'กลินท์'รับต่างชาติเริ่มสอบถามสถานการณ์ในไทยพร้อมคิดใหม่เรื่องลงทุน


เพิ่มเพื่อน    


20 ต.ค. 2563 นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้มีนักลงทุนต่างชาติ ติดต่อมาทางสภาหอฯและสถานฑูตถึงสถานการณ์ในประเทศไทย โดยได้สอบถามถึงความปลอดภัย และท่าทีของรัฐบาล รวมถึงเรื่องการเคอร์ฟิวด้วย ซึ่งต้องรับว่าตอนนี้มีเอกชนบางส่วน เริ่มพิจารณาในแผนการลงทุนใหม่ โดยได้รอดูสถานการณ์ในประเทศว่าจะเป็นอย่างไรภายในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยภายในวันที่ 20 ต.ค. 63 ทางสภาหอฯ จะจัดการหารือระดมความคิดในหน่วยงานถึงทิศทางของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงปัญหาการชุมนุมของคณะราษฎร 63 ว่าจะมีมุมเป็นอย่างไร ซึ่งในส่วนของการลงทุนนั้นประเทศไทยก็มีคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม ที่เป็นปัจจัยให้นักลงทุนพิจารณาด้วย

นายกลินท์ กล่าวถึงการดำเนินโครงการพักชำระหนี้และดอกเบี้ย 6 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.2564 ของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ว่ามาตรการดังกล่าว ครอบคลุมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสมัครใจเข้าโครงการทั้งสิ้น 1.05 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้ 1.35 ล้านล้านบาท โดยลูกหนี้ต้องมีคุณสมบัติเป็นหนี้ที่ยังชำระปกติ หรือค้างไม่เกิน 90 วัน วงเงินของทุกบริษัทในกลุ่มที่มีกับสถาบันการเงินเดียวกันไม่เกิน 100 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค.2562

ขณะที่ตามมาตรการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติหลังหมดมาตรการคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% กว่าของยอดหนี้ที่เข้าข่ายเข้าโครงการ กลุ่มที่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจแต่ยังไม่ฟื้นตัวประมาณ 20% กว่าให้สถาบันการเงินปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้ กลุ่มที่ยังไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ประมาณ 10% ให้สถาบันการเงินขยายเวลาชำระหนี้เป็นรายกรรีได้อีกไม่เกิน 6 เดือนนับจากสิ้นปี 2563 และกลุ่มที่ขาดการติดต่อกับสถาบันการเงินคาดว่ามีประมาณ 6% คิดเป็นลูกหนี้ประมาณ 80,000 กว่าราย ซึ่งสถาบันการเงินจะพยายามติดตามลูกหนี้เข้ากลับมาสู่ระบบให้ได้มากที่สุด หากสุดท้ายไม่สามารถติดต่อได้จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่าเบื้องต้นรู้สึกพอใจกับมาตรการดังกล่าว ซึ่งธุรกิจที่มีปัญหาการเงินส่วนใหญ่อยู่ในภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เพราะไทยยังไม่เปิดรับต่างชาติ หากทยอยเปิดให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น หากผู้ประกอบการรายใดที่ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังจากนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะเข้าไปเจรจากับสถาบันการเงินเป็นรายกรณี โดยขอเวลาติดตามประเมินผลของมาตรการประมาณ 3 เดือนว่าจะเป็นอย่างไร

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจเปิดการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 26-27 ต.ค. 63 นี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้เข้าใจถึงเหตุผลของทุกฝ่าย ซึ่งจะสามารถเพิ่มความเชื่อมั่นในภาคการลงทุนมากขึ้น และฟื้นฟูถึงความต้องการในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งตอนนี้การชุมนุม อาจจะกระทบความเชื่อมั่นของเอกชนแต่ยังไม่กระทบการลงทุน ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวที่เปิดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศเทศได้ส่วนหนึ่งนั้น ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการเพื่อที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"