทั้งหมด 16 คน ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ, นายชำนาญ จันทร์เรือง, พล.ท.พงศกร รอดชมภู, น.ส.พรรณิการ์ วานิช, นายไกลก้อง ไวทยการ, น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์, นายสุรชัย ศรีสารคาม, นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์, น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ, นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์,  นายชัน ภักดีศรี, นายสุนทร บุญยอด, นายรณวิต หล่อเลิศสุนทร และนายนิรามาน สุไลมาน.