เพลิงไหม้โรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้าในไต้หวัน คลอก 2 แรงงานไทยเสียชีวิตอนาถ รมว.แรงงานเผยได้รับรายงานแล้ว สั่งดูแลด้านสวัสดิการเต็มที่ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ปลอบขวัญ
    พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ว่าเมื่อเวลา 21.26 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานชินพูน สาขาผิงเจิ้น ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก เกิดเพลิงลุกลามไปยังหอพักคนงานต่างชาติที่อยู่ติดกัน ประกอบด้วย คนงานชายไทย 180 คน และแรงงานหญิงเวียดนาม 130 คน เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ช่วงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 29 เม.ย. โดยเหตุเพลิงไหมครั้งนี้มีตำรวจดับเพลิงเสียชีวิต 6 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย มีแรงงานไทยเสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ นายภานุพงษ์ แสงลัม อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา จ.ฉะเชิงเทรา และนายเชิดศักดิ์ บุรัมย์สูงเนิน อายุ 42 ปี จาก จ.บุรีรัมย์ แรงงานไทยที่เสียชีวิตทั้ง 2 ราย จัดส่งโดยบริษัทจัดหางาน เอสพี ลีดเดอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (ไทย) และบริษัทจัดหางาน SUMMIT CO., LTD. (ไต้หวัน)
    พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า สำนักงานแรงงานไทยฯ ได้กำชับให้นายจ้างและบริษัทจัดหางานดูแลคนงานไทยกลุ่มดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและเหมาะสมในเบื้องต้นแล้ว ทั้งนี้ ทราบจากนายจ้างว่าโรงงานที่เกิดไฟไหม้ ได้แก่ โรงงานผิงเจิ้น ได้รับความเสียหายและส่งผลกระทบต่อการผลิตไม่มากนัก แต่คนงานบางคนอาจยังไม่สามารถเข้าทำงานปกติได้ในวันที่ 30 เม.ย. แต่จะไม่กระทบต่อรายได้ของคนงาน เนื่องจากบริษัทจ่ายค่าจ้างให้ตามปกติ และอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย ส่วนตัวของแรงงานต่างชาติได้ให้ความช่วยเหลือจัดซื้อเสื้อผ้าและเครื่องใช้ต่อไป สำหรับแรงงานไทยที่เสียชีวิต ทางโรงงานจะเชิญทายาทมาจัดการศพและจัดการเรื่องสิทธิประโยชน์อย่างดีที่สุด นอกจากเงินกองทุนประกันภัยแรงงานที่จะได้ตามกฎหมายแล้ว บริษัทจะให้การช่วยเหลือทายาทด้วย โดยสำนักงานแรงงานไทยฯ จะรายงานรายละเอียดให้ทราบต่อไป รวมถึงได้นัดกับนายจ้างและบริษัทจัดหางานไว้แล้วในเช้าวันที่ 30 เม.ย. จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจเยี่ยมและปลอบขวัญแรงงานไทย เพื่อตรวจดูการดูแลของนายจ้างและให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยตามสิทธิประโยชน์อย่างเหมาะสม
    รมว.แรงงานกล่าวว่า ได้สั่งการให้ดำเนินการดูแลสิทธิประโยชน์ของแรงงานที่เสียชีวิตทั้ง 2 รายให้ดีที่สุด พร้อมมอบหมายให้สำนักงานจัดหางาน จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.นครราชสีมา ไปพบกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อประสานงานและให้การช่วยเหลือเยียวยากับครอบครัวในเบื้องต้นด้วยแล้ว ส่วนแรงงานที่ยังทำงานอยู่กับโรงงานดังกล่าว ได้ให้สำนักงานแรงงานไทยฯ ดูแลความเป็นอยู่และอื่นๆ อย่างเหมาะสม.